TQF:บทที่ 752 อวสาน (20)

 

ทุกคนตื่นเต้นกันมาก

 

ในขณะที่พลังลมปราณของพวกนางหายจากผืนดินฉางไห่ไปไม่นาน ผู้เฒ่าชุดขาวผมขาวเคราขาวคนหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมาที่นี่ เขาใช้กวาดจิตเทพดูในผืนดินฉางไห่แต่ไม่พบคนที่ตัวเองต้องการจะเจอ จึงพึมพำกับตัวเอง “แปลกจริง พวกนางเคยอยู่ที่ผืนดินนี้ชัดๆ แถมพลังลมปราณยังหนาแน่นอยู่ด้วย ทำไมถึงไม่เจอล่ะ หรือว่าบังเอิญพวกนางออกไปจากที่นี่แล้ว ข้าก็ต้องตามหาร่องรอยของพวกนางอีกน่ะสิ สงสัยโอกาสวาสนากับพวกนางยังมาไม่ถึง คงต้องตามหาพวกนางต่อไป”

 

พูดจบร่างของผู้เฒ่าก็หายไปจากผืนดินฉางไห่ ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปไหน

 

มิติทะลุอากาศออกไปและมาอยู่ที่แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว เมื่อได้กลิ่นไออันคุ้นเคย เฉิงเสี่ยวเสี่ยวโม่ซวนซุน หยูเฮงน้อยและคนอื่นๆพากันออกจากมิติ “ว้าว ไม่คิดเลยว่าแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์จงหยวนของเราจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้” หยูเฮงน้อยมองลงไปด้านล่างและอุทานออกมาอย่างตกใจ

 

ระยะร้อยลี้รอบๆเป็นของแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์จงหยวนหมด นอกจากผืนป่าหลังเขาที่เอาไว้เลี้ยงเหล่าสัตว์อสูร ขุนเขา หมู่บ้าน ตำบลด้านหน้าล้วนอยู่ในเขตรอบนอกแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์จงหยวน เรียกได้ว่าใหญ่ขึ้นจากเดิมหลายสิบเท่า พลิกโฉมใหม่หมด มิน่าล่ะหยูเฮงน้อยถึงโหวกเหวกขึ้นมา

 

ตาแก่ซอมซ่อ ขันทีชราอาเฟิง พ่อลูกหวงฝู่มั่วเฉินเพิ่งเคยมาผืนดินระดับล่างครั้งแรก พวกเขาแปลกใจมากเมื่อได้เห็นพลังวิญญาณอันเบาบางของที่นี่

 

ผืนดินที่อ่อนแอขนาดนี้กลับบ่มเพาะคนที่สุดยอดปานนั้นออกมาได้ พวกเขาพากันอุทานว่าฟ้าประทานพรจริงๆ

 

พลังลมปราณแกร่งกล้าตอนที่พวกเขาปรากฏตัวสะเทือนถึงคนระดับสูงแห่งแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์จงหยวนทันที

 

โดยเฉพาะบางคนที่สัมผัสถึงพลังลมปราณอันคุ้นเคย แต่ละคนพุ่งขึ้นฟ้ามาหาพวกนาง “คุณหนู ท่านเขย ฮูหยินฟาง….” “คุณหนู ท่านเขย ฮูหยินฟางกลับมาแล้ว….” “คุณหนูกับท่านเขยกลับมาแล้ว….” “คุณหนูกลับมาแล้ว….”

 

เสียงตื่นเต้นดีใจของทุกคนดังสะท้อนอยู่ในผืนฟ้า แต่ละคนล้อมพวกนางไว้พร้อมประสานมือ “คารวะคุณหนู คารวะท่านเขย คารวะฮูหยินฟาง คารวะแม่นางหยูเฮง…”

 

เรียกได้ว่าคนพวกนี้เคารพนับถือเฉิงเสี่ยวเสี่ยวโม่ซวนซุน และหยูเฮงน้อยมาก แต่ละคนอย่างกับเห็นคนที่สนิทที่สุดกลับมา “ท่านแม่ เสี่ยวเสี่ยว…”

 

เสียงของเฉิงไป๋หยวนดังมาจากที่ไกลๆ จากนั้นร่างของเขาก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน เฉิงไป๋หยวนที่ดีใจสุดๆเหลือเพียงพ่อแม่และลูกสาวตัวเองในสายตาเท่านั้น

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก้าวออกไปพลางย่อตัวทำความเคารพท่านพ่อ คลี่ยิ้มและร้องเรียก “ท่านพ่อ….” “ไป๋เอ๋อ…..” ฟางซูหยุนร้องเรียกลูกชายคนโตอย่างห้ามไม่ได้เมื่อได้พบหน้า

 

เฉิงไป๋หยวนที่ตื้นตันสุดมีน้ำตาปริ่มขึ้นมา พยักหน้าไปพูดไป “ท่านแม่ พวกท่านกลับมาแล้วเหรอ” “คารวะท่านพ่อตา…”โม่ซวนซุนประสานมือและเอ่ยยิ้มๆ

 

หยูเฮงน้อยเอ่ยปากเรียก “ท่านเจ้าตระกูล ไม่เจอตั้งนานแน่ะ….” “ดีๆ เยี่ยมๆ กลับมากันหมด กลับมาก็ดีแล้ว” เฉิงไป๋หยวนมองใบหน้าอันคุ้นเคยทั้งหลายและพยายามอั้นน้ำตากลับไป “เสี่ยวเสี่ยว….” “ท่านพี่ ท่านย่า…” “ท่านพี่ พี่เขย ท่านย่า….”

 

ลั่วหยูฉินและลูกชายทั้ง 2 ร้องเรียกพวกนางอีกครั้ง

 

คนอื่นๆมองภาพที่ครอบครัวได้พบหน้ากันด้วยรอยยิ้ม โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นลั่วหยูฉินกอดลูกสาวและน้ำตาไหลพราก ต่างรู้สึกเข้าใจและเห็นใจ

 

ลูกศิษย์จงหยวนหลายแสนคนออกมาหมด พวกเขามองผู้คนที่ลอยอยู่กลางอากาศและพากันพูดคุยถึง หัวข้อล้วนเกี่ยวกับพวกเฉิงเสี่ยวเสี่ยว อย่างไรซะเรื่องราวศึกใหญ่กับเมืองทมิฬเมื่อ 10 กว่าปีก่อนฉบับต่างๆก็ถูกเล่าขานมาจวบจนวันนี้ พวกเขายังเป็นเป้าหมายที่คนหนุ่มสาวไล่ตามอยู่

 

บัดนี้พวกเขาได้เห็นตัวจริง คนพวกนี้ตื่นเต้นดีใจกันใหญ่ แทบอยากจะเข้าไปประชิดตัวมองดูพวกเขาอย่างตั้งใจ

 

ไม่ชอบให้คนมามุงเยอะๆ จึงหายตัวไปภายใต้การนำทางของเฉิงไป๋หยวน แล้วมาปรากฏตัวในเรือนหลักที่เฉิงไป๋หยวนพำนักอยู่

 

ภายในห้องรับแขก เฉิงเสี่ยวเสี่ยวแนะนำคนที่มาด้วยกับท่านพ่อท่านแม่ ฐานะของสามีภรรยาฟางหมิงเห้อ ตาแก่ซอมซ่อ และขันทีชราอาเฟิงยังแนะนำง่าย ส่วนฐานะของพ่อลูกหวงฝู่มั่วเฉินพิเศษหน่อย

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวส่งสายตาสอบถามไปให้ท่านย่าและหวงฝู่มั่วเฉิน พวกเขามองหน้ากันและพยักหน้าตกลง

 

ในเมื่อทั้งคู่ยินยอมเปิดเผยฐานะต่อหน้าทุกคน เฉิงเสี่ยวเสี่ยวจึงเล่าเรื่องที่ทั้งคู่เคยเป็นคนรักกัน และท่านย่าฟางซูหยุนถูกทำร้ายจนต้องพลัดพรากจากกัน หลังจากที่กลับไปครั้งนี้ทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง และแต่งงานกันเมื่อ 13 ปีก่อน

 

เรื่องบางเรื่องฟางหมิงเห้อก็เล่าและอธิบายและพิสูนจ์ให้เฉิงไป๋หยวนฟังอีกที พี่สาวตัวเองฟางซูหยุนและหวงฝู่มั่วเฉินเคยเป็นคู่รักที่กำลังจะหมั้นหมายกัน เพียงแต่เกิดเรื่องไม่คาดคิด ฟางซูหยุนถูกทำร้ายและหายตัวไป

 

สำหรับคำพูดของท่านน้าคนนี้ เฉิงไป๋หยวนเชื่อว่าเขาไม่หลอกตัวเอง อีกอย่างเขาเชื่อลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตัวเองด้วยเช่นกัน ในเมื่อนางยังเห็นด้วยกับเรื่องแต่งงานของท่านแม่ เขาก็ยิ่งไม่มีเหตุผลจะคัดค้าน

 

อีกอย่าง ในใจเขารู้ดีว่าท่านแม่เป็นผู้ฝึกฝนวิทยายุทธเหมือนกัน ยังมีอายุขัยเหลือถึงหลายพันหรืออาจหลายหมื่นปี จะให้นางใช้ชีวิตอันยาวนานขนาดนี้ด้วยตัวคนเดียวไม่ได้

 

ดังนั้นแม้ข่าวนี้จะทำให้เฉิงไป๋หยวนและลั่วหยูฉินประหลาดใจ แต่ในใจก็ยอมรับการมีอยู่ของหวงฝู่มั่วเฉิน หลังจากที่ทั้ง 2 ฟังลูกสาวเล่าจนจบก็ลุกขึ้นยืนทันที และคุกเข่าลงหน้าหวงฝู่มั่วเฉิน

 

เฉิงไป๋หยวนยังคุกเข่า ลั่วหยูฉิน เฉิงเสี่ยวเสี่ยวและเด็กๆคนอื่นย่อมไม่กล้าเสียมารยาท คุกเข่าลงทั้งหมด

 

หวงฝู่มั่วเฉินที่ชะงักไปกำลังจะยื่นมือไปดึงเฉิงไป๋หยวนให้ลุกขึ้น เฉิงไป๋หยวนก็พูดขึ้นมาอย่างตั้งมั่น “ในเมื่ออาวุโสหวงฝู่เป็นสามีของท่านแม่ข้า งั้นก็เป็นท่านพ่อบุญธรรมของข้าเฉิงไป๋หยวนด้วย โปรดรับการคารวะจากลูก”

 

ด้วยอายุของหวงฝู่มั่วเฉินก็เป็นท่านพ่อบุญธรรมของเฉิงไป๋หยวนจริงๆนั่นแหละ ลั่วหยูฉินและพี่น้องตระกูลลั่วก็คารวะทำความเคารพหวงฝู่มั่วเฉินเช่นกัน

 

ภาพนี้ทำให้ฟางซูหยุนน้ำตาคลอเบ้า หวงฝู่มั่วเฉินก็ตื้นตันจนตาแดง เขาไม่เคยคิดเลยว่าการที่ตัวเองมาปรากฏตัวที่ตระกูลเฉิงจะได้รับการเคารพและยอมรับขนาดนี้ “ดีๆ ทุกคนลุกขึ้นเถอะ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน” หวงฝู่มั่วเฉินพยักหน้าและพยุงเฉิงไป๋หยวนลุกขึ้น ก่อนจะหันไปบอกลูกชายตัวเองเสียงเข้ม “หนิงเซวียน ยังไม่เรียกท่านพี่ ท่านพี่สะใภ้อีก” “หนิงเซวียนคารวะท่านพี่ ท่านพี่สะใภ้” ถึงหวงฝู่หนิงเซวียนจะอายุยังน้อย แต่เขาก็ฉลาดมาตั้งแต่เด็ก เรื่องราวของท่านพ่อท่านแม่เขาก็เคยได้ฟังอยู่หลายครั้ง เรียกได้ว่าเขารู้ที่มาที่ไปนานแล้ว เกิดความรู้สึกดีกับพี่ชายที่มีสายเลือดเดียวกันคนนี้ไม่น้อย จึงเรียกจากใจจริง “ดี สวัสดีน้องชาย” เฉิงไป๋หยวนจูงมือเล็กๆของหวงฝู่หนิงเซวียนและหันไปบอกกับลูกชาย 2 คนด้านหลัง “เจิ้งหยวน เจิ้งปิน ยังไม่คารวะท่านอาพวกเจ้าอีก” “คารวะท่านอา….” “คารวะท่านอา….”

 

พี่น้องตระกูลเฉิงพาภรรยาตัวเองคารวะเด็กผู้ชายคนนี้ที่อายุเพียง 10 ปีเท่านั้น ไม่ว่าอย่างไรรุ่นเขาอาวุโสกว่า รับการคารวะจากพวกเขาได้

 

หลังจากที่ทุกคนทักทายทำความรู้จักกันเสร็จก็พากันนั่งลง

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวทั้งดีใจและลอบถอนหายใจที่เห็นน้องชายทั้ง 2 ของตัวเองแต่งงานมีภรรยาแล้ว และแปลกใจที่พบว่ายังไม่เจอน้องสาวตัวเองเลย

 

ตอนที่ตัวเองไปน้องสาวอายุ 8-9 ขวบแล้ว ตอนนี้ผ่านไป 15 ปี นางก็เป็นสาวน้อยวัย 20 แล้ว แต่กลับไม่เห็นนาง จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “ท่านพ่อ ท่านแม่ น้องสาวล่ะ นางไปไหน ทำไมไม่เห็นนางเลย” “เจ้าหมายถึงหลานหลานๆเหรอ นางไม่อยู่ที่นี่ นางแต่งงานไปตั้งแต่ 3 ปีก่อนแล้ว ช่วงก่อนหน้านี้กลับมาอยู่นี่ได้พักหนึ่ง และเพิ่งจะไปบ้านสามีได้ไม่นาน” ลั่วหยูฉินอมยิ้มพลางอธิบายให้ลูกสาวฟัง “แต่งงานแล้ว?”

 

เป็นอีกข่าวที่ทำให้รู้สึกประหลาดใจ แต่คิดแล้วการที่น้องสาวแต่งงานตอนอายุ 20 ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่จึงถามขึ้นโดยไม่คิดอะไร “น้องสาวแต่งกับตระกูลไหนล่ะ” “ตระกูลจู้ พี่สาว” เฉิงเจิ้งหยวนตอบนางพร้อมรอยยิ้มแปลกๆบนใบหน้า “ตระกูลจู้?” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวกระพริบตา คิดไปคิดมาแล้วถามขึ้นอีก “ทำไมข้าไม่รู้เลยว่ามีตระกูลจู้ด้วย คนเมืองไหนเหรอ”

 

เมื่อได้ยินคำถามของนาง ไม่ใช่แค่สีหน้าของเฉิงเจิ้งหยวนเท่านั้นที่ประหลาด แม้แต่พ่อแม่และน้องเล็กก็มีสีหน้าประหลาดเหมือนกัน เฉิงเสี่ยวเสี่ยวรู้สึกถึงความผิดปกติทันทีจึงเอ่ยขึ้น “เจิ้งหยวน อย่ามาเล่นเกมใบ้คำกับข้านะ ตระกูลไหน ข้ารู้จักรึเปล่า” “พี่สาว ท่านต้องรู้จักอยู่แล้ว”

—————————————–