ขณะที่ข่าวกระจายออกไป เซียวอวี๋ก็มาพบกับจ้าวมนตราทั้งสาม “ผู้อาวุโส พวกท่านสบายดีหรือไม่?” เซียวอวี๋เอ่ยทักด้วยสีหน้ายิ้มแย้มขณะเดินเข้าไปในลานฝึกราวกับเขาไม่ได้ขูดรีดทรัพย์คนทั้งสามมาก่อน จ้าวมนตราทั้งสามกลอกตาเมื่อเห็นว่าผู้มาเป็นใคร “อะไรทำให้เจ้าถ่อมาที่นี่?” ธีโอดอร์เปิดปากเป็นคนแรก อย่างไรเสีย คนทั้งสองก็นับว่าคุ้นเคยกันดี “อันที่จริง ในเวลานี้ทวีปของพวกเรากำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์แห่งความล่มสลาย ข้าเกรงว่าหากพวกท่านไม่ยื่นมือช่วยเหลือ เช่นนั้นทวีปแห่งนี้ก็จบสิ้นแล้ว” สีหน้าของเซียวอวี๋เต็มไปด้วยความโศกเศร้าราวกับวีรบุรุษที่กำลังจะพลีชีพเพื่อกอบกู้โลก “วิกฤตการณ์แห่งความล่มสลายงั้นหรือ? ฮึ่ม ใช่ด้วยฝีมือเจ้าหรือไม่?” เฟอร์กูสันกล่าวแค่นเสียง “หากว่าข้ามีความสามารถเช่นนั้น ข้าคงไม่ได้เป็นแค่ลอร์ดตัวเล็กๆอยู่ที่นี่ ข้าจะกล่าวเข้าประเด็นเลยแล้วกัน ตอนนี้อัลคีราฟปรากฏขึ้นอีกครั้งแล้ว กองทัพเซิคกำลังจะกลืนกินจักรวรรดิเมฆาตะวันออก หากพวกเราไม่หยุดยั้งพวกมันตั้งแต่เนิ่นๆ ข้าเกรงว่าอีกครึ่งเดือนข้างหน้า จักรวรรดิเมฆาตะวันออกคงเหลือเพียงแต่ชื่อ ถัดจากนั้นก็จะเป็นดินแดนไลอ้อนแห่งนี้ และจากนั้นก็จะเป็นทั่วทั้งทวีป เป็นที่ทราบดีว่าการขยายพันธุ์ของพวกเซิคนั้นรวดเร็วเพียงใด หากละเลยไม่สนใจ ผลลัพธ์สุดท้ายคงเลวร้ายยิ่ง” เซียวอวี่จงใจกล่าวเกินจริง เขาหวังให้ผู้เข้มแข็งทั้งสามเร่งตัดสินใจ “ว่ากระไร? เจ้าบอกว่าอัลคีราฟปรากฏขึ้นอีกครั้ง?” ได้ยินคำกล่าวของเซียวอวี๋ เริ่มแรกพวกเขาก็คิดว่าเซียวอวี๋คงปั้นเรื่องเหลวไหลมาหลอกลวงพวกเขาอีก แต่เมื่อได้ยินคำ ‘อัลคีราฟ’ พวกเขาก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที กระนัั้นทั้งสามก็ยังไม่ได้ให้คำตอบ พวกเขาหันไปสบตากันขณะที่ประกายความเจ้าเล่ห์พาดผ่านแววตา “ข้าจะกล้าโกหกพวกท่านหรือ? ข้าเพิ่งได้รับข่าวมาวันนี้ โถวปาหงส่งจดหมายมาขอความช่วยเหลือ หากว่าพวกเราชักช้า ข้าเกรงว่าผลที่ตามมาเลวร้ายเกินจินตนาการ” เซียวอวี๋กล่าวอย่างเคร่งขรึม “หลายวันมานี้ข้าได้ลองใช้เวทพยากรณ์ดูแล้ว เป็นเรื่องจริงที่จักรวรรดเมฆาตะวันออกกำลังเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่ สหายทั้งสอง ข้าเกรงว่าครั้งนี้พวกเราต้องลงมือแล้วจริงๆ หากไม่อาจทำลายหรือผนึกอัลคีราฟได้แล้วล่ะก็ หายนะได้บังเกิดแน่” ธีโอดอร์มุ่นคิ้วอย่างวิตก ตนตัวเช่นพวกเขาทั้งสามนั้นไม่ได้ข้องเกี่ยวกับทางโลกมานานแล้ว ครั้งนี้เป็นเพราะการดับสูญของเอกวินน์ค่อยสามารถชักนำพวกเขาออกมาพร้อมหน้าได้ ไม่เช่นนั้นไม่มีสิบปียี่สิบปี ผู้คนคงยากจะได้พบกับพวกเขา อย่างไรก็ตาม พวกเขาทราบดีว่าในฐานะสามผู้ใช้มนตราที่ทรงพลังที่สุดและเป็นผู้ที่เข้าใกล้ขอบเขตขั้นที่เจ็ดมากที่สุด ความรับผิดชอบของพวกเขาย่อมต้องเพิ่มตามมา ครั้งนี้พวกเขายิ่งไม่อาจนิ่งเฉย พวกเขาต้องรับหน้าที่พิทักษ์ทวีปแห่งนี้ เมื่อพวกเขาในทวีป ทั้งยังครอบครองขุมพลังอันแข็งแกร่ง พวกเขาย่อมไม่อาจนิ่งดูดายและปล่อยให้ทวีปถูกทำลายลง นั่นเพราะต้นไม้ย่อมไม่อาจขาดดินให้หยั่งราก ทุกคนล้วนมีความผูกพันกับแผ่นดินเกิด พวกเขาย่อมต้องปกป้องรักษาไว้ “ข้าสัมผัสได้ว่ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น และข้าคิดว่าเรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นคงจะเป็นการเปิดออกของแน็กแรม ไม่คาดว่าเรื่องใหญ่ที่ว่าจะเป็นอัลคีราฟแทน เรื่องราวไม่อาจชักช้า พวกเราควรเร่งเดินทางไปยังจักรวรรดิเมฆาตะวันออกโดยเร็ว นอกจากนั้น การเผชิญกับกองทัพที่แข็งแกร่งของพวกเซิคก็เหมาะจะเป็นเป้าในการค้นคว้าเวทมนตร์ใหม่ของพวกเรา” ชัคหลุนกล่าวพลางลูบคาง “อืม ครั้งนี้เป็นโอกาสอันดีที่จะได้ทดลองเวทมนตร์ใหม่ เซียวอวี๋ ครั้งก่อนเจ้าบีบเค้นเอาสิ่งของจากเราไปไม่น้อย การเดินทางไปยังจักรวรรดิเมฆาตะวันออกในครั้งนี้ นัยหนึ่งเป็นการช่วยทวีป อีกนับหนึ่งก็ยังเป็นการปกป้องดินแดนไลอ้อนของเจ้า ดังนั้นเจ้าต้องจ่ายออกมาบ้างแล้ว” ธีโอดอรืกล่าวพลางยิ้มเยาะเซียวอวี๋ “เพ้ย! พวกท่านจะเอาอย่างไรกับข้า? ภรรยาของข้าก็ถูกพวกท่านนำตัวไปแล้ว นี่พวกท่านยังต้องการจากข้าอีกหรือ?” เซียวอวี๋ถลึงตามองธีโอดอร์ ขณะที่เขาสัมผัสได้ถึงลางร้าย “เซียวอวี๋ เจ้ากล่าวอะไรเช่นนั้น เหตุใดพวกเราถึงต้องนำตัวภรรยาของเจ้าไปกันล่ะ? นั่นก็เพื่อช่วยนางฝึกฝนพลังให้แข็งแกร่งขึ้น การได้ครองขุมพลังของท่านเอกวินน์ยังเรียกว่าเสียเปรียบได้อีกหรือ? พวกเราทั้งสามเหลือเวลาไม่มากแล้ว ในอนาคต หน้าที่ผู้พิทักษ์ของทวีปย่อมต้องส่งต่อให้กับภรรยาของเจ้า” เผชิญความขี้งกของเซียวอี๋ ธีโอดอร์ก็กลอกตา “ว่าไปแล้ว ตอนนี้ภรรยาของข้าอยู่ขอบเขตใดแล้ว? ใช่อยู่ในขั้นที่ห้าระดับสุดยอดหรือไม่?” ได้ยินธีโอดอร์กล่าวเช่นนั้น ในใจของเซียวอวี๋ก็รู้สึกลิงโลด ในอนาคต ภรรยาของเขาจะต้องไร้เทียมทานเป็นแน่ “ขั้นที่ห้าระดับสุดยอด? เจ้าละเมออยู่หรือไร? ด้วยการรับสืบทอดพลังของท่านเอกวินน์ ตอนนี้ภรรยาของเจ้าเพียงอยู่ในขั้นที่ห้า เจ้าคิดว่าการตัดผ่านของผู้ใช้มนตรานั้นทำได้ง่ายนักหรือ?” ธีโอดอร์กล่าวอย่างขุ่นเคือง “คือว่าข้า…” เซียวอวี๋กลืนน้ำลาย ก็จริงที่ตัวเขาใจร้อนเกินไป แต่อย่างไรก็ตาม มู่เสวี่ยย่อมสามารถตัดผ่านไปขั้นที่หกได้แน่ ทั้งทวีปแห่งนี้มีผู้ใช้มนตราขั้นที่หกเพียงไม่กี่คน ต้องทราบก่อนว่า ก่อนที่หลินมู่เสวี่ยจะเดินทางไปยังวิหารดำ นางยังไม่บรรลุขั้นที่สี่เสียด้วยซ้ำ จากขั้นที่สี่ไปยังขั้นที่หก กระทั่งธีโอดอร์ก็ยังใช้เวลานับร้อยปี ตอนนี้มู่เสวี่ยสามารถกระโดดข้ามขั้นไป นี่ยังไม่นับว่ารวดเร็วอีกหรือ? “ฮึ่ม ว่าอย่างไร? มันคงไม่มากเกินไปที่จะเรียกร้องบางสิ่งจากเจ้ากระมัง?” ธีโอดอร์แค่นเสียง “พวกท่านต้องการอะไร?” เซียวอวี๋ถามอย่างสงสัย ด้วยความแข็งแกร่งของทั้งสามแล้ว พวกเขายังต้องการสิ่งใดจากข้า? ยังมีสิ่งใดที่พวกเขาหามาไม่ได้อีกหรือ? “น้ำยาฟื้นฟูเวทมนตร์ให้พวกเราคนละห้าร้อยขวด อย่างไรก็เสีย การจัดการกับกองทัพเซิคย่อมต้องใช้พลังเวทมหาศาล หากว่ามีน้ำยาฟื้นฟูเวทมนตร์ของเจ้าอยู่ ไม่ว่าพวกมันมีกันมากเพียงใด พวกเราย่อมสามารถกำจัดจนสิ้น” ธีโอดอร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม “มารดาท่านเถอะ! คนละห้าร้อยขวด? นี่ท่านคิดปล้นข้าหรือ? ต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะได้มาห้าร้อยขวด ครั้งล่าสุดที่เติมมานาให้กับรูปปั้นของเอกวินน์ ข้าก็ให้พวกท่านไปคนละร้อยขวดแล้ว” เซียวอวี๋โพล่งออกมาทันทีที่ได้ยินข้อเรียกร้องของธีโอดอร์ มูลค่าของน้ำยาฟื้นฟูมานานี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันมีมากเพียงใด “เลิกไร้สาระเสีย คิดว่าพวกเราไม่รู้จักเจ้าหรือ? เจ้าต้องมีกักตุนเอาไว้มากมายเป็นแน่ รีบๆนำออกมาให้พวกเราคนละสามร้อยขวดได้แล้ว” ธีโอดอร์แบมือไปทางเซียวอวี๋ “สามร้อยขวด ไม่สิ อย่างมาก ข้าคงให้ได้คนละร้อยขวด ข้ารู้ว่าร้อยขวดจากครั้งก่อนพวกท่านยังไม่ได้ใช้มัน” เซียวอวี๋ย่อมไม่อาจตัดใจควักเนื้อตัวเอง น้ำยาฟื้นฟูมานาถือเป็นทรัพยากรล้ำค่าทางกลยุทธ์ของเขา มีหรือที่เขาจะยอมส่งมอบโดยง่าย ซึ่งอันที่จริง ตอนนี้เขามีอยู่ราวแปดร้อยขวดเท่านั้น “สองร้อยขวด นี่ย่อมไม่มากเกินไปสำหรับเจ้า หากว่าเจ้าไม่ให้ ฮึ่ม เช่นนั้นก็อย่าโทษพวกเราผู้ชราทั้งสามจะมีโทสะ” ธีโอดอร์จ้องตาเซียวอวี๋ “คนละหนึ่งร้อยห้าสิบขวด” เซียวอวี๋พยายามต่อรอง หากชายชราทั้งสามสร้างความวุ่นวายในดินแดนของเขา เขาคงต้องปวดหัวมากแล้ว การตอแยกับสามจ้าวมนตรานั้นไม่ต่างจากการแส่หาความตาย “สองร้อย” ธีโอดอร์กลอกตาก่อนจะเอ่ยปาก “เอาเถอะ ครั้งนี้ถือว่าพวกท่านรังแกข้าได้สำเร็จ” เซียวอวี๋กล่าวตัดพ้อ “เหอเหอ เช่นนั้นพวกเราทั้งสามจะรั้งอยู่ที่นี่ เจ้าก็รีบๆเตรียมการเดินทางไปยังจักรวรรดิเมฆาตะวันออกเสีย” ธีโอดอร์กล่าวกำชับ เซียวอวี๋ผงกศีรษะรับอย่างจนใจ เขาต้องให้น้ำยาฟื้นฟูมานาแก่อีกฝ่ายคนละสองร้อยขวด อย่างไรก็ดี การมีทั้งสามมาช่วยเหลือก็เพิ่มความมั่นใจให้กับเขาขึ้นมาก หากเฒ่าชราทั้งสามออกโรงเอง เช่นนั้นอัลคีราฟต้องพินาศแน่….