ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK

สารบัญ อาณาจักรวิญญาณ

สารบัญ ราชันเทพเก้าสุริยัน

••••••••••••••••••••

**บทที่****291:**ขั้นกว่า (2)

แท้จริงแล้วในก่อนหน้านี้ระดับของซ่งจงนั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและเขาสามารถเพิ่มระดับของตนเองได้อีก แต่เป็นเพราะเขาไม่อาจเก็บงำความโกรธได้นานไปมากกว่านี้จึงต้องจำยอมกลับมา

เห็นได้ชัดเจนว่าภายในหัวใจของเขานั้นเต็มไปการล้างแค้นต่อครอบครัวตนเอง การที่เขาพุ่งออกไปด้านนอกและโดนตลบหลังบีบบังคับให้เขาต้องต่อสู้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

อีกทั้งเหล่าคนในภูเขาล้วนแต่ใส่ความให้เขากลายเป็นคนผิดและต้องการสังหารเขาให้จบสิ้นเรื่องนี้ เหล่าผู้ฝึกตนชอบธรรมเหล่านั้นแท้จริงควรจะเป็นคนที่ซื่อสัตย์และยอมรับความจริง แต่ทว่าแม้แต่นักบวชฮัวอวิ๋นยังไม่อาจกล่าวความจริงออกมาได้และไม่มีผู้ใดยืนเคียงข้างซ่งจงแม้สักคน สิ่งนี้ทำให้ซ่งจงโกรธแค้นและสมเพชตนเองอย่างมาก เขารู้สึกผิดหวังต่อพวกพ้องของตนเองอย่างสุดหัวใจ

นับจากวันนี้ไปภายในโลกของผู้ฝึกตนมนุษย์ ซ่งจงกลายเป็นบุคคลทรยศ เงามืดปกคลุมหัวใจของเขาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ความเจ็บนี้จะเปลี่ยนแปลงหัวใจของเขาไปตลอดกาล

พวกเจ้ากล่าวว่าครอบครัวของข้านั้นเป็นสายลับให้กับอสูรกายงั้นหรือ? ยอดเยี่ยม ถ้าเช่นนั้นข้าจะแสดงบทสายลับให้พวกเจ้าได้เห็น!

ด้วยความโกรธที่เต็มเปี่ยมภายในหัวใจ หลังจากที่ซ่งจงออกมาเขามองหาอาวุโสเอ๋าอย่างรวดเร็ว ซ่งจงเดินเข้ามาในห้องโถงพร้อมกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “อาวุโสเอ๋า ผู้ฝึกตนมนุษย์นั้นทำเกินไป พวกเขาได้ข้ามเขตแดนมาอย่างตั้งใจ ข้าไม่สามารถยอมรับสิ่งเหล่านี้ได้!”

อาวุโสเอ๋าจ้องมองซ่งจงพร้อมกับขมวดคิ้วและถามว่า “ฝ่าบาทน้อยกล่าวถึงสิ่งใดกันหรือ?”

“แน่นอนว่าเราจะต้องโต้กลับบ้าง!” ซ่งจงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “พวกเข้ากล้าที่จะเข้ามาในเขตแดนของทะเลตะวันออก เหตุใดเราจึงไม่เข้าไปในเขตแดนของภูเขาบ้าง!”

เมื่อได้ยินสิ่งที่ซ่งจงกล่าวว่าเขาจะบุกเข้าไปในเทือกเขาใหญ่ อาวุโสเอ๋ารีบทักท้วงอย่างรวดเร็ว “อาจจะไม่ได้ ไม่สิ เป็นไปไม่ได้เลย!”

“เหตุใดกัน?” ซ่งจงอารมณ์เสียทันที “พวกเจ้าเกรงกลัวพวกมันงั้นหรือ?”

“ฝ่าบาทน้อยท่านกำลังเข้าใจผิด ข้านั้นไม่เคยกลัว! ไม่เคยคิดกลัวแม้แต่น้อย!” เอ๋าเทียนพยายามอธิบายอย่างรวดเร็ว “เผ่าพันธุ์อสูรกายภายในทะเลตะวันออกส่วนใหญ่แล้วอยู่ในน้ำ พวกอสูรกายที่มีปีกและอยู่บนบกมีเพียงสองในสิบเท่านั้น ถ้าหากเราเข้าไปโจมตีที่เทือกเขาใหญ่ เหล่าอสูรที่อยู่ในน้ำจะเดินบนดินได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นเหล่ามนุษย์ได้ก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกขึ้นมาทำให้อสูรกายดั่งเช่นพวกเราสูญเสียและพ่ายแพ้อย่างหนัก ถ้าหากจะต้องพบเจอกับผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่พวกเราไม่สามารถที่จะรอดพ้นได้ อีกทั้งลำแสงศักดิ์สิทธิ์ของเหล่ามนุษย์นั้นแข็งแกร่งมาก พวกเราไม่อาจข้ามผ่านไปได้!”

หลังจากที่ซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาขมวดคิ้วพร้อมกล่าวออกมาอย่างหงุดหงิด “เช่นนี้ถือว่าจบสิ้นแล้วงั้นหรือ?”

เอ๋าเทียนที่จู่ๆเกิดความคิดได้กล่าวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “ฝ่าบาทน้อย ถ้าหากท่านต้องการจะแก้แค้นจริงๆ ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นเลย!”

“หืม? แปลว่าอย่างไร?” ซ่งจงรีบถามทันที

“ง่ายมาก ท่านต้องหาเป้าหมายที่จะระบายความโกรธ ไม่มีความจำเป็นใดๆที่ต้องบุกเข้าไปเคาะประตูหน้าบ้านของพวกเขา! ท่านจะต้องสังหารพวกเขาอย่างโหดเหี้ยมให้ทั่วโลกได้รับรู้ว่าท่านโหดร้ายเพียงใดเมื่อท่านจากไปก็พอ!” เอ๋าเทียนแนะนำอย่างใจเย็น

“ยอดเยี่ยม ถ้าทำเช่นนั้นชื่อเสียงของข้าก็จะโด่งดังมากขึ้นไปอีก!” ซ่งจงกล่าวออกไปอย่างรวดเร็ว “แล้วเจ้าหมายถึงสิ่งใดกันล่ะ?”

“กลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออก!” อาวุโสเอ๋ากล่าวอย่างรวดเร็ว “การป้องกันของพวกมันไม่ได้เข้มงวดมากนัก นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยเหล่าสาวกของสำนักใหญ่ ถ้าหากพวกเราสามารถทำลายเหล่าสาวกคนสำคัญของพวกมันได้ ไม่เพียงแค่ท่านจะได้ระบายความโกรธ เหล่าลูกหลานรุ่นต่อไปของอสูรกายแห่งทะเลตะวันออกยังจะเทิดทูนท่านอย่างมากอีกด้วย!”

“เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมมาก!” ซ่งจงตอบกลับด้วยดวงตาที่เป็นประกายพร้อมกล่าวต่อ “ข้านั้นเฝ้ามองไอ้กลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกมานานแล้ว พวกมันทั้งหมดนั้นอาศัยอยู่รวมกัน เมื่อข้าเห็นพวกมันเหล่านี้แล้ว ข้าเริ่มมีอารมณ์อยากจะอาละวาดเสียแล้ว!”

“ฝ่าบาทกล่าวถูกต้องแล้ว แต่กลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกนั้นมีผู้ฝึกตนมนุษย์มากกว่าหนึ่งพันคน บุคคลที่เป็นผู้นำของพวกมันล้วนแต่อยู่ในระดับหยวนหยินและจำเป็นต้องพึ่งพาพลังของฝ่าบาทเท่านั้น แม้ว่าจะเพิ่มข้าเข้าไปในการต่อสู้ด้วย ข้าก็ไม่อาจสัมผัสพวกเขาได้!”

“หืม?” หลังจากซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาแปลกใจอย่างช่วยไม่ได้ “นี่ข้าเป็นเจ้าชายจริงหรือไม่เหตุใดข้าจึงไม่มีสิทธิ์ใช้กองทัพอสูรกาย!”

“ฟังข้าก่อน!” เอ๋าเทียนรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว “ท่านไม่ได้มีชื่อเสียงในทะเลตะวันออก ถ้าหากต้องการกองทัพ ท่านจะต้องเรียกผู้นำสูงสุดของเผ่าพันธุ์นั้น ถ้าพวกเขายินยอมแน่นอนว่าท่านจะได้รับกองทัพมากมาย!”

“แล้วถ้าพวกเขาไม่เห็นด้วยล่ะ?” ซ่งจงถามกลับพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ถ้าหากพวกเขาไม่เห็นด้วย เราจะเป็นจะต้องทำตามกฎของอสูรกายเท่านั้น พวกเขาจะส่งอสูรกายมาต่อสู้กับท่าน ผู้แพ้จะเชื่อฟังผู้ชนะ!” อาวุโสเอ๋ากล่าวตอบ

“ข้าเพิ่งจะใช้กองกำลังไปไม่ใช่หรือ? แล้วข้าต้องขึ้นเป็นผู้นำอสูรกายเหล่านี้ด้วยการต่อสู้เหรอ?” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

“อ่า แท้จริงแล้วไม่ต้องถึงขั้นนั้น” อาวุโสเอ๋าตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “หลังจากที่ท่านขึ้นเป็นเจ้าชาย ยิ่งไปกว่านั้นท่านยังมีสายเลือดแห่งเต่าดำ แน่นอนว่าในอนาคตท่านสดใสอย่างมาก แล้วผู้ใดกันที่จะกล้ารุกรานท่านในตอนนี้? ข้าเชื่อว่ามากกว่าแปดในสิบ ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะต่อต้านสถานะของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นศึกที่ผ่านมาท่านยังต่อสู้ได้อย่างยอดเยี่ยม!”

“ยอดเยี่ยม?” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาเผยรอยยิ้มออกมาอย่างหดหู่ “ข้านั้นถูกไล่ล่ามามากกว่าหมื่นลี้ สภาพของข้าไม่ต่างจากสุนัขหนีตาย อีกทั้งเรือมังกรทองคำยังถูกทำลาย แต่เหล่าอสูรกายมากมายถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม เจ้าเรียกสิ่งเหล่านี้ว่ายอดเยี่ยมงั้นหรือ?”

“ฮ่าฮ่า ฝ่าบาทท่านไม่สามารถกล่าวเช่นนั้นได้ แม้ว่าพวกเราจะสูญเสียรุ่นน้องไปมากมาย แต่เหล่ามนุษย์ก็สูญเสียเช่นกัน ยิ่งไปมากกว่านั้นพวกเรายังได้รับเงินมากมายจากศึกครั้งนี้ ซึ่งหลายอย่างไม่อาจประเมินราคาของมันได้!” อาวุโสเอ๋ากล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม ซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขารีบถามกลับอย่างรวดเร็ว “เจ้าหมายถึงเรือเหาะน่ะหรือ?”

“แน่นอนว่าในเวลานั้นเราสูญเสียเหล่าอสูรกายไปจำนวนมาก แต่มันก็ยังเทียบไม่ได้กับเรือเหาะนับสิบลำที่พวกเรายึดมาได้!” อาวุโสเอ๋ากล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม

ซ่งจงได้ยินเช่นนั้น รู้สึกแปลกใจทันที เขาถามออกไป “ในทะเลตะวันออกล้วนแต่มีสมบัติเหล่านี้มากมาย แต่พวกเจ้ายังขาดแคลนเรือเหาะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง!” อาวุโสเอ๋ากล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว “อย่ามองว่าในทะเลตะวันออกของเราเต็มไปด้วยสมบัติเลย นั่นเพราะว่าเหล่าอสูรกายนั้นไม่มีความสามารถในการปรับแต่งอุปกรณ์เหล่านี้ และเรือเหาะนั้นเป็นสมบัติขนาดใหญ่ พวกเราไม่สามารถสร้างมันได้เอง ซึ่งทางเราที่จะครองครองมันได้คือปล้นจากมนุษย์เท่านั้น! แต่มนุษย์นั้นฉลาดอย่างมาก พวกเขาไม่ยินยอมที่จะใช้เรือเหาะในการเดินทางภายในทะเลตะวันออกโดยง่ายดาย พวกเรานั้นมีเพียงเรือลำเล็กๆเท่านั้นและได้รับมันมานานแล้ว และในตอนนี้พวกเราได้รับเรือขนาดใหญ่นับสิบลำ เช่นนี้จะไม่เรียกว่าการเฉลิมฉลองได้อย่างไร?”

“เรือเหาะนั้นมีค่ามากสินะ? น่าเสียดายที่ข้านั้นแบ่งมันไปให้เผ่าพันธุ์ที่ควรจะได้รับมัน ถ้าหากข้าได้ฟังเจ้าพูดเร็วกว่านี้ ข้าจะเก็บมันไว้ให้เจ้าสักลำ!” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างหดหู่

“ฝ่าบาทไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เหล่ารุ่นน้องที่ได้รับสมบัติเช่นนี้ไป ไม่นานพวกเขาจะตระหนักได้เองว่ามันไม่เหมาะกับตนและจะหันหน้าเดินเข้าหาอาวุโส!” อาวุโสเอ๋ากล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม “เหล่าบุตรชายของทาสผู้นี้นั้นมีความกตัญญูอย่างยิ่ง ข้าต้องขอบคุณท่านอย่างมากที่มอบเรือเหาะให้กับเขาเพื่อเป็นของขวัญ แน่นอนว่าการมอบให้เขานั้นเท่ากับว่ามอบมันให้กับข้าด้วยเช่นกัน!”

“ฮ่าฮ่า เช่นนั้นก็คงจะเป็นเรื่องน่ายินดีจริงๆ!” ซ่งจงกล่าวออกมาพร้อมกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

“ขอขอบคุณที่ฝ่าบาทเมตตา!” อาวุโสเอ๋ากล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ในการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงข้าที่ได้รับเกียรติเหล่านั้นหรอก! มีเผ่าอื่นด้วยเช่นกัน อสูรเหล่านั้นย่อมมีความสุขเช่นเดียวกับข้า พวกข้านั้นขอขอบคุณท่านจากก้นบึ้งของหัวใจ ดังนั้นการที่ท่านจะขอให้พวกเขาส่งกองกำลังสนับสนุน ข้าเชื่อว่ามีมากกว่าแปดในสิบที่จะยินดีช่วยเหลือท่าน!”

“ฮ่าฮ่า ได้ยินเช่นนี้ ข้าก็โล่งใจ!” ซ่งจงพยักหน้าอย่างพอใจ

“ในความจริงถ้าหากเรื่องเหล่านี้ถูกดำเนินการโดยจักรพรรดินีล้วนแต่ง่ายดายกว่านี้มากนัก พวกเขาจะส่งกองกำลังของราชวงศ์มาโดยตรงอย่างแน่นอน น่าเสียดายที่พวกเขายังไม่มีใครรู้จักท่านมากนักและการที่ท่านออกคำสั่งเช่นนี้นับว่าจะเป็นการหยามเกียรติอย่างมาก มันเป็นการแสดงออกว่าท่านไม่ให้เกียรติพวกเขา แม้ว่าท่านจะออกคำสั่ง พวกเขาก็จะทำตามอย่างไม่เต็มใจนัก ดังนั้นข้าคิดว่าการที่ท่านได้มอบของกำนัลมากมายในการต่อสู้ครั้งที่แล้ว จะสร้างสัมพันธ์อันดีกับเหล่ากองทัพได้อย่างแน่นอน!” อาวุโสเอ๋ากล่าวออกมาอย่างสุภาพ

“เข้าใจแล้ว!” ซ่งจงพยักหน้าพร้อมกล่าว “ใครจะคิดอย่างไรข้าว่าไม่สำคัญ ในตอนนี้เจ้าจงไปจัดการแทนในนามของข้าเพื่อจัดการงานเลี้ยงและเชิญเหล่าผู้นำเผ่าทั้งหมดมาร่วมหารือเกี่ยวกับการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้น!”

“ขอรับ!” อาวุโสเอ๋าตอบรับทันที

“อ่า จริงด้วย!” ซ่งจงนึกบางอย่างขึ้นได้จึงรีบกล่าว “ผู้นำของเหล่าอสูรกายของทุกเผ่าพันธุ์นั้นมีกี่ตนงั้นหรือ?”

“อ่า มีไม่มากนักเพียงแค่หนึ่งถึงสองพันเท่านั้น!” อาวุโสเอ๋าตอบกลับพร้อมเผยยิ้มจางๆ