ตอนที่ 2699 บทสรุปเบื้องหน้า

“ฉัน … แพ้แล้วจริงๆสินะ”

เทียนเฉิงนั้นเต็มไปด้วยสีหน้างุนงง เมื่อเขาตื่นขึ้นมาในห้องเคบินของแพลตฟอร์มการต่อสู้เสมือนจริง ชั่วครู่หนึ่งความคิดของเขายังคงอยู่ในช่วงเวลาสุดท้ายของการต่อสู้

“เกิดอะไรขึ้นกับเทียนเฉิง ? เขาพ่ายแพ้อย่างรวดเร็วแบบนี้ได้ยังไง ?”

คำถามหลายอย่างผุดขึ้นมาในจิตใจของเครุย ขณะที่เธอจ้องมองไปที่หน้าจอโฮโลแกรม เทียนเฉิงนั้นเห็นได้ชัดว่ายังคงยืนหยัดอยู่ท่ามกลางใบดาบเวทย์มนต์ได้เมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่าน แต่ในวินาทีถัดมาเขากลับถูกพวกมันกลืนกิน สถานการณ์นี้มันเป็นเหมือนดั่งฝันร้ายเลย เทียนเฉิงนั้นได้หลอมรวมเทคนิคการต่อสู้ป้องกันระดับทองแดง และสกิลป้องกันขั้นสามเข้าด้วยกัน ซึ่งแม้แต่มอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย ขั้นสี่ก็ยังไม่สามารถจะทำอะไรเขาได้เลย

แล้วเครอลิคขั้นสามอย่างไวโอเล็ตคลาวด์นั้นจะโจมตีเขาได้อย่างไรกัน ?

อย่างไรก็ตามมันไม่เหมือนกับเครุยและพรรคพวกของเธอที่เฝ้าดูอยู่ ผู้ชมรอบๆนั้นไม่ได้แปลกใจกับสถานการณ์นี้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสมาชิกของหอการค้าอาซูที่คิดว่าผลลัพธ์นี้มันสมเหตุสมผล

“เธอยึดมานาของเขา !!!” มู่ฉินอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงอย่างสุดจะพรรณนา ขณะที่เธอมองไปยังร่างของไวโอเล็ตคลาวด์ที่แสดงอยู่บนหน้าจอ “การควบคุมมานาของเธอนั้นอยู่ในมาตราฐานขั้นสี่แล้ว เธอสามารถควบคุมมานาทั้งหมดได้อย่างเต็มที่ภายใต้ขอบเขตการควบคุมมานาของเธอ และมันทำให้ผู้เล่นที่อยู่ในขั้นสามหรือต่ำกว่าไม่สามารถใช้มานาต่อสู้กับเธอได้”

ใน God domain ผู้เล่นนั้นจะเริ่มได้เรียนรู้วิธีการจัดการมานาก็หลังจากที่พวกเขามาถึงขั้นสอง และพวกเขาก็จะได้เรียนการจัดการมานาในระดับที่สูงขึ้นไปอีกเมื่อมาถึงขั้นสาม เพราะท้ายที่สุดแล้วในตอนที่ทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสาม พวกเขาทุกคนจะถูกบังคับให้ต้องสร้างร่างมานาของตัวเอง ซึ่งร่างมานานี้มันทำให้พวกเขาสามารถจะจัดการกับมานาโดยรอบเพื่อใช้มันเพิ่มพลังให้กับสกิลและเวทย์ของตัวเองได้

อย่างไรก็ตามหากผู้เล่นไม่สามารถใช้มานาโดยรอบได้ สกิลและเวทย์ของพวกเขาก็จะอ่อนแอลงอย่างมาก

ในทางตรงกันข้าม เมื่อผู้เล่นสามารถควบคุมมานาได้ที่มาตราฐานของขั้นสี่ พวกเขาก็จะสามารถควบคุมมานาทั้งหมดภายในรัศมีห้าสิบหลาหรือมากกว่านั้นได้ และเมื่อเป็นแบบนี้ มันก็จะทำให้สกิลและเวทย์ที่พวกเขาใช้นั้นเหนือกว่าผู้เล่นขั้นสามทั่วไปมาก

และด้วยการผสมผสานเอฟเฟคของทั้งสองอย่างนี้ แม้ว่าเทียนเฉิงจะมีมาตราฐานการต่อสู้ที่เหนือกว่ามาก แต่เขาก็ไม่สามารถจะเทียบกับไวโอเล็ตคลาวด์ได้เลย ในแง่ของพลังต่อสู้โดยรวม

เครุยเริ่มตระหนักได้ถึงหลายๆสิ่งทันที เมื่อเธอได้ยินคำอธิบายของมู่ฉิน และตอนนี้อารมณ์ที่ซับซ้อนก็เข้าปกคลุมไปทั่วจิตใจของเธอ ขณะที่เธอมองไปยังไวโอเล็ต
คลาวด์

“เธอไม่ได้อายุมากกว่าฉันเลยนี่นา ใช่ไหม ?” เครุยพึมพำกับตัวเอง “นี่เธอเป็นร่างอวตารของ NPC ขั้นสี่รึปล่าว ?”

ไม่เพียงแต่ไวโอเล็ตคลาวด์จะสามารถเข้าถึงขอบเขตอนันต์ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่การควบคุมมานาของเธอยังมาถึงมาตราฐานขั้นสี่แล้วด้วย นี่มันเป็นความสำเร็จที่แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนที่มีประสบการณ์ก็ยังไม่สามารถจะทำได้เลย

ขณะเดียวกันหงซินหยวนที่นั่งอยู่ข้างเครุยนั้นก็ตอบสนองอย่างใจเย็นต่อผลการต่อสู้ ในความเป็นจริงดวงตาของเขาปรากฎร่องรอยแห่งความชื่นชมด้วย ในตอนที่มองไปยังไวโอเล็ตคลาวด์

“ผู้อาวุโสหง คุณไม่คิดว่าคุณแพ้อย่างไม่ยุติธรรมใช่ไหม ?” ต้วนฮันซานถามขณะลูบเคราของเขา

“ดูเหมือนว่าคุณจะรู้และคิดเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ตอนที่เจอฉันมาที่นี่แล้วสินะ …” หงซินหยวนนั้นไม่ได้โกรธเลยที่ต้องสูญเสียสารอาหารเหลวระดับ S สิบห้าขวด และคริสตัลเวทมนต์หนึ่งแสนชิ้น ตรงกันข้ามเขายังคงยิ้มแบบมีความสุขอยู่ด้วยซ้ำ

“แน่นอน มหาอำนาจบางส่วนรวมถึงหอการค้าอาซูเองล้วนรู้เรื่องนั้นได้ ….” ต้วนฮันซานพยักหน้า “อย่างไรก็ตามคุณก็ไม่ได้สูญเสียโดยเปล่าประโยชน์หรอกในครั้งนี้ คุณควรรู้ว่าผู้อาวุโสซินฟูลเฟรมเองก็แพ้เด็กสาวคนนี้เช่นกันในการแข่งขันภายในของเรา พูดกันตามตรงคุณควรจะมีความสุขในการเก็บเกี่ยวครั้งนี้ของคุณด้วยซ้ำ เพราะแม้ว่าคุณจะแพ้พนันฉัน แต่คุณก็ไม่ได้นับว่าสูญเสียเลย”

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้วนฮันซานไม่รู้ก็คือ ไวโอเล็ตคลาวด์ในปัจจุบันนั้นแข็งแกร่งกว่าตอนที่เธอสู้กับซินฟูลเฟรมมาก เพราะคราวนี้เธอไม่ได้พึ่งพาคทาของเธอในการยกระดับความแข็งแกร่งทางจิตใจ แต่เธอได้มาถึงระดับขั้นสี่นี้ด้วยการพึ่งพาตัวเอง

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือการควบคุมมานาของเธอนั้นดีขึ้นก็เพราะค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเธอนั้นสูงขึ้น

“คุณพูดถูกเลย มันนับเป็นการสูญเสียที่คุ้มค่า ….” หงซินหยวนอดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กับคำพูดของต้วนฮันซาน “การเดินทางครั้งนี้ไม่ได้ไร้ประโยชน์แต่อย่างใด ….”

“ลุงหง ?” ปฎิกิริยาที่มีความสุขของหงซินหยวนนั้นทำให้เครุยสับสน

นี่คือสารอาหารเหลวระดับ S สิบห้าขวด และคริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งแสนชิ้นเลยนะที่พวกเขากำลังพูดถึง ซึ่งนี่มันนับว่าเป็นจำนวนมากแม้แต่กับฟรอสต์ฮีฟเว่น

“ใช่แล้ว นี่มันนับเป็นการสูญเสียที่คุ้มค่า ….” มู่ฉินกล่าวด้วยรอยยิ้มเช่นกัน

ปฎิบัติการของฟรอสต์ฮีฟเว่นในครั้งนี้นั้นมีความสำคัญสูงสุด และมันอาจส่งผลต่อสถานการณ์โดยรวมของ God domain เลยด้วยซ้ำ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องธรรมชาติที่พวกเขาจะดีใจที่ได้ขอความช่วยเหลือจากผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดและสามารถไว้ใจได้

แม้ว่าเทียนเฉิงจะไม่สามารถแสดงความแข็งแกร่งได้เต็มที่ เนื่องด้วยข้อจำกัดของแพลตฟอร์มการต่อสู้เสมือนจริง แต่ความสามารถที่ไวโอเล็ตคลาวด์เปิดเผยออกมานั้น มันก็มากพอที่จะทำให้พวกเขายอมรับแล้วว่าเธอเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถ

“มู่ฉิน ครั้งนี้เธอทำได้ดีมากจริงๆ” หงซินหยวนกล่าวชมมู่ฉิน

“ฉันแค่พยายามจะช่วยกิลให้ได้มากที่สุด …” มู่ฉินยิ้มด้วยความดีใจ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้รับคำชมจากหงซินหยวน

“หลังจากนี้ไปแจ้งแบล๊คเฟรมให้หน่อยว่า ฉันจะมอบช่องให้ยี่สิบช่องสำหรับปฎิบัติการลับของเรา นอกจากนี้นอกเหนือจากสารอาหารเหลวระดับ S หนึ่งร้อยขวดแล้ว บริษัทโบลเดอร์จะให้ช่องสามช่องในการเข้าสู่ Upper Zone แก่สภาสิบแปดปีกด้วย หากปฎิบัติการของเราสำเร็จ” หงซินหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ลุงหง ?” มู่ฉินตกใจ ครู่หนึ่งเธอคิดว่าเธอได้ยินอะไรผิดไป

“ลุงหง นั่นมันจะไม่มากเกินไปหน่อยงั้นหรอ ?” ดวงตาของเครุยเบิกกว้างด้วยความตกใจ ชั่วครู่หนึ่งเธอสงสัยว่าหงซินหยวนนั้นบ้าไปแล้ว

สภาสิบแปดปีกเป็นคนนอก การมอบไอเทมและเครดิตรวมถึงของที่กิลต้องการให้มันก็น่าจะเพียงพอ แต่ถึงกระนั้นหงซินหยวนกับเสนอช่องล้ำค่าเหล่านี้เป็นค่าตอบแทน หากเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดของบริษัทได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาจะต้องตกตะลึงแน่นอน เพราะท้ายที่สุดลูกๆหลานๆ ของเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดเหล่านั้นไม่มีสิทจะได้รับช่องล้ำค่านี้ด้วยซ้ำ

“ช่างใจกว้างจริงๆนะผู้อาวุโสหง …. ถ้าฉันจำไม่ผิด คุณไม่ได้มีช่องพวกนี้ที่เป็นของตัวเองมากมายไม่ใช่หรอ ?” ต้วนฮันซานรู้สึกประหลาดใจกับการตัดสินใจของหงซินหยวน

สำหรับคนทั่วไป การจะเข้าสู่ Upper Zone นั้นมันเป็นเพียงความฝันเท่านั้น และสำหรับเหล่าคนร่ำรวย Upper Zone นี้ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาทุกคนล้วนต้องการ

Upper Zone นั้นเป็นพื้นที่พิเศษที่บริษัทกรีนก๊อดได้สร้างขึ้น และมันจะมีเพียงแต่ยักษ์ใหญ่เท่านั้นที่ได้รับสิทให้ไปที่นั่น และโดยรวมแล้วมันก็มีไม่ถึงหกสิบกลุ่มทั่วโลกที่ได้รับเลือกให้มีสิทไปที่นั่น

ในขณะเดียวกันเหตุผลหลักที่เหล่าคนร่ำรวยนับไม่ถ้วนพยายามจะเข้าสู่ Upper Zone มันก็คือเรื่องของอายุที่ยืนยาวและความเยาว์วัย

ตามสถิติที่ถูกรวบรวมมาเมื่อห้าสิบปีที่แล้ว อายุขัยเฉลี่ยของผู้คนที่อาศัยอยู่ที่ Upper Zone นั้นมันสูงถึงหนึ่งร้อยสามสิบปีเลย นอกจากนี้ผู้อยู่อาศัยใน Upper Zone ยังจะสามารถคงความเยาว์วัยไว้ได้จนกว่าจะอายุเกินแปดสิบปีด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่งคือคนอายุแปดสิบปีที่อาศัยอยู่ใน Upper Zone นั้นอาจมีร่างกายที่แข็งแรงพอๆกับคนอายุห้าสิบปีที่อาศัยในโลกภายนอก
และนี่มันก็เป็นเพียงสถิติเมื่อห้าสิบปีก่อน ….

แถม Upper Zone นั้นยังมีสิทธิประโยชน์อื่นๆอีกมากมาย อย่างไรก็ตามมันมีแต่เพียงผู้ที่ได้ไปและอยู่อาศัยที่นั่นเท่านั้นที่จะรู้ว่าประโยชน์เหล่านี้คืออะไร

ในขณะเดียวกันจำนวนคนที่ได้รับอนุญาติให้เข้าสู่ Upper Zone ทุกปีนั้นก็มีจำกัดมากๆ ยิ่งไปกว่านั้นมันไม่มีใครสามารถเข้าสู่ Upper Zone ได้โดยเพียงแค่มีเงิน และมันก็มีสิ่งที่จำเป็นต้องทำเพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขในการเข้าสู่ Upper Zone

แน่นอนว่าบริษัทกรีดก๊อดก็ได้สงวนช่องส่วนหนึ่งไว้สำหรับสำหรับบริษัทนานาชาติที่เป็นพันธมิตรด้วย อย่างไรก็ตามจำนวนมันก็มีน้อยมากจนบริษัทเหล่านี้แทบไม่เคยมอบให้กับคนภายนอกเลย และมันก็มีแค่เฉพาะผู้ที่มีส่วนร่วมสร้างประโยชน์ให้กับบริษัทมากเท่านั้นจึงจะได้รับช่องไป

การที่หงซินหยวนเลือกจะเสนอสามช่องให้กับสภาสิบแปดปีก มันจึงถือว่าเป็นการใจกว้างที่บ้าคลั่งมากๆ

“ฉันยังสามารถแจกสามช่องได้น่า ….” หงซินหยวนพูดพลางเดาะลิ้นของเขา อย่างไรก็ตามในขณะที่เขาแสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจมากนัก แต่ดวงตาที่แอบมีความทุกข์เล็กๆของเขาก็ไม่สามารถจะซ่อนจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ที่นี่ได้

“ดูเหมือนว่าคุณจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากเหมือนกันนะ ….” ต้วนฮันซานกล่าวขณะที่เขามองไปยังหงซินหยวนด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน ในปัจจุบันมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้เหตุผลบางประการที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจของหงซินหยวน อย่างไรก็ตามคำพูดของต้วนฮันซานก็ทำให้เครุย และมู่ฉินสับสน

“เอาล่ะ เป้าหมายของเราสำเร็จแล้ว เราก็ควรกลับกันได้แล้ว ….” หงซินหยวนหัวเราะออกมาเบาๆโดยไม่ได้คิดจะอธิบายใดๆ จากนั้นเขาก็หันกลับและเดินออกจากล็อบบี้ไปโดยไม่ได้แสดงเจตนาที่จะอยู่ต่ออีกต่อไป

หลังจากกลุ่มของหงซินหยวนจากไป กู้หานซึ่งยืนอยู่ห่างออกไปก็ได้เดินเข้ามาหา
ต้วนฮันซาน

“ผู้อาวุโสต้วน ทำไมฟรอสต์ฮีฟเว่นถึงยินดีจะจ่ายให้สภาสิบแปดปีกมากขนาดนี้กัน ?” กู้หานถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“มันก็ไม่มีอะไรมากหรอก …” ต้วนฮันซานกล่าวพลางสูดหายใจเข้าลึกๆ ในขณะที่มันมีอารมณ์ที่ซับซ้อนอยู่เต็มไปหมดในดวงตาของเขาในตอนที่เขาเฝ้าดูกลุ่มของหงซินหยวนออกจากอาคารไป “มันก็เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ใกล้เข้ามา และเวลาที่คนแบบนาย เหล่ารุ่นเยาว์มีอยู่ก็ลดน้อยลง”

“การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ?” กู้หานนั้นยิ่งรู้สึกสับสนมากขึ้น เมื่อได้ยินคำพูดของ
ต้วนฮันซาน

ขณะที่กู้หานกำลังจะถามเพิ่มเติม เหลียงจิงก็ได้เดินออกมาจากลิฟต์ และตรงเข้ามาหาพวกเขา

“ผู้อาวุโสต้วน หัวหน้ากิลของเราอยากพบคุณ …” เหลียงจิงกล่าวด้วยความเคารพ

“ดูเหมือนว่าในที่สุดหัวหน้ากิลของคุณก็ตัดสินใจจะออกมาแล้วสินะ เขาทำให้ชายแก่คนนี้ต้องรอนานจริงๆ ….” ต้วนฮันซานพยักหน้า ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อแบบลอยๆว่า “มันเกิดขึ้นแล้วด้วยบางส่วนด้วย ฉันอยากจะคุยกับเขาเกี่ยวกับเรื่องของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน นำทางไปเถอะ …”

“ทางนี้เลยผู้อาวุโส …” เหลียงจิงพาต้วนฮันซานขึ้นลิฟต์ด่วนไปยังชั้นบนสุดของอาคารทันที