TQF:บทที่ 753 อวสาน (21)

 

เฉิงเจิ้งหยวนยิ้มออกมาอย่างสดใส “พี่สาว ท่านลืมนายน้อยหมู่บ้านชิงซาน จู้เซียงหยูแล้วเหรอ” “จู้เซียงหยู?”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวถลึงตาและลุกพรวดขึ้น ตวาดเสียงดังด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ไอหนุ่มจู้เซียงหยูกล้าจะมาโคแก่กินหญ้าอ่อนนะ เขาไม่อยากอยู่แล้วใช่มั้ย หยูเฮงน้อย รอบหน้าเจอเขาถลกหนังลงมาให้หมดเลยนะ เกินไปจริงๆ ไม่หัดฉี่แล้วชะโงกดูเงาตัวเองบ้าง อายุปูนนี้แล้วยังกล้ามาแต่งกับน้องสาวข้าอีก” “พรืด…” “ฮ่าๆๆๆ….”

 

คนที่รู้เรื่องหัวเราะแทบบ้า แม้แต่ผู้ใหญ่เหล่านั้นยังมีสีหน้าไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ใครจะเชื่อว่าคุณหนูผู้อ่อนหวานนุ่มนวล พออาละวาดแล้วจะเดือดดาลได้ถึงเพียงนี้

 

แม้หวงฝู่หนิงเซวียนจะไม่ค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ได้ยินคำพูดตลกๆที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพูด เขาเองก็หัวเราะคิกคักขึ้นมา

 

เรียกได้ว่าเฉิงเสี่ยวเสี่ยวได้แสดงด้านที่แกร่งกล้าที่สุดของตัวเองต่อหน้าทุกคน ขณะเดียวกันก็ทำให้คนอื่นๆระเบิดเสียงหัวเราะ เห็นได้เลยว่าท่านเขยคนเล็กตระกูลเฉิงจะต้องเจอกับการกลั่นแกล้งขนาดไหนตอนกลับบ้านภรรยา ทุกคนอดยิ้มออกมาอย่างเห็นใจเขาไม่ได้

 

จากนั้นทุกคนก็เริ่มคุยเล่นเรื่องอื่น คนรับใช้ที่บ้านเริ่มจัดงานเลี้ยงเพื่อให้ครอบครัวที่กลับบ้านรวมถึงแขกผู้มีเกียรติที่มาได้นั่งต้อนรับและสังสรรค์

 

คุยไปเรื่อยๆเฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่เพิ่งกลับมาหลังจาก 15 ปีผ่านไปถึงได้รู้ว่าไม่ใช่แค่น้องชายน้องสาวตัวเองที่สร้างครอบครัวแล้ว ท่านน้าเล็กและกงซีหยวนก็แต่งงานมาหลายปี ลูกเต้ามีไปหลายคนแล้ว

 

พี่สาวผู้เป็นญาติเฉิงฮุ่ยฮุ่ยก็คบหากับหลิวดันหวาง หลิวเทียนซานคบหากับจุนเอ๋อของกงซีหยวน ตอนนี้คนที่รุ่นราวคราวเดียวกันเหลือแค่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวและโม่ซวนซุน 2 คนเท่านั้นที่ยังไม่แต่งงาน

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวรู้ตัวผ่านการอธิบายจากคนในครอบครัวสักทีว่าเข้าใจไอหนุ่มจู้เซียงหยูผิดไป น้องสาวตัวเองต่างหากที่หญ้าอ่อนอยากกินโคแก่ หลังจากที่นาง 10 ขวบแล้ว ทุกครั้งที่จู้เซียงหยูปรากฏตัวที่แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์จงหยวนนางจะตามตูดต้อยๆวุ่นวายอีกฝ่ายทุกครั้ง ช่วงปีแรกๆจู้เซียงหยูมักจะหลบหน้านาง บางครั้งก็ไม่มาเอง ส่งคนอื่นมาทำธุรกิจที่แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์จงหยวนแทน แต่ใครจะรู้ส่าพอเฉิงหลานหลานเห็นเขาไม่มาก็ไม่ให้ใครนำทรัพยากรไปทั้งนั้น

 

ดังนั้นจู้เซียงหยูก็ต้องออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ทั้ง 2 วุ่นวายกันอยู่อย่างนี้ได้ราวๆ 10 ปี จู้เซียงหยูเองก็เริ่มคุ้นชินกับเฉิงหลานหลานขึ้นเรื่อยๆ ผ่านไปแต่ละปีใครๆก็ดูออกว่าเฉิงหลานหลานชอบเขาจริงๆ

 

พอดีกับที่ผู้ใหญ่บ้านชิงซานปวดหัวที่ลูกชายหาสะใภ้มาให้ไม่ได้สักที หลังจากที่ทราบเรื่องราวของทั้งคู่แล้วจึงรีบมาสู่ขอที่แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์จงหยวน ภายใต้การยอมรับเงียบๆของจู้เซียงหยูก็ได้แต่งงานกับเฉิงหลานหลานเมื่อ 3 ปีก่อน

 

ต่อให้ความจริงจะเป็นเช่นนี้ แต่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ยังคิดว่าอีกฝ่ายโคแก่กินหญ้าอ่อนอยู่ดี ยังไม่รู้สึกไม่พอใจอยู่นิดหน่อย ดังนั้น เมื่อ 1 เดือนให้หลัง เฉิงหลานหลานรีบพาครอบครัวกลับมาหลังจากที่ได้ยินข่าวพี่สาวเฉิงเสี่ยวเสี่ยวกลับบ้านแล้ว

 

ครอบครัวนี้ยังไม่ทันจะเข้าบ้านก็โดนหยูเฮงน้อยเล่นงานซะกระเจิง ฉะนั้นชื่อเสียงโคแก่กินหญ้าอ่อนของจู่เหวินปั๋วก็ดังกระฉ่อนออกไป ผู้คนมักเอาเรื่องนี้มาคุยเล่นล้อเลียน

 

ในหมู่ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธ อย่าว่าแต่อายุมากกว่า 10 กว่าปีเลย สามีภรรยาที่ห่างกันหลายสิบปีก็มี ส่วนโคแก่กินหญิาอ่อนเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว จู้เซียงหยูดันมาเจอเรื่องแบบนี้ ถ้าไม่มีภรรยาและท่านพ่อตาแม่ยายของเขาช่วยขอร้องให้ เขาก็คงเข้าประตูบ้านไม่ได้

 

หลังจากที่เฉิงหลานหลานกลับบ้านมาแล้วถึงจะเป็นการอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัวที่แท้จริง ทุกๆวันผ่านไปด้วยเสียงหัวเราะ บวกกับลูกสาวอายุเพียง 2 ขวบของเฉิงหลานหลาน ตามด้วยลั่วจุนฮ่าวและกงซีหยวนที่พาลูกมาอีก 3 คน ทั้งแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์จงหยวนมีแต่เสียงหัวเราะหยอกล้อของเด็กๆ

 

หลายวันหลังจากนั้นพวกผู้ใหญ่ก็เริ่มยุ่งกับการเตรียมงานแต่งของพวกเขา ส่วนเฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อยก็ยุ่งอยู่กับการปฏิรูปแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์จงหยวนอยู่เหมือนกัน

 

ถึงแม้ในสายตาคนนอกแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์จงหยวนถือเป็นแดนสวรรค์แล้ว แต่ในสายตาของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อยก็แค่เศษเดนเท่านั้น ดังนั้นพวกนางจึงปล่อยเผ่าอสูรออกมาเพื่อปฏิรูปแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์จงหยวน

 

ครึ่งเดือนต่อมาทั้งแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์จงหยวนปรับโฉมใหม่หมด หมอกเซียนลอยอยู่ทั่ว ยาวิเศษต่างๆส่งกลิ่นหอม สัตว์อสูรและสัตว์อมตะกางปีกโบยบิน ดูยังไงก็มาถึงสรวงสวรรค์แล้วชัดๆ เหล่าลูกศิษย์แสนกว่าคนอึ้งกิมกี่กันไปเลย

 

แม้แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์จงหยวนจะบูรณะไปแล้ว 1 ครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถเทียบได้กับสมาคมตันจงที่ผืนดินฉางไห่ อย่างไรซะพลังวิญญาณที่นี่ก็เทียบไม่ได้กับพลังวิญญาณที่ผืนดินฉางไห่ หรือพูดได้ว่าห่างกันไกลโข

 

เรื่องที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวและโม่ซวนซุนกลับแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์จงหยวนแพร่สะพัดออกไป ราชวงศ์ สำนักใหญ่ๆ และตระกูลใหญ่ๆต่างๆรีบส่งคนมาเยี่ยมเยียนพร้อมของขวัญทันที

 

เรียกได้ว่าถ้าไม่มี 2 คนนี้อยู่ เกรงว่าผืนดินนี้คงถูกพวกนอกรีตเมืองทมิฬยึดครองไปแล้ว ทุกคนล้วนมีท่ามีเคารพนับถือเมื่อพูดถึง 2 คนนี้ ที่สำคัญคือพวกเขารู้เรื่องที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมีมิติในครอบครองหมด

 

ทุกคนรู้กันในใจโดยไม่พูด ตอนนั้นพวกเขาอิจฉาที่มีมิติอันเทียบได้กับผืนดินทั้งผืนมาก บัดนี้ผ่านไป 10 กว่าปีแล้ว ไม่รู้ว่าพวกเฉิงเสี่ยวเสี่ยงเติบโตไปขนาดไหน ตอนนั้นตาแก่พวกนี้บรรลุได้ด้วยการช่วยจากเฉิงเสี่ยวเสี่ยว วิทยายุทธของพวกเขาไม่ได้พัฒนาขึ้นเท่าไหร่ ในใจมีความคิดอย่างอื่นอยู่บ้าง

 

แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์จงหยวนคึกครื้นทุกวัน คนที่มาหาพวกแล้วพวกเล่า กว่าจะปกติก็ผ่านไป 3 เดือน

 

เมื่อข่าวที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวกลับมาสงบลง เรื่องที่นางจะแต่งงานกับโม่ซวนซุนก็สะพัดออกไปอีก เป็นที่ฮือฮาของคนอีกจำนวนนับไม่ทัน

 

หลายปีที่ผ่านมานี้แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์จงหยวนจัดงานมงคลไปหลายรอบ ไม่ว่าใครก็รู้ว่างานมงคลใหญ่ครั้งนี้ะต้องยิ่งใหญ่อลังการกว่าที่ผ่านมาแน่นอน

 

วันแต่งงานเลือกไว้ที่ครึ่งปีให้หลัง

 

วันที่ 18 เดือน 1 วันที่นี้ไม่ได้เลือกโดยผู้ใหญ่ของ 2 ครอบครัว แต่เลือกโดยหยูเฮงน้อย ใครห้ามเปลี่ยนเด็ดขาด

 

แม้จะไม่รู้ว่าเจ้าตัวเล็กเล่นอะไรอยู่ นานๆจะเห็นนางจริงจังที จึงไม่มีใครขัดนาง เมื่อเทียบแล้ววันที่นางเลือกไว้ก็เป็นวันมงคลเหมือนกัน แค่เวลานานไปหน่อย

 

ตระกูลโม่จะแต่งสะใภ้เข้าก็ต้องรับสะใภ้เข้าที่โถงวิหารสวรรค์ตาแก่ซอมซ่อผู้อยู่ระดับอาจารย์ปู่แห่งโถงวิหารสวรรค์กลับไปเตรียมตัวที่โถงวิหารสวรรค์พร้อมครอบครัว

 

งานแต่งงานนี้ลิขิตไว้แล้วว่าต้องเป็นที่จับตามองของทุกคน แม้แต่คนในโถงวิหารสวรรค์ก็ไม่กล้าชะล่าใจ ตั้งใจจัดเตรียมงานแต่งเต็มที่

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวนั่งอยู่ในเรือนตัวเอง มองหญิงเย็บผ้าแต่ละคนปักลวดลายอันมีชีวิตชีวา

 

แต่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่ไม่เป็นเรื่องเย็บปักถักร้อยทรมานมาก เพราะชุดแต่งงานของนางต้องให้นางลงแรงบ้าง ดังนั้นทุกครั้งที่หญิงเย็บผ้าปักมาถึงจุดเรียบที่เย็บง่ายที่สุดจะต้องให้นางเย็บสัก 2-3 ฝีเข็ม เพื่อสื่อว่าชุดแต่งงานของนางนี้นางได้ลงมือปักเอง

 

วุ่นวายกันอยู่เดือนกว่าเหล่าหญิงเย็บผ้าถึงยอมปล่อยนางไป ลายปักที่เหลือเหล่าเย็บผ้าจะทำให้เสร็จเอง เฉิงเสี่ยวเสี่ยวหลบไปไกลๆ ไม่อยากยุ่งกับไอเข็มเล็กๆนั่นอีก

 

ตอนนี้ยังไม่มีอะไรให้ทำ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวจึงนึกถึงทรัพยากรที่กวาดล้างมาจากผืนดินฉางไห่ได้ ไม่ได้เอาไปเลื่อนขั้นมิติเลย หลังจากที่หาหยูเฮงน้อยเจอจึงถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ “คุณหนู ข้ามีแผนในใจเกี่ยวกับการเลื่อนขั้นมิติครั้งสุดท้าย ท่านไม่ต้องใจร้อน ปล่อยให้ข้าจัดการพอ ท่านน่ะเป็นเจ้าสาวอย่างสบายใจเถอะ” หยูเฮงน้อยตอบอย่างไม่ใส่ใจ ดูเหมือนครั้งนี้จะไม่รีบร้อนเลื่อนขั้นมิติเลย

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวขมวดคิ้ว รู้สึกว่าเจ้าตัวเล็กมีเรื่องปิดบังตัวเองจึงถามขึ้น “มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือว่าทรัพยากรไม่พอ”

 

หลังจากที่สะสมมานาน 10 กว่าปี ทรัพยากรในมือพวกนางเยอะจนนับไม่ถ้วน ถ้าเทียบกับทรัพยากรที่ใช้ในการเลื่อนขั้นครั้งที่แล้วละก็มีอย่างน้อย 5 เท่าขึ้นไป

 

ถ้านับแบบนี้แล้วทรัพยากรครั้งนี้เพียงพอแน่นอน แต่หยูเฮงน้อยที่ตื่นเต้นจะเลื่อนขั้นมิติมาตลอดดันยังไม่คิดจะเลื่อนขั้นมิติ จะไม่ให้นางสงสัยได้อย่างไร

———————————-