บทที่ 722 การเปลี่ยนจากผู้รับฟังเป็นผู้รับชม

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

ต้องขอบคุณการถ่ายทอดของรายการ ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ เมื่อหลายวันก่อน บานัสและอาลีจึงรู้ว่าได้มีการกำหนดวันงาน ‘เทศกาลดนตรีแห่งเรนทาโต’ ขึ้นในวันเสาร์สุดท้ายของเดือนแห่งทองคำทุกๆ สามปี โดยจะจัดงานเป็นระยะเวลาสามวัน พวกเขาจึงเดินทางมายังจัตุรัสบารอนเบซิกในวันนี้เพื่อดูความยิ่งใหญ่อลังการของเทศกาลดนตรีแห่งเรนทาโตผ่านทาง ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้และรับฟังท่วงทำนองแสนคลาสสิกและไพเราะจับใจอย่างหาใดเปรียบของ ‘วัลคีรี’ ผลงานของท่านอีวานส์โดยอ้อมผ่านการสัมภาษณ์และรายการอื่นๆ

พวกเขาไม่คาดคิดถึงเหตุการณ์นี้มาก่อน ขณะเฝ้ามองนักเวทที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศและ ‘จอ’ มืดๆ ที่ก่อเป็นรูปร่างขึ้นจากการผสมผสานของลวดลายสีเงินดูซับซ้อน ทั้งสองเงินนิ่งงันไปนานโข

จนกระทั่งเส้นสายสีเงินเปล่งแสงระยิบระยับขึ้นทีละน้อยๆ พร้อมกับแผ่แสงอบอุ่นผะแผ่วออกมา บานัสกับอาลีจึงตื่นจากความตื่นตะลึงได้ในที่สุด พวกเขาเอียงศีรษะเล็กน้อยและมองตรงไปด้วยความตื่นเต้นระคนมึนงง

“ถ่ายทอดสดงั้นหรือ นี่วันนี้จุดกระจายเสียงของ ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ ตั้งอยู่ที่โรงละครหลวงแห่งราชสำนักเรนทาโตอย่างนั้นหรือ” แม้ว่าอาลีจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับ ‘การถ่ายทอดสด’ มาจาก ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ แต่เขาก็มิได้เข้าใจว่ามันคืออะไร

แต่ ‘จุดกระจายเสียง’ เป็นสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มาจากเพื่อนทางจดหมายของเขา ‘ทรรศนะอัลลิน’ หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ มีฉบับพิเศษที่เคยแนะนำสถานีวิทยุและสัมภาษณ์ผู้จัดรายการดังๆ ในฐานะหนังสือพิมพ์ข่าวซุบซิบที่เปิดตัวช้ากว่าใครแต่กลับโด่งดังที่สุด ทรรศนะอัลลินจึงไม่ได้เป็นที่รักของเหล่าจอมเวทเพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ต้องการอย่างมากของราษฎรเรนทาโตที่สงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับชีวิตประจำวันของเหล่านักเวทและเรื่องฉาวของคนใหญ่คนโต จำนวนพิมพ์ของมันมีมากกว่า ‘อาร์คานา’ และ ‘เวทมนตร์’ ไปแล้วเรียบร้อย ทำให้มันกลายเป็นวิธีรวยทางลัดของเหล่านักเวท

บานัสไม่ค่อยเข้าใจคำว่า ‘จุดกระจายเสียง’ แต่เขาแปลกใจกับคำว่าโรงละครหลวงแห่งราชสำนักเรนทาโต จึงถามด้วยความตื่นเต้น “วันนี้เราจะได้ยินละคร ‘วัลคีรี’ ทั้งหมดเลยหรือ”

โฮล์มคืออาณาจักรที่บทละคร เพลงยาวที่มีเนื้อหาจากพระคัมภีร์ และละครโอเปร่าเป็นที่นิยม แม้ว่าระดับเพลงโดยเฉลี่ยแล้วจะไม่ดีเท่าของอัลโต้ มันก็ยังค่อนข้างโดดเด่นในแง่นั้น

ในเมืองสเติร์ก ไข่มุกแห่งท้องทะเลบนอีกฝั่งหนึ่งของช่องแคบสตอร์ม ประชาชนต่างเชื่อว่าละครโอเปร่าจากโฮล์มนั้นดีกว่าอาณาจักรอื่นๆ ในแง่ของพล็อต เนื้อหา และความหมาย หรือหากจะพูดให้ตรงกว่านี้ก็คือ โอเปร่าของเรนทาโตนั้นดีกว่าของอัลโต้ อย่างไรก็ดี ดนตรีในอัลโต้ก็โดดเด่นที่สุดจนกลบรัศมีศิลปะด้านอื่นๆ ไปเสีย และนักเขียนบทละครและนักร้องของอัลโต้ก็ไม่เก่งกาจเท่าของเรนทาโต

ด้วยเหตุนี้ ม่าเขาจะเป็นเพียงสามัญชน แต่บานัสก็มีความสนใจในโอเปร่าอย่างมาก เขาใฝ่ฝันมาตลอดว่าจะไปที่โรงละครหลวงแห่งพระราชสำนักเรนทาโต ซึ่งรู้จักกันดีว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์สำหรับโอเปร่า แต่แน่นอน เนื่องด้วยสถานะทางเศรษฐกิจ เขากับอาลีจึงทำได้มากสุดเพียงดูละครพื้นๆ ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาจะฟังโอเปร่าเนื่องในโอกาสพิเศษ

“หากว่า ‘การถ่ายทอดสด’ มีความเดียวกันกับที่ทาง ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ เคยว่าไว้ วันนี้เราก็จะได้ฟัง ‘วัลคีรี’ อย่างแน่นอน!” อาลีตื่นเต้นอย่างยิ่ง

ด้วยระยะเวลาออกอากาศของ ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ มันสามารถเล่นโอเปร่าคลาสสิกได้เพียงบางส่วนเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมด และนักร้องโอเปร่าที่ท่านบารอนประจำเมืองนี้สามารถเชิญมาได้นั้นก็มีเพียงความสามารถกลางๆ ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถดูการแสดงที่ชื่นชอบมานาน การได้รับฟังโอเปร่าชิ้นเอกได้เร็วที่สุดก็ยังนับเป็นประสบการณ์ชวนปลื้มปีติ

นักดนตรี นักร้องและนักแสดงโอเปร่าที่ดีที่สุด และโรงละครที่ดีที่สุด พวกเขาไม่เคยคิดไม่เคยฝันเลยว่าตนเองที่เป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดาจะได้เพลิดเพลินไปกับ ‘ความหรูหรา’ ของชนชั้นสูง!

บานัสถูมือไปมาด้วยความตื่นเต้น “ฮะๆๆ ครั้งนี้เราจะเป็นท่านลอร์ดเช่นกัน! แต่ว่า ม่านนั่นมีไว้เพื่ออะกัน พวกเขาแค่ออกอากาศก็ได้แล้วนี่ อย่างไรมันก็ทำได้แค่ฟังเสียงอยู่แล้ว”

“มันน่าจะเป็นกำแพงนะ หืม มันอาจมีไว้เพื่อขยายประสิทธิภาพก็เป็นได้ ท่านหญิงไนติงเกลเคยบอกไว้ในเสียงแห่งอาร์คานาว่าผู้รับฟังบางคนได้ยินเสียงรบกวนเนื่องจากปัญหาทางด้านสัญญาณ…” อาลีพยายามหาเหตุผลที่เข้าท่ามาอธิบาย

บานัสโบกมือไปมาแรงๆ “ข้าลืมเรื่องนั้นไปแล้ว อาลี เจ้านี่หัวดีจริงๆ!”

อาลีเชิดคางขึ้นอย่างภาคภูมิใจ ‘ข้าบอกเจ้าแล้วว่าข้าฉลาดกว่าเจ้า!’

หลังจากที่เส้นสายสีเงินทั้งหมดเปล่งแสงสว่าง ลวดลายแสนประณีตดูเหมือนภาพมายาก็ปรากฏขึ้นรอบๆ ‘ม่าน’ นั้น พวกมันรวมตัวกันเป็นโครงสร้างแสนอัศจรรย์ใจที่ทำให้บานัส อาลี และคนอื่นๆ ตื่นตาตื่นใจจนเงียบเสียงลง

นักเวทระดับกลางที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศทำการแก้ข้อบกพร่องครั้งสุดท้ายเสร็จสิ้นแล้ว เมื่อเสียงที่ฟังคล้ายท่วงทำนองแสนไพเราะหลุดรอดจากปากเขา ดวงดาวบนท้องฟ้าก็พากันส่องแสงและแผ่รัสมีเจิดจ้าออกมา

“โอ้…” บานัสอ้าปากค้างอีกครั้ง ‘นี่พวกนักเวทสั่งการดวงดาวบนท้องได้อย่างนั้นหรอก นี่มิใช่พลังของเหล่าพระเจ้าหรอกรึ’

ท่ามกลางทัศนียภาพชวนฝันและน่าตกตะลึง ‘ม่าน’ สีดำก็ถูกแสงสว่างบริสุทธิ์โอบล้อม ซึ่งอยู่ในตำแหน่งตรงกับกลุ่มดาวสว่างเจิดจ้าบนท้องฟ้า ก่อเป็นภาพวาดอันงดงามหาใดเปรียบของเหล่าหิ่งห้อยที่กำลังโบนบิน

ดวงดาวบนท้องฟ้าค่อยๆ หรี่แสงลง ก่อนจะกลับมาสู่สภาวะปกติมั่นคง แล้ว ‘ม่าน’ สีดำก็ดูเหมือนจะกลายเป็นสีโปร่งแสง ดวงจันทร์สีเงินค่อยๆ ลอยขึ้นจากในนั้น ขับไล่ความมืดมิดทั้งหมดไป

ทำนองเพลงแผ่วช้าและสุขสงบดังลอยออกมา มันไพเราะเสียจนฟังดูเหมือนเสียงทะเลสาปใสสะอาดกำลังเกิดระลอกคลื่นแผ่วเบาภายใต้แสงจันทร์ มันทำให้จิตใจทุกผู้คนรู้สึกสงบ นำความหวานชื่น สุขสงบ และเศร้าซึมอันเลือนลางมาสู่พวกเขา ทุกคนต่างรู้สึกเป็นสุขและหดหู่อย่างไรมิทราบ

ทั้งบานัสและอาลีต่างต้องมนตร์ของแสงจันทราสีเงินที่ค่อยๆ แผ่ออกมาพร้อมกับท่วงทำนองชวนฝัน ทั้งจัตุรัสพลันตกอยู่ในความเงียบงัน

ทุกคนต่างคุ้นเคยกันดีกับ ‘แสงจันทร์’ บทเพลงที่บรรเลงด้วยเปียโนซึ่งมีความไพเราะที่สุด ไม่เพียงแต่ร้านอาการเท่านั้นที่จะจ้างนักดนตรีมาเล่นเพลงนี้ แต่เสียงแห่งอาร์คานายังมักจะใช้เพลง ‘แสงจันทร์’ เป็นเพลงประกอบรายการอีกด้วย ทว่า การแสดงเพลง ‘แสงจันทร์’ ครั้งนี้กลับดียิ่งกว่าครั้งไหนๆ ที่พวกเขาเคยได้ยินได้ฟังมา พวกเขาจึงปล่อยให้ตัวเองอิ่มเอมไปกับความมหัศจรรย์หาใดเปรียบของบทเพลง เช่นนี้พวกเขาจะไม่ตกต้องมนตร์เสน่ห์ของมันได้อย่างไร

ดวงจันทร์อันเย็นเยียบเริ่มสว่างขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่เปียโนสีขาวจะปรากฏขึ้นจากความมืดมิดเบื้องหลัง ‘ม่าน’ ที่ข้างเปียโนหลังนั้น มีสตรีนางหนึ่งผู้มีเส้นผมยาวสลวยถึงบั้นเอวนั่งหันข้างมาทางผู้ชม นางสวมชุดราตรีสีดำ เผยช่วงไหล่ขาวนวลเนียนครึ่งหนึ่ง ใบหน้าของนางดูงดงามประณีตและสุขสงบ

แสงจันทร์ดูคล้ายกับอาภรณ์สีเงินที่ห่อหุ้มนางเอาไว้ นิ้วมือเรียวยาวพลิ้วไหวของนางเต้นระบำอยู่ท่ามกลางแสงเจิดจ้า บังเกิดเป็นท่วงทำนองแสนไพเราะหาใดเปรียบ

“งามเหลือเกิน…”

“ช่างตราตรึงนัก…

บานัสและอาลีติดตาตรึงใจกับการแสดงเบื้องหน้าเสียจนไม่อาจคิดถึงสิ่งอื่นใด

ท่ามกลางบรรยากาศเช่นนี้ แม้แต่ผู้ที่มีใบหน้าไม่โดดเด่นก็ย่อมทำให้ผู้คนตกตะลึงได้อย่างแน่นอน

เสียงเพลงแสงจันทร์ท่อนแรกบรรเลงมาถึงตอนจบ จึงเกิดความเงียบขึ้นไปทั่วบริเวณ สตรีนางนั้นหันมา เผยใบหน้าอันงดงามและเป็นสุขต่อสายตาทุกผู้คน

“ยินดีต้อนรับเข้าสู่รายการ ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ ข้าคือไนติงเกล สหายเก่าของพวกท่าน” เสียงหวานคุ้นหูดังลอดริมฝีปากของนางออกมา

“ท่านหญิงไนติงเกลเช่นนั้นรึ” บานัสเอ่ยตะกุกตะกัก

“นี่คือ…นี่คือคนจริงๆ งั้นหรือ” ดวงตาของอาลีแทบจะถลนออกจากเบ้า ‘ม่าน ไม่ใช่สิ กำแพงตรงหน้านี้เพิ่งจะกลายเป็นคนตัวเป็นๆ ที่สามารถเล่นเพลงแสงจันทร์ได้อย่างไรกัน’

ทุกคนที่ได้เป็นเห็นภาพที่เกิดขึ้นในจัตุรัสต่างตะลึงงัน รวมทั้งนักเวทระดับกลางที่ลอยอยู่กลางอากาศด้วยเช่นกัน เขาแทบจะลืมเลือนไปแล้วว่าตนเองยังลอยอยู่กลางอากาศ แม้ว่าเขาจะรู้และมีส่วนร่วมใน ‘แผนการถ่ายทอดสด’ ของสภา แต่การเปิดตัวเช่นนี้ก็ยังสร้างความตื่นตะลึงให้กับเขาอยู่ดี

“บอกตามตรง ข้าเองก็ประหลาดใจเหมือนพวกท่านที่การส่งสัญญาณภาพผ่านดาวเคราะห์เทียมจะได้ผลลัพธ์ที่ดีถึงเพียงนี้ นี่คงจะเป็น ‘การถ่ายทอดสดตามเวลาจริง’ อย่างที่สุดในประวัติศาสตร์แล้ว สหายที่รับฟัง ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ อยู่ที่บ้าน หากท่านรู้สึกว่าข้ากำลังพูดอะไรแปลกๆ ก็ลองไปยังจัตุรัสที่ใกล้ที่สุดดูนะเจ้าคะ จริงๆ แล้ว ข้าได้ประกาศไปเมื่อคืนก่อน…” เสียงหวานๆ ของหลุยส์ดังไปทั่ว ช่วยไขข้อข้องใจให้กับเหล่า ‘ผู้รับชม’

“การถ่ายทอดสดตามเวลาจริง?”

“เรามองเห็นท่านหญิงไนติงเกลที่อยู่ในอัลลินได้จากซามาราอย่างนั้น่ะหรือ”

“เวทมนตร์นี่ช่าง…มหัศจรรย์เกินไปแล้ว!”

“เหลือเชื่อ! เหลือเชื่อ!”

พลันบังเกิดเสียงดังเซ็งแซ่ไปทั่วจัตุรัส ผู้ชมที่กำลังตื่นเต้นเริ่มหันไปคุยกันเองว่าตนรู้สึกอย่างไร แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้จักกับคนข้างกายเลยก็ตาม

หลุยส์แย้มยิ้ม “วัลคีรีกำลังจะเริ่มแล้วที่โรงละครหลวงแห่งราชสำนักเรนทาโต ข้าจะไม่ทำให้พวกท่านเสียเวลาอีกต่อไป จากนี้ นักเวทในโรงละครจะรับช่วงต่อเจ้าค่ะ”

แสงจันทร์หรี่แสงลง เหมือนกับระลอกคลื่นที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างพร่าเลือน เมื่อมันกลับมากระจ่างชัดดังเดิม หลุยส์ก็หายไปจาก ‘ม่าน’ แล้ว และแทนที่ด้วยโรงละครที่ประดับตกแต่งอย่างโอ่อ่าอลังการซึ่งเต็มไปด้วยสุภาพบุรุษในชุดเสื้อโค้ตชายยาวหรือทักซิโด้ยาวและสุภาพสตรีในชุดราตรีแสนงดงามตระการตราจนผู้รับชมในจัตุรัสรู้สึกสายตาพร่ามัว

“โรงละครหลวงแห่งราชสำนักเรนทาโต!” อาลีโพล่งออกมาด้วยความอัศจรรย์ใจ

บานัสทั้งมีความสุขและเสียใจ “แต่ข้าก็ยังอยากจะดูท่านหญิงไนติงเกลเล่นเปียโนมากกว่า…”

ภายในจุดกระจายเสียงของสถานีวิทยุสกาย ณ นครอัลลิน…

เมื่อเห็นว่าสัญญาณถูกเปลี่ยนไปที่โรงละครหลวงแห่งราชสำนักเรนทาโตในที่สุด หลุยส์ก็ยกมือขึ้นลูบอกตนเองด้วยความโล่งใจเป็นที่ยิ่ง “ข้าประหม่าเหลือเกินเมื่อครู่นี้”

“หลุยส์ เจ้าเป็นนักดนตรีมาก่อนมิใช่หรือ เจ้าเคยจัดคอนเสิร์ตมาแล้วนะ เหตุใดยังประหม่ากับการแสดงเดี่ยวในจุดกระจายเสียงที่ไม่มีใครดูอยู่เลยเล่า” ซาแมนธาที่ควบคุมดูแลรายการอยู่ใกล้ๆ เอ่ยขึ้นกึ่งปลอบใจกึ่งมึนงง

หลุยส์ส่ายศีรษะ “ไม่มีใครดูอยู่เลยอย่างนั้นรึ คงจะมีผู้คนมากกว่าหนึ่งแสนที่รับชมการถ่ายทอดสดนี้อยู่เป็นแน่ ข้ารู้สึกประหม่าเมื่อคิดว่าข้ากำลังแสดงต่อหน้าคนมากมายถึงเพียงนั้น อีกอย่าง ในคอนเสิร์ตที่ผ่านๆ มา คนส่วนใหญ่จะฟังแต่เสียงดนตรี และแทบจะมองไม่เห็นนักดนตรีบนเวทีด้วยซ้ำ แต่การถ่ายทอดสดเช่นนี้เป็นแบบตรงกันข้ามเลย ทุกคนสามารถเห็นทุกการเคลื่อนไหวของข้าอย่างชัดเจน หากไม่ให้เจ้าคอยให้กำลังใจ ข้าคงจะลองบันทึกการแสดงล่วงหน้าอย่างที่ท่านอีวานส์เสนอแนะไปแล้ว…”

“เข้าใจได้ ทุกคนย่อมตกประหม่าใน ‘การถ่ายทอดสดตามเวลาจริง’ ครั้งแรกของพวกเขา ท่านอีวานส์เพียงเสนอความคิดเท่านั้น แต่เราคือคนวางแผนและทำให้ทุกรายละเอียดเกิดขึ้นจริง แต่ว่านะ เจ้าเล่นได้ดีมาก หลุยส์” ซาแมนธาพยักหน้าชอบใจ

หลุยส์ค่อยๆ ผ่อนคลายขึ้น แต่มิวายบ่นว่า “ประเด็นสำคัญเช่นนี้ ท่านอีวานส์ควรจะชี้แนะเราให้มากกว่านี้นะ”

หากว่าเขามาได้ยินที่นางพูด ลูเซียนคงทำได้เพียงผายมือออกทั้งสองข้างและบอกว่าเขาไม่มีประสบการณ์ทางด้านนี้เลย การถ่ายทอดสดผ่านจานดาวเทียมก่อนที่จะมีการประดิษฐ์คิดค้นโทรทัศน์ขึ้นนั้นไม่เคยเกิดขึ้นที่โลกเดิมของเขา มันคงจะทำได้เพียงแต่ในโลกแห่งเวทมนตร์นี้เท่านั้น