ตอนที่ 1118 บันทึกการทดลอง

Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ

ตอนที่ 1118 บันทึกการทดลอง โดย Ink Stone_Fantasy

‘บันทึก’

วันที่ 12 การทดลองวันที่หนึ่ง

วันนี้เป็นการทดลองเรื่องความอันตรายของมันตามคำสั่งของฝ่าบาทโรแลนด์

รอบๆ โต๊ะทดลองมีไก่วางกระจายอยู่ 30 ตัว ไก่ตัวหนึ่งถูกเอาไว้วางไว้บนจุดที่ลำแสงสีแดงจะยิงมา

เวลาในการยิงคือ 5 นาที

เป้าไก่มีปฏิกิริยาตอบสนองที่รุนแรงอย่างมาก ไก่ที่อยู่ในกรงดิ้นกระแทกกรงอย่างรุนแรง ส่วนไก่ตัวอื่นๆ ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง

กลิ่นไหม้อ่อนๆ โชยออกมา

หลังยิงเสร็จเรียบร้อย บนขนไก่ที่หลุดร่วงลงมามีรอยไหม้เล็กน้อย แต่ร่องรอยบาดเจ็บเล็กน้อยแค่นี้ไม่สามารถทำให้ขนหลุดออกมาได้แน่ มันน่าจะหลุดออกมาตอนที่เป้าหมายกำลังดิ้นทุรนทุรายไปมาในกรง

ตัวไก่เจ้าของขนดูอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด แต่โดยรวมยังถือว่าปกติอยู่

ดูเหมือนความรุนแรงของมันยังไม่อาจสู้ไฟได้

ผู้บันทึก : เซลีน

…..

วันที่ 13 การทดลองวันที่สอง

สถานการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

ไก่ที่ถูกนำไปเป็นเป้าเริ่มท้องเสีย ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด เหมือนกับติดโรคระบาดอย่างไรอย่างนั้น

ส่วนไก่ตัวอื่นๆ ยังคงปกติ

สีหน้าของฝ่าบาทโรแลนด์ดูค่อนข้างเคร่งเครียด (ลบประโยคนี้ออกในการบันทึกจริง)

วันนี้ไม่มีการทดสอบใหม่

….

วันที่ 14 การทดลองวันที่สาม

ไก่ที่ถูกนำไปเป็นเป้าตายแล้ว

หลังผ่าออกดูทำให้พบว่ามีน้ำไหลซึมออกมาจากในร่างกายเป้าหมาย อวัยวะภายในมีเลือดไหลซึมออกมา บนผิวเกิดอาการเน่าเฟะ ซึ่งนี่เป็นอาการที่จะพบเห็นหลังจากที่สิ่งมีชีวิตตายไปหนึ่งวัน

พูดอีกอย่างก็คือลำแสงสีแดงนั้นทำให้ผิวหนังของไก่ตายลงทั้งๆ ที่มันยังมีชีวิตอยู่?

นี่ช่างน่าสนใจจริงๆ

เมื่อคิดถึงวิหารต้องสาปและเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองธอร์น อีกทั้งภาพที่อยู่ในบนผนังถ้ำเหล่านั้น มันดูแล้วเหมือนจะเป็นอย่างที่ว่า

ผู้ที่ถูกคำสาปดูเหมือนจะถูกทรมานทั้งๆ ที่ยังดูเหมือนปกติอยู่ กระทั่งสุดท้ายร่างกายเน่าเละทั้งตัว ส่วนตัวคนยังมีชีวิตอยู่ แต่กลับต้องมานั่งดูร่างกายของตัวเองค่อยๆ ตายลงไปทีละน้อย ความรู้สึกแบบนี้จะต้องทรมานอย่างมากแน่

ข้าขอถอนคำพูด ถึงแม้อานุภาพการทำลายของมันจะยังไม่อาจสู้ไฟได้ แต่วิธีการทำลายของมันกลับแปลกประหลาดอย่างมาก

แต่ฝ่าบาทโรแลนด์เหมือนจะมีความคิดของพระองค์อยู่

พระองค์คิดว่าลำแสงอันนี้ได้ทำลายความสามารถในการสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่ของสิ่งมีชีวิต

ในระดับจุลภาคที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ร่างกายนั้นได้เจริญเติบโตและเหี่ยวเฉาอยู่ตลอดเวลา และทั้งสองสิ่งนั้นเกิดขึ้นพร้อมกันจนทำให้เกิดความสมดุล ดังนั้นทันทีที่ร่างกายหยุดเจริญเติบโต จึงทำให้เกิดผิวหนังและอวัยวะส่วนใหญ่เน่าตายลง และนี่ก็น่าจะเป็นความจริงของคำสาปที่ว่า

การที่จะมีหลักฐานมาหักล้างแนวคิดนี้ ข้าเห็นด้วยกับพระองค์ (ลบความเห็นด้านล่างในตอนที่บันทึกจริงด้วย)

กล้องจุลทรรศน์ช่างเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่น่าหลงใหลจริงๆ

ยิ่งไปกว่านั้นข้อมูลที่รวบรวมมาได้จากในโลกแห่งความฝันก็สอดรับกับผลการสังเกตอันนี้ด้วย แสดงให้เห็นว่าร่างกายของสิ่งมีชีวิตนั้นประกอบขึ้นมาจากเซลล์เล็กๆ ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

ที่ลำแสงสามารถทะลุผ่านร่างกายได้นั้นเป็นเพราะว่าบนผิวหนังของร่างกายที่ดูเหมือนจะแน่นหนา ความจริงแล้วกลับเต็มไปด้วยรูจำนวนมาก

ข้ารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังสัมผัสโลกใบใหม่อีกใบหนึ่งอยู่

แต่เสียดายที่ข้าไม่สามารถเข้าไปในโลกแห่งความฝันได้ด้วยตัวเอง

ได้ยินว่าหากต้องการเข้าใจความรู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อย่างน้อยก็ต้องเรียนไปถึงระดับ ‘มัธยม’ ก่อน ซึ่งเวลาปกติที่ใช้ในการเรียนก็อยู่ที่ 9 ปี

เรื่องที่จะให้ฟิลลิสกับเอเลน่าเร่งเรียนให้จบเร็วขึ้นจะเป็นการบีบบังคับพวกเธอเกินไปหรือเปล่านะ?

…..

วันที่ 16 การทดลองวันที่ห้า

ไก่ทั้งหมดไม่ว่าเป็นหรือตายล้วนแต่ถูกนำไปฝังไว้ใต้ดิน

ห้องทดลองทำความสะอาดครั้งใหญ่

หลังจากนั้นอีกหนึ่งวัน การทดลองยังคงดำเนินต่อไป

เป้ายิงถูกเปลี่ยนเป็นวัวสามตัว จุดประสงค์ของการทดลองนี้อยู่บนพื้นฐานความเป็นไปได้ที่ว่าลูกบาศก์เวทมนตร์สามารถใช้เป็นอาวุธ และขนาดรูปร่างของเป้าหมายมีผลต่อความสามารถในการต้านทานลำแสงสีแดง

….

วันที่ 20 การทดลองวันที่เก้า

ผลการทดลองออกมาแย่มาก

เป้าหมายทั้งสามตัวถูกนำไปยิงด้วยลำแสงเป็นเวลา 10 นาที, 15 นาทีและครึ่งชั่วโมง

ผลที่ออกมาคือวัวที่ถูกยิงด้วยลำแสงเป็นเวลานานที่สุดก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ถึง 4 วัน

ยังไม่ต้องไปคิดถึงว่าความสามารถในการต้านทานแสงสีแดงของปีศาจเป็นอย่างไร เอาแค่ว่าจะทำให้ปีศาจยืนอยู่ที่เดิมเพื่อยิงลำแสงเป็นเวลานานขนาดนี้ก็ไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว…ถึงแม้ ‘คำสาป’ จะยังคงสร้างความเสียหายต่อไปได้ แต่การแพ้ชนะบนสนามรบมันตัดสินกันในชั่วพริบตา

ภาพการใช้ลูกบาศก์เอาชนะอีกฝ่ายบนผนังวิหารต้องสาปนั้นเป็นแค่การโอ้อวดเกินความเป็นจริงเท่านั้น

หรือไม่ก็….ความสามารถในการต้านทาน ‘ลำแสงแห่งคำสาป’ ของพวกมันอ่อนแออย่างมาก?

……

วันที่ 21 การทดสอบวันที่ 10

ทดสอบระยะยิง

หลังได้รับการยืนยันแล้วว่าลำแสงจากลำแสงของลูกบาศก์ไม่ได้แผ่กระจายออกมาถึงพื้นที่โดยรอบ ฝ่าบาทโรแลนด์จึงทรงอนุญาตให้ออกมาทำการทดลองนอกห้องทดลอง

สถานที่ทดลองยังคงเป็นหุบเขาในเทือกเขาสิ้นวิถี

ผลการทดลองออกมาค่อนข้างน่าผิดหวัง

ระยะยิงของลำแสงสีแดงไม่ถึง 100 เมตร ถ้าหากมีวัตถุวางกั้นอยู่ก็จะทำให้ความสามารถในการทะลุทะลวงของมันลดลง

วัตถุที่เป็นโลหะสามารถกันลำแสงไม่ให้ทะลุผ่านไปได้

อย่างเช่นเหรียญทองสิบเหรียญที่วางทับซ้อนกัน

แม้แต่น้ำยาวิเศษก็ยังสามารถกันผลของลำแสงเอาไว้ได้เช่นเดียวกัน

ข้อสรุปอันนี้แสดงให้เห็นว่ามันไม่สามารถนำมาใช้เป็นอาวุธได้

…..

วันที่ 26 การทดลองวันที่ 15

ฝ่าบาททรงใช้โอกาสในตอนที่นาน่ากลับมาจากแนวหน้าของสนามรบ ทำการทดลองเรื่องการรักษา

ผลที่ออกมานั้นอยู่ระหว่างรักษาได้กับรักษาไม่ได้

อย่างเช่นวัวที่ถูกยิงถึงแม้จะทำการรักษาผิวหนังและอวัยวะภายในที่เน่าตายได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นยังคงเลวร้ายเหมือนเดิม อวัยวะส่วนที่ได้รับการรักษาจะได้รับผลจาก ‘คำสาป’ ใหม่อีกครั้ง

แต่พวกเราได้ตัดเอาอวัยวะเล็กๆ ที่ได้รับการรักษาแล้วและยังมีความสมบูรณ์ชิ้นหนึ่งไปปลูกถ่ายลงในวัวที่แข็งแรงตัวหนึ่ง ผลปรากฏว่ามันไม่ได้มีอาการแย่ลงเหมือนในตอนแรก

นี่แสดงให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่จะลบล้าง ‘คำสาป’ ด้วยการสร้างร่างกายใหม่ในขนาดใหญ่

แต่ว่านั่นมันเกิดขีดความสามารถของนาน่า

ถ้าอยากจะพิสูจน์มันล่ะก็ เช่นนั้นก็จำเป็นต้องให้สเปียร์มาช่วย ด้วยเหตุนี้เรื่องนี้จึงเอาไว้ก่อน

เพื่อความปลอดภัยแล้ว ควรจะสรุปว่ามัน ‘ไม่สามารถรักษาได้’ เอาไว้ก่อนจะดีกว่า

อีกเรื่องหนึ่ง วัวหมายเลขหนึ่งตายลงไปแล้ว มันมีชีวิตอยู่ 10 วัน

…..

วันที่ 28 การทดลองวันที่ 17

ลูกบาศก์เวทมนตร์ส่องแสงสีน้ำเงินออกมาอีกครั้ง

เหรียญยูเรเนียมถูกใช้งานจนหายไปหมด

โชคดีที่ฝ่าบาทโรแลนด์ยังมีเหรียญที่เหมือนกันอยู่อีกเหรียญหนึ่ง

แต่เพราะว่ามันเป็นวัตถุดิบที่ใช้สร้าง ‘แสงของพระอาทิตย์’ ทำให้มันไม่เพียงแต่จะมีปริมาณที่น้อยมาก แต่มันยังหาได้ยากมากด้วย ข้ารู้สึกว่าตัวเองกำลังใช้ทรัพยากรที่ล้ำค่าที่สุดของโลกนี้ไปอย่างสิ้นเปลือง

นอกจากนี้พลังเวทมนตร์ที่อยู่ในลูกบาศก์ยังเหลือน้อยอย่างมากด้วย แต่ว่ามันสามารถเติมพลังเวทมนตร์เข้าไปได้ทุกเมื่อเหมือนรูน

เมื่อคิดถึงเรื่องความสิ้นเปลืองของมัน การทดลองแบบนี้น่าจะไม่มีทางดำเนินต่อไปได้อีก

ข้าหวังว่าจะได้แกะมันออกมาดูหลังจากที่เราทำการทดสอบเรื่องความต้านทานเสร็จเรียบร้อย

….

โรแลนด์ถอนใจออกไปเบาๆ พร้อมกับปิด ‘บันทึกผลการทดลองอย่างเป็นทางการ’ ลง

“พระองค์อ่านมันอีกแล้วเหรอเพคะ” ไนติงเกลนอนพิงอยู่บนเก้าอี้ยาว ในปากคาบปลาแห้งเอาไว้ “ผลมันก็ออกมาชัดเจนแล้วไม่ใช่เหรอเพคะ สมบัติโบราณที่เล่าลือกันก็เป็นแค่เครื่องมือที่ใช้ในการสอบปากคำเท่านั้น นอกจากเอาไว้ใช้ทรมานพวกนักโทษที่จับมาแล้ว หม่อมฉันก็ไม่เห็นมันจะทำอะไรได้เลย”

ถูกต้อง เหมือนกับภาพที่ถูกแกะอยู่บนผนังเลย มันถูกสร้างขึ้นมาด้วยวัตถุประสงค์เดียว นั่นคือเอาไว้ทรมานศัตรู

หลักการของมันคล้ายๆ กับรังสีไอออไนซ์ ส่วนเหรียญยูเรเนียมก็คือเชื้อเพลิงในการใช้งาน ส่วนสาเหตุที่มันถูกกระตุ้นขึ้นมายังไม่ชัดเจน แต่ผลที่ออกมานั้นคล้ายๆ กัน ความแตกต่างนั้นอยู่ที่ลูกบาศก์เวทมนตร์นั้นสามารถยิงไปในทิศทางที่กำหนดได้ด้วยอนุภาพพลังงานสูง

โรแลนด์สงสัยว่าลำแสงสีแดงนั้นอาจจะแค่เอาไว้ชี้เป้าหมายคล้ายๆ กับตัวชี้เป้าที่เป็นเลเซอร์มากกว่า เพราะว่าถ้ามันเป็นลำแสงนิวตรอนหรือไม่ก็อิเลคตรอนพลังงานสูงที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าล่ะก็ แบบนั้นก็ค่อนข้างน่าเหลือเชื่อไปหน่อย

จนถึงตอนนี้ ความจริงเรื่องวิหารต้องสาปและปริศนาการตายของชาวบ้านในหมู่บ้านธอร์นก็ถือว่าได้รับคำตอบแล้ว

อารยธรรมที่บูชาธาตุที่สามารถปล่อยรังสีได้สร้างลูกบาศก์แบบนี้ขึ้นมาจากพลังเวทมนตร์ หลังการทำงานของมันเรียบง่ายอย่างมาก หลังใส่วัตถุดิบที่ปล่อยกัมมันตรังสีความบริสุทธิ์สูงเข้าไปแล้ว มันก็จะสามารถปล่อยลำแสงอนุภาคพลังงานสูงออกมาได้นิดหน่อย ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมมันถึงไม่ส่งผลหลังเลยระยะ 100 เมตรไป เกรงว่านั่นคงจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับพลังเวทมนตร์

เพียงแต่ข้อสรุปนี้ทำให้เขารู้สึกผิดหวังนิดหน่อย

ความรู้ที่ใช้สร้างลูกบาศก์นี้ขึ้นมาเรียกได้ว่าอยู่ในระดับฟิสิกส์ขั้นสูงแล้ว เดิมเขาคิดว่าเจ้าสิ่งนี้มันจะทำอะไรได้มากกว่านี้ แต่เกรงว่าตอนที่มันอยู่ในมือเจ้าของเดิมของมัน มันคงไม่ได้ต่างอะไรจากเครื่องมือลงโทษอื่นๆ อย่างเช่นแส้หรือเครื่องประหารซักเท่าไร

นี่น่าจะเป็นความต่างชั้นระหว่างอารยธรรมล่ะมั้ง

“ฝ่าบาท” ทันใดนั้นเอง ด้านนอกประตูพลันมีเสียงฌอนดังขึ้นมา “แม่มดทาคิลาส่งบันทึกการทดลองฉบับล่าสุดมาให้พ่ะย่ะค่ะ”

“เอาเข้ามา”

ตามแผนที่วางเอาไว้ การทดลองครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย

เขาจะทำการยิงลำแสงใส่สัตว์ต่างๆ ด้วยระยะเวลาที่เท่ากัน เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการต้านทานลำแสงกับขนาดของร่างกายอย่างละเอียด

หลังจากนั้นก็จะหยุดการทดลองที่เกี่ยวกับลูกบาศก์เวทมนตร์ทั้งหมด

เพราะว่าธาตุยูเรเนียมนั้นหาได้ยาก แถมมันยังต้องเอาไปใช้ในสิ่งที่สำคัญมากกว่า

โรแลนด์พลิกบันทึกการทดลองที่ฌอนนำมาส่งให้พร้อมกับยกแก้วชาขึ้นมา

คนที่จดบันทึกยังคงเป็นเซลีน

วันที่ 30 การทดลองวันที่ 19

ในที่สุดการทดลองก็สิ้นสุดลงแล้ว

ผลการทดลองเป็นที่ชัดเจนอย่างมาก ขนาดร่างกายยิ่งใหญ่ ความทนทานต่อลำแสงก็จะยิ่งสูง แต่ถ้าอยากใช้สมการตัวเลขมาแสดงผลการทดลองก็จำเป็นต้องใช้เวลาอีกสักระยะ

นอกจากนั้นยังเกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อยระหว่างที่ทำการทดลอง

เจ้าสิ่งนี้มันช่างน่าขันสิ้นดี เดิมข้าคิดจะใช้วัตถุดิบที่เหลือมาลองดูว่ามันสามารถยิงให้เป้าหมายตายลงไปในทีเดียวได้ไหม ดังนั้นข้าจึงเล็งมันไปที่ปลาที่อยู่ในโหลแก้ว

หลังยิงไป 5 นาที ปลายังมีชีวิตอยู่ แต่น้ำกลับมีไอน้ำลอยออกมา

พูดอีกอย่างก็คืออานุภาพของมันยังไม่อาจสู้น้ำเดือดได้ ถ้ายิงต่อไปเรื่อยๆ ลูกบาศก์คงจะทำให้น้ำเดือดก่อน จากนั้นจึงค่อยลวกปลาจนตายล่ะมั้ง

หรือว่าเจ้าสิ่งนี้ยังใช้ต้มน้ำแกงได้ด้วย?

“พรืด!” โรแลนด์พ่นชาที่เพิ่งจะดื่มเข้าไปเมื่อกี้ออกมา

“ทำไมเหรอเพคะ?” ไนติงเกลมองดูเขาอย่างแปลกใจ

“ข้าลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไงเนี่ย…” โรแลนด์พูดงึมงำ เขามัวแต่คิดถึงเรื่องการใช้งานและความเป็นไปได้ในระดับสูงมาโดยตลอด แต่กลับลืมเรื่องที่เป็นพื้นฐานไปเสียได้ เดิมรังสีนั้นคือการส่งต่อพลังงานอย่างหนึ่ง เมื่อมีการส่งพลังงานออกมา มันก็สามารถเอามาต้มน้ำได้

เดิมประวัติศาสตร์ความก้าวหน้าของมนุษย์นั้นก็คือกระบวนการต้มน้ำด้วยการเปลี่ยนวิธีไปต่างๆ นาๆ อยู่แล้ว

…………………………………………………………………..