ตอนที่ 570 ระดับที่สูงกว่า

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

“ท่านเทพมายา พวกเราเหมือนคนขี้ขลาดขี้กลัวอย่างนั้นหรือ ?!”

แม้ว่าผู้อาวุโสหลายคนยังคงลังเลเล็กน้อย โม่ไป๋ก็กล่าวออกไปทันที สำหรับฝ่ายมารและขุมกำลังใหญ่ทั้งสาม ต่อให้ฉินอวี้โม่ไม่รับตำแหน่งประธาน สมาคมช่างหลอมของพวกเขาก็ต้องบาดหมางกับคนเหล่านั้นอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง

ยิ่งไปกว่านั้น การที่สมาคมช่างหลอมสามารถลงหลักปักฐานสร้างความยึดมั่นในดินแดนเทพมายาได้ พวกเขามิใช่คนขี้ขลาดตาขาวอย่างแน่นอน แม้ว่าฉินอวี้โม่จะมีปัญหาเรื่องวุ่นวายติดตัวมามากมาย พวกเขาก็ไม่สนใจสิ่งเหล่านั้น ต่อให้พวกเขาจะไม่ต้องการสร้างปัญหา ไม่ว่าอย่างไรปัญหาก็จะมาถึงที่อยู่ดี

“ถูกต้อง พวกเราไม่กลัวขุมกำลังชั่วช้าพวกนั้นหรอก !”

วาจาของโม่ไป๋ทำให้ผู้อาวุโสบางคนที่ลังเลเมื่อครู่กลับมาฮึกเหิมได้อีกครั้ง พวกเขาไม่หวาดกลัวสิ่งใดและไม่กลัวความตาย

แม้ฉินอวี้โม่จะมีปัญหามากมายก็จริง ทว่าหากนางเป็นประธานสมาคมช่างหลอม พวกเขาทุกคนก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าและฝ่าฟันปัญหาเหล่านั้นไปด้วยกัน

ในเมื่อสามขุมกำลังใหญ่เลือกที่จะสมคบคิดเป็นพวกเดียวกับฝ่ายมาร นั่นก็หมายความว่าฝ่ายตรงข้ามประกาศตัวเป็นศัตรูกับพวกเขาอย่างชัดเจนแล้ว สักวันการต่อสู้ชี้ขาดจะต้องมาถึงและสมาคมช่างหลอมคงไม่มีทางอยู่เฉย ๆ ได้แน่ เพราะเหตุนั้น พวกเขาจึงเลือกที่จะตัดสินใจก่อนและพลิกกลายเป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์แทน

“ท่านเทพมายา สมาคมช่างหลอมของเรายินดีรับใช้ท่านในฐานะผู้นำและยอมจำนนต่อท่านจากใจจริง”

โม่ไป๋คุกเข่าลงเพื่อแสดงความภักดี เขาเชื่อมั่นว่าสมาคมช่างหลอมภายใต้การปกครองของฉินอวี้โม่จะโดดเด่นและรุ่งเรืองกว่าก่อน อีกทั้งทักษะวิชาการหลอมของพวกเขาก็จะพัฒนาไปสู่ระดับที่สูงกว่าอย่างแน่นอน

ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ คุกเข่าลงเช่นกัน แม้ฉินอวี้โม่จะมีอายุน้อยกว่าพวกเขาเป็นอย่างมาก ทว่าตัวตนของนางก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขายอมจำนนอย่างเต็มใจ

เฉินโหยวเองก็ยิ้มบาง ๆ และคุกเข่าลงเช่นกัน หากได้ฝากฝังสมาคมช่างหลอมที่รักยิ่งชีพไว้ในมือฉินอวี้โม่ผู้นี้ เขาก็สามารถคลายกังวลได้

“ท่านผู้อาวุโสทุกท่าน โปรดลุกขึ้นเถิด”

ฉินอวี้โม่ตื้นตันใจไม่น้อยเมื่อเห็นการกระทำที่พร้อมเพรียงของเหล่าผู้อาวุโสของสมาคมช่างหลอม คนเหล่านี้มีหัวใจที่บริสุทธิ์และน่าชื่นชมอย่างแท้จริง

“ในเมื่อทุกท่านเชื่อมั่นในตัวข้าเช่นนี้ ข้าก็จะทำให้สมาคมช่างหลอมแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน ข้าให้คำมั่นว่าวันหนึ่งสมาคมของเราจะเป็นขุมกำลังอันดับหนึ่งในดินแดนเทพมายาและทักษะการหลอมของพวกเราจะบรรลุระดับสูงสุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน !”

ฉินอวี้โม่มั่นใจและมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม หากมารดาของนางไม่อยู่ในดินแดนนี้แล้วจริง ๆ  ต่อให้นางพัฒนาพลังจนบรรลุขอบเขตนภาเซียน มันก็อาจไม่เพียงพอ มีเพียงการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องเท่านั้นที่นางจะเอาตัวรอดจากทุกวิกฤตและทุกสถานการณ์ได้

เมื่อได้ยินวาจาและเห็นอากัปกิริยาสีหน้าบ่งบอกถึงความมั่นใจของฉินอวี้โม่ ทุกคนในสมาคมช่างหลอมก็สุขใจอย่างยิ่ง พวกเขาเชื่อว่าการจำนนต่อฉินอวี้โม่คือการตัดสินใจที่ถูกที่สุดที่พวกเขาเคยทำมา

“ท่านประธานเฉิน ผู้อาวุโสทุกท่าน แม้ข้าตอบตกลงรับตำแหน่งประธานสมาคมช่างหลอม แต่ทุกท่านก็น่าจะเข้าใจดีว่าข้าไม่มีเวลาจัดการกิจการต่าง ๆ ของสมาคมช่างหลอมมากนัก เพราะเหตุนั้น ข้ายังต้องการให้ทุกท่านช่วยดูแลจัดการเรื่องต่าง ๆ ในแต่ละวัน”

ฉินอวี้โม่ยิ้มบางๆ  และผายมือส่งสัญญาณให้ทุกคนกลับไปนั่งลงในตำแหน่งเดิมก่อนเริ่มเตรียมความพร้อมขั้นต่อไป

“ไม่ต้องห่วง ท่านเทพมายา เราทุกคนทราบดีว่าท่านมีภาระหน้าที่มากมายเพียงใด ปล่อยให้เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของพวกเราเอง ตราบใดที่ท่านดำรงตำแหน่งประธานสมาคม แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว ชื่อเสียงเกียรติยศของเราจะรุ่งเรืองมากขึ้นและศิษย์ของเราก็จะมุ่งมั่นขยันขันแข็งมากขึ้นเช่นกัน”

ผู้อาวุโสทั้งหลายยิ้มให้กันอย่างสุขใจ นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาทราบดีอยู่แล้วจึงตอบตกลงโดยไม่ลังเล พวกเขาไม่เคยคิดที่จะให้ฉินอวี้โม่ต้องจัดการเรื่องเล็กน้อยและซับซ้อนของสมาคมช่างหลอม ถึงอย่างไรแล้วเทพมายาที่ทุกคนชื่นชมก็มีหน้าที่ความรับผิดชอบมากมาย

“ถ้าเช่นนั้นข้าก็ต้องขอบคุณทุกท่านเป็นการล่วงหน้า”

ฉินอวี้โม่ยิ้มและกล่าวอย่างพึงพอใจกับสิ่งตอบแทนที่คาดไม่ถึงนี้

หลังจากหารือกันในห้องโถงเกี่ยวกับการเตรียมการสิ่งต่าง ๆ ผู้อาวุโสทั้งหลายก็ขอตัวแยกย้ายกันไปและประกาศให้ศิษย์ทุกคนของตนทราบว่าฉินอวี้โม่คือประธานสมาคมคนใหม่

ฉินเทียนและคนอื่น ๆ ก็เข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวและเล่นกับหลานตัวน้อยทั้งสอง หานโม่ฉือเองก็เข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวเพื่ออยู่กับบุตรน้อยและไม่ต้องการรบกวนฉินอวี้โม่เช่นกัน เขาทราบดีว่าภรรยาของตนและอดีตประธานสมาคมช่างหลอมน่าจะต้องการหารือกันเรื่องทักษะการหลอม

ภายในห้องโถง ฉินอวี้โม่ยังนั่งอยู่บนบัลลังก์หลักและเฉินโหยวนั่งในตำแหน่งที่ต่ำกว่าเล็กน้อย

“ท่านประธานเฉินโหยว ขอบคุณท่านมาก”

ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม แน่นอนว่าเฉินโหยวเข้าใจความหมายของนางในทันที

“ท่านเทพมายาสุภาพเกินไปแล้ว การที่ท่านกลายเป็นประธานสมาคม นี่คือสิ่งที่ทุกคนคาดหวังไว้อยู่แล้ว ข้าไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษหรอก”

เฉินโหยวยิ้มบาง ๆ ก่อนกล่าวต่อเพื่อเปลี่ยนหัวข้อ “ท่านเทพมายา ข้าได้ยินว่าท่านมีคฤหาสน์มิติ…”

เฉินโหยวสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับคฤหาสน์มิติของฉินอวี้โม่ยิ่งนัก ทักษะการหลอมของสตรีผู้นี้เหนือความคาดหมายของเขาอย่างแท้จริง

“ฮ่า ๆ ๆ ข้ามีคฤหาสน์มิติอยู่จริง ๆ”

ฉินอวี้โม่ยิ้มพร้อมหยิบคฤหาสน์เฟิงหัวที่ในเวลานี้ดูเหมือนคฤหาสน์หลังน้อยขนาดเท่าฝ่ามือออกมา

“ข้าจะขอดูได้รึไม่ ?”

เฉินโหยวมองดูคฤหาสน์งดงามตรงหน้าและกล่าวถามอย่างสงสัยใคร่รู้

“แน่นอนว่าไม่มีปัญหา”

ฉินอวี้โม่ยื่นคฤหาสน์เฟิงหัวให้เฉินโหยวโดยไม่กังวลใด ๆ หลังจากพัฒนาปรับโฉมครั้งใหญ่ คฤหาสน์หลังน้อยของนางก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ต่อให้ผู้ใดคิดจะขโมยมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้

หลังจากมองอย่างใกล้ชิดและพินิจพิจารณา แววตาของเฉินโหยวก็เปี่ยมไปด้วยความชื่นชม

“ต้องกล่าวเลยว่าทักษะการหลอมของท่านเทพมายาเหนือชั้นยิ่งนัก ชาตินี้ทั้งชาติ ข้าก็ไม่มีปัญญาหลอมคฤหาสน์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้”

เขาส่ายศีรษะเบา ๆ และยื่นคฤหาสน์หลังน้อยคืนให้ฉินอวี้โม่

สำหรับช่างหลอมทุกคน คฤหาสน์มิติถือเป็นสิ่งที่น่าทึ่งยิ่งนัก ตราบใดที่เป็นช่างหลอม คนผู้นั้นก็สามารถหลอมคฤหาสน์มิติได้ เพียงแต่คฤหาสน์เฟิงหัวระดับสูงเช่นนี้ต้องใช้ทักษะการหลอมที่เหนือชั้นอย่างที่สุด ควบคู่กับวัสดุสิ่งหลอมที่หายากและต้องพึ่งพาโอกาสความสำเร็จเช่นกัน เพราะเหตุนั้น นอกเหนือจากฉินอวี้โม่ แม้แต่ผู้เฒ่าจากเกาะวายุนิ่งก็ไม่เคยหลอมวัตถุที่วิเศษเช่นนี้ออกมาได้

“ข้าเพียงบังเอิญหลอมมันสำเร็จเท่านั้น !”

ฉินอวี้โม่ยิ้มอ่อนและกล่าวอย่างถ่อมตน นางเชื่อว่าทักษะการหลอมของเฉินโหยวเหนือชั้นกว่าตนอย่างแน่นอน เพียงแต่เขาไม่ได้มีเพลิงจักรพรรดิหรือมีโอกาสเหมือนกับนาง รวมถึงพลังวิญญาณของเขาก็อ่อนแอกว่านางเล็กน้อย

“ทักษะการหลอมของท่านน่าจะเข้าใกล้ระดับจักรพรรดิแล้ว !”

เฉินโหยวมองฉินอวี้โม่และกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

ช่างหลอมระดับจักรพรรดิคือตัวตนในระดับสูงและอยู่เหนือกว่าช่างหลอมระดับปรมาจารย์ กล่าวกันว่าการบรรลุไปถึงระดับจักรพรรดินั้นมีเงื่อนไขที่เข้มงวดอย่างยิ่ง และเงื่อนไขของการมีเพลิงศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงเพียงอย่างเดียวก็ทำให้หลายคนต้องถอดใจแล้ว

“โอ้…”

ฉินอวี้โม่เพียงพยักศีรษะโดยไม่ปฏิเสธใด ๆ จริงอยู่ที่เวลานี้ฝีมือของนางมิได้อยู่ในระดับเดียวกับช่างหลอมระดับปรมาจารย์ทั่ว ๆ ไปและอยู่ในระดับที่สูงกว่านั้นเล็กน้อย เพียงแต่ก็ยังไม่บรรลุถึงระดับจักรพรรดิเช่นกันและยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งก่อนที่จะบรรลุระดับจักรพรรดิเต็มตัว

“ท่านเทพมายา แท้จริงแล้วช่างหลอมระดับจักรพรรดินั้นยังห่างไกลจากจุดสิ้นสุดบนเส้นทางแห่งการหลอมอุปกรณ์นัก”

เฉินโหยวถอนหายใจเบา ๆ และบอกฉินอวี้โม่ในสิ่งที่นางไม่เคยทราบมาก่อน

สำหรับข้อมูลที่ฉินอวี้โม่มี ช่างหลอมระดับจักรพรรดิคือยอดฝีมือระดับสูงสุดของช่างหลอมแล้ว และอุปกรณ์ระดับราชันคืออุปกรณ์อาวุธในระดับที่สูงที่สุดเช่นกัน

สำหรับมุมมองของเฉินโหยว เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าศาสตร์การหลอมอุปกรณ์และการฝึกวิชานั้นเป็นถนนที่ไม่มีที่สิ้นสุด

เหนือกว่าช่างหลอมระดับจักรพรรดิก็ยังมีช่างหลอมระดับเทวะ และเหนือชั้นกว่าระดับดังกล่าวก็ยังมีช่างหลอมระดับตำนาน

และก็เช่นเดียวกัน เหนือชั้นกว่าอุปกรณ์ระดับราชันก็คืออุปกรณ์ระดับโบราณและเหนือกว่านั้นก็คืออุปกรณ์ในระดับเทวะโบราณ

บนเส้นทางของการฝึกยุทธ์เองก็มีขอบเขตที่สูงกว่านภาเซียนเช่นกัน เพียงแต่เฉินโหยวไม่ทราบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับมันมากเท่าศาสตร์การหลอมอุปกรณ์

เมื่อได้ทราบเช่นนี้ แม้ฉินอวี้โม่จะประหลาดใจไม่น้อย แต่นางก็ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องแปลก บางทีดินแดนเทพมายาอาจมิใช่ดินแดนที่ทรงพลังที่สุดด้วยซ้ำ นอกจากดินแดนนี้อาจมีสถานที่ที่ทรงพลังยิ่งกว่า และแม้แต่จอมยุทธ์ขอบเขตนภาเซียนก็อาจเป็นเพียงมดตัวเล็ก ๆ ในที่แห่งนั้น

ความแข็งแกร่งของนางในตอนนี้ก็ยังห่างไกลจากขอบเขตนภาเซียนพอสมควรและยังยากที่จะไขปริศนาหรือแก้ไขปัญหามากมายในดินแดนเทพมายาแห่งนี้ได้ ในอนาคตข้างหน้า ฉินอวี้โม่จะต้องหมั่นเพียรฝึกฝนให้หนักมากขึ้น

“ในเมื่อข้าถอนตัวจากตำแหน่งประธานสมาคมช่างหลอมแล้ว หลังจากนี้ข้าก็วางแผนที่จะเดินทางไปยังเกาะวายุนิ่งเพื่อพบปะเจ้าเฒ่าปีศาจนั่นและหารือบางอย่างกับเขาสักหน่อย ทักษะการหลอมของเราไม่ได้แตกต่างกันนักและติดอยู่ที่สภาวะชะงักงันเหมือนกัน หากได้เรียนรู้และศึกษาด้วยกัน บางทีเราอาจค้นพบสิ่งใหม่ ๆ และก้าวข้ามขีดจำกัดไปได้”

เฉินโหยวกล่าวพร้อมรอยยิ้มและแววตาบ่งบอกถึงความคาดหวังที่เต็มเปี่ยม เส้นทางของการหลอมอุปกรณ์กว้างไกลและล้ำลึกยิ่งนัก เขาศึกษาทักษะการหลอมและติดชะงักมานานหลายปี หากบรรลุผ่านไปได้ในครานี้ เขาเชื่อว่าตนและผู้เฒ่าแห่งเกาะวายุนิ่งจะค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ที่แตกต่างไปจากเดิมมากนัก

“หากท่านต้องการความช่วยเหลือจากข้า ก็ส่งข้อความมาหาข้าได้ทุกเมื่อ หลังจากนี้ข้าจะหลอมกำไลสื่อสารเพิ่มเติมเพื่อให้เราติดต่อสื่อสารกันได้สะดวกมากขึ้น หากเราได้ติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเป็นประจำ ข้าเชื่อว่ามันจะเป็นผลดีต่อมุมมองทักษะการหลอมของเราทั้งสองฝ่าย”

ฉินอวี้โม่ยิ้มอย่างเป็นมิตร เมื่อได้ยินวาจาของเฉินโหยว นางก็นึกสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับเกาะวายุนิ่งมากขึ้น เพียงแต่นางยังเดินทางไปที่นั่นไม่ได้ในตอนนี้ หลังจากเตรียมการสิ่งต่าง ๆ เสร็จสิ้น นางจะต้องเดินทางไปที่ตระกูลหานก่อน

เมื่อคำนวณวันเวลาดูแล้ว ซิวก็ใกล้ที่จะวิวัฒนาการเสร็จสมบูรณ์เต็มที ตราบใดที่ซิวผ่านพ้นทัณฑ์สายฟ้าได้ ต่อให้ผู้นำฝ่ายมารมาที่นี่ด้วยตัวเอง ฉินอวี้โม่ก็จะมีพลังต่อกรกับฝ่ายตรงข้ามได้ ยิ่งไปกว่านั้น นครหมื่นอสูรก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเผ่าอสูรที่หายสาบสูญไปนานนับพันปี นางจะต้องส่งคนไปสืบหาเบาะแสเรื่องนี้เช่นกัน

เมื่อซิวแข็งแกร่งมากพอ นางและทุกคนจะเดินทางไปที่เผ่าอสูร นอกจากนั้นก็ยังมีชนเผ่าเอลฟ์ที่จำเป็นต้องไปเช่นกัน ที่นั่นมีต้นโพธิ์ซึ่งสามารถยับยั้งพลังของบุปผาแห่งความมืดได้

นอกจากนี้ นางก็ยังต้องสืบหาเบาะแสของบุปผาแห่งแสงด้วยเช่นกันและจะปล่อยให้มันตกไปอยู่ในมือของฝ่ายมารไม่ได้เด็ดขาด

ถึงอย่างไรแล้วดินแดนเทพมายาก็ยังมีเรื่องที่ฉินอวี้โม่ต้องจัดการสะสางอีกมากนัก และยังไม่สามารถชะล่าใจหรือคลายกังวลได้ในตอนนี้

หลังจากพูดคุยกันต่ออีกพักใหญ่ เฉินโหยวก็ขอตัวออกไป

เวลานี้ฉินอวี้โม่กำลังจะเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวเพื่อไปหาบุตรทั้งสอง ทว่าจู่ ๆ นางก็พบกับแขกที่คาดไม่ถึง…

.