ด้วยความสุขที่บังเกิด เซียวอวี๋รู้สึกราวกับตัวเองกำลังล่องลอยอยู่ในความฝัน เขาไม่แปลกใจแล้วว่าเหตุใดมนุษย์จึงชื่นชอบเผ่าพันธุ์ซัคคิวบัสกันนัก ซัคคิวบัสนั้นสุดยอดจริงๆ “นายท่านพอใจหรือไม่?” ซัคคิวบัสเม้มปากเบาๆพลางเงยหน้ามองเซียวอวี๋ด้วยใบหน้าเหนียมอาย “ฮ่าฮ่า ไมเออร์ อืม เจ้าจะเป็นสัตว์เลี้ยงของข้า ตราบที่เจ้าทำตัวดี ข้าย่อมไม่ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างเลวร้าย” เซียวอวี๋ยิ้มขณะที่ในใจมีความสุขอย่างมาก “ขอบคุณนายท่าน” ดวงตาของไมเออร์ฉายแววยินดี ขณะที่เซียวอวี๋รู้สึกว่าร่างกายท่อนล่างกำลังผงาดขึ้นมาอีกครั้ง เขาจึงรีบสงบใจลง เขาควรควบคุมอารมณ์ไว้ให้ได้! “ในอนาคตพวกเจ้าสองคนจะไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่จะติดตามข้า” เซียวอวี๋ลูบหัวไมเออร์ก่อนจะเบนสายตาไปยังหยินเค่อที่ด้านข้าง หยินเค่อหน้าแดงก่อนจะกัดฟันกล่าว “ไร้ยางอาย” “ฮึ่ม ไร้ยางอายอะไรกัน? หากว่านี่เรียกว่าไร้ยางอาย เช่นนั้นเจ้าก็จะไร้ยางอายทุกวัน เหอเหอ….” เซียวอวี๋กล่าวหยอกหยินเค่อ นอกจากปลอกคอฝึกสัตว์แล้วยังมีเชือกเวทมนตร์ที่พันธนาการอยู่ เซียวอวี๋เพียงกระตุกมือเบาๆ ร่างของหยินเค่อก็ถูกดึงเข้ามาอย่างไม่อาจขัดขืน เซียวอวี๋ส่งไมเออร์และหยินเค่อให้พ่อบ้านหงจัดการดูแล พวกนางที่สวมใส่ปลอกคอฝึกสัตว์อยู่ย่อมไม่อาจก่อความวุ่นวายใด พี่สะใภ้คนโตฉีอิ่นถลึงตามองเซียวอวี๋ทีหนึ่งก่อนจะพาตัวไมเออร์และหยินเค่อไป หากเป็นเมื่อก่อน ฉีอิ่นคงตบหน้าเซียวอวี๋ไปแล้ว ทว่าตอนนี้เซียวอวี๋เติบโตขึ้นและสามารถทำหน้าที่เสาหลักของตระกูลได้อย่างมั่นคง เรื่องราวต่างๆล้วนถูกจัดการโดยเซียวอวี๋เพียงคนเดียว ดังนั้นนางจึงไม่ควบคุมเซียวอวี๋ในเรื่องนี้ ในฐานะสตรีที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้ว ฉีอิ่นย่อมเข้าใจธรรมชาติของบุรุษ สิ่งที่นางต้องทำคือช่วยเซียวอวี๋ดูแลจัดการบรรดาสตรีของเขาเพื่อไม่ให้เซียวอวี๋ต้องพะวง เซียวอวี๋รู้สึกคันยิบที่หัวใจ เขาไม่คิดว่าซัคคิวบัสจะร้ายกาจจนเขาแทบไม่อาจควบคุมตัวเองได้เช่นนี้ หากแต่เขาก็เตือนสติตัวเองอยู่ในใจไม่ให้หมกมุ่นเกินไป มิเช่นนั้นึงเกิดปัญหาตามมา เซียวอวี๋เดินทอดน่องไปในเมือง แต่หลังจากเดินไปได้พักหนึ่ง เขาก็เห็นลีอากำลังวิ่งมาทางเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดราวกับมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น “เกิดอะไรขึ้น ไฉนดูเคร่งเครียดนัก?” เซียวอวี๋ถามลีอาอย่างประหลาดใจ ในเวลาเช่นนี้จะมีเรื่องใดที่ทำให้นางดูเคร่งเครียดได้กัน? หรือว่าแน็กแรมเปิดแล้ว? หรือว่าตาเฒ่าสามคนนั้นโดนเซียวอวี๋ต้มตุ๋นจนอับอายกลายเป็นโทสะแล้วอยากจะใช้เวทมนตร์เป่าเมืองไลอ้อน? ลีอามองเซียวอวี๋ด้วยสีหน้าจริงจังพลางกล่าวว่า “มีข่าวจากจักรวรรดิเมฆาตะวันออก” “ที่นั่นเกิดเรื่อง?” เซียวอวี๋ขมวดคิ้ว หรือว่าฉินเช่อเกิดอุบัติเหตุใด? มิเช่นนั้นด้วยสถานการณ์ในเวลานี้แล้ว ที่นั่นสมควรไม่มีเรื่องราวใด “เป็นข่าวที่ส่งมาโดยโถวปาหง ที่นั่นคงมีเรื่องใหญ่ใดเกิดขึ้น ข้าเองก็ยังไม่ได้ดู” ลีอาตอบ เซียวอวี๋ผงกศีรษะ จากนั้นจึงรีบกลับไปยังห้องโถงของสำนักงานเมือง ตอนนี้จ้าวมนตราทั้งสามไม่ได้อยู่ที่นี่ หากแต่ไปยังลานฝึกเพื่อสอนเวทมนตร์ให้กับหลินมู่เสวี่ย ส่วนนิโคลัสนั้นก็ไม่ทราบเช่นกันว่าอยู่ที่ใดแล้ว เหล่าคนสำคัญของเมืองไลอ้อนอย่างพวกมู่หลี่นั้นรอเซียวอวี๋อยู่ที่ห้องโถงของสำนักงานเมืองแล้ว หลังจากเซียวอวี๋มาถึง เขาก็หยิบจดหมายออกมาเปิดอ่านทันที เมื่อได้อ่านสารที่อยู่ภายใน เซียวอวี๋ก็ขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้นขอรับ?” ได้เห็นสีหน้าของเวียวอวี๋ มู่หลี่ก็เอ่ยถามทันที เซียวอวี๋ยิ้มฝืดเฝื่อน “ดูเหมือนจะเป็นข่าวที่ไม่ค่อยดีเท่าใด โถวปาหงบอกว่าพบพวกแมลงจำนวนมากปรากฏตัวขึ้นในพื้นที่ส่วนลึกของจักรวรรดิเมฆาตะวันออก เขาได้ส่งหูตาไปสำรวจเมืองโบราณที่ว่านั่นแล้ว ตอนนี้พวกแมลงเริ่มจะแพร่กระจายไปทั่วทั้งจักรวรรดิ ก่อเป็นความเสียหายใหญ่โต หากว่าเราไม่ยับยั้งพวกมัน ผลที่ตามมาจะยิ่งเลวร้าย” “แมลง? ไฉนพื้นที่นั้นจึงมีแมลงมากมายนัก?” มู่หลี่และคนอื่นๆรับฟังอย่างตั้งใจพลันตกใจ จากประวัติศาสตร์ของทวีปแล้ว การปรากฏตัวของแมลงพวกนี้นับเป็นลางร้าย ด้วยจำนวนที่มากมายมหาศาลของพวกมัน หากพวกมันแพร่กระจายออกไปที่ใด ที่นั่นย่อมเผชิญกับมหันตภัย “หากข้าเดาไม่ผิด มันอาจจะเป็นอัลคีราฟ” เซียวอวี๋เม้มปากพลางคิดถึงเหตุการณ์แปลกๆที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ แน็กแรมที่เพิ่งปรากฏ มาตอนนี้ยังมีอัลคีราฟเข้ามาอีก “อัลคีราฟ? มันคืออะไร?” เมื่อทุกคนได้ยินก็พลันมึนงง เซียวอวี๋ถอดหายใจก่อนจะกล่าวว่า “อัลคีราฟเป็นสถานที่โบราณของอาณาจักรเซิค ครั้งหนึ่ง ที่นั่นเคยเป็นอาณาจักรเซิคที่เพียงแค่ชื่อของมันก็ทำให้ผู้คนสั่นกลัว พวกเซิคแข็งแกร่งมาก แต่ด้วยความช่วยเหลือจากพวกมังกร ในที่สุดพวกเซิคก็พ่ายแพ้ มาตอนนี้เมื่ออัลคีราฟปรากฏขึ้นอีกครั้ง มันคงไม่ใช่เรื่องดี” “อา? พวกเราควรทำอย่างไร? หากว่าจักรวรรดิเมฆาตะวันออกพ่ายแพ้ต่อพวกเซิค เช่นนั้น เหยื่อรายต่อไปก็คือพวกเรา!” ทุกคนต่างก็ทราบดีว่าพวกแมลงนั้นแพร่พันธุ์เร็วมาก “ทำอะไรน่ะหรือ? จงรวบรวมกำลังคน ไม่ใช่ว่าที่นี่ตอนนี้มีนักผจญภัยอยู่มากมาย? พวกเขามาที่นี่เพื่อสิ่งใดเล่า? ไม่เพียงแค่แน็กแรมที่มีสมบัติ ที่อัลคีราฟเองก็มีเช่นกัน ทั้งยังมีมากกว่า ขอเพียงประกาศออกไป นักผจญภัยจำนวนมากจะต้องรีบตะครุบไว้ พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องเหนื่อยกันมาก” เซียวอวี๋แสยะยิ้ม ในเมื่อเรื่องนี้ไม่อาจจัดการได้โดยลำพัง เช่นนั้นก็ฉุดดึงทุกคนลงมายังปักโคลนนี้ด้วยกันเถอะ ถึงกระนั้น เซียวอวี๋ก็ยังไม่สบายใจ แม้จะดึงนักผจญภัยจำนวนมากเข้ามา นั่นก็ยังไม่เพียงพอจะต่อกรกับกองทัพเซิค พวกเซิคนั้นมีมากมายมหาศาล ทั้งยังมีหลากหลายสายพันธุ์ หากไม่จัดการให้ดีคงมีผู้คนล้มตายจำนวนมาก “ใช่แล้ว ท่านลอร์ดช่างทรงปัญญาจริงๆ” ได้ฟังคำกล่าวของเซียวอวี๋ ทุกคนก็รู้สึกว่าไม่ว่าเรื่องใดก็ดูจะง่ายสำหรับเซียวอวี๋ไปเสียหมด อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ทราบเลยว่าเซียวอวี๋นั้นไม่มีความมั่นใจที่จะรับมือกับศึกครั้งนี้เลย ด้วยเหตุนั้น เซียวอวี๋ได้ออกคำสั่งให้ติดประกาศและกระจายข่าวออกไป ประกาศนั้นบอกว่ากองทัพของดินแดนไลอ้อนกำลังเคลื่อนพลไปยังจักรวรรดิเมฆาตะวันออกเพื่อบุกเบิกอัลคีราฟ สำหรับแน็กแรมนั้น เมื่อเทียบกับอัลคีราฟแล้วนับว่าย่ำแย่กว่ากันมาก อัลคีราฟนั้นกว้างใหญ่ไพศาล ทั้งยังมีสมบัติอยู่เป็นภูเขา มันมากเพียงพอที่จะแจกจ่ายให้กับนักเสี่ยงโชคทุกคน “นี่ เจ้าได้ยินหรือยัง? ตอนนี้นักผจญภัยจำนวนมากกำลังเดินทางออกจากที่นี่เพื่อมุ่งไปยังจักรวรรดิเมฆาตะวันออกกันแล้ว” “ไปจักรวรรดิเมฆาตะวันออก? เพื่ออะไร? แน็กแรมใกล้จะเปิดออกแล้ว ใยจึงไปจากที่นี่? พวกนั้นโง่หรือเปล่า?” “เจ้าไม่เข้าใจ แน็กแรมยังไม่เปิดออกเร็วๆนี้หรอก แต่ไม่ใช่กับที่จักรวรรดิเมฆาตะวันออก ตอนนี้มีโบราณสถานขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในจักรวรรดิเมฆาตะวันออก มันคือวิหารอัลคีราฟจากยุคโบราณ ที่นั่นมีสมบัติมากมายนับไม่ถ้วน โอกาสครอบครองสมบัติย่อมมากกว่าแน็กแรม ไม่ว่าผู้ใดก็มีโอกาสแบ่งน้ำแกงถ้วยนี้ ดังนั้นคนทั้งหมดจึงมุ่งหน้าไปยังที่นั่นเพื่อเตรียมจะสำรวจข้างใน” หัวข้อสนทนาที่คล้ายคลึงกันนี้ปรากฏขึ้นตามร้านเหล้าและโรงเตี๊ยมต่างๆทั่วดินแดนไลอ้อน ผู้คนต่างก็หันมาสนใจข่าวเกี่ยวกับอัลคีราฟ….