ตอนที่ 569 การตัดสินใจของเฉินโหยว

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ภายในเมืองซิ่งหัว สมาชิกทั้งหมดของสมาคมช่างหลอมนั่งรวมตัวกันท่ามกลางบรรยากาศกลมกลืนเป็นมิตร

เวลานี้ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือนั่งอยู่บนบัลลังก์หลักด้วยสีหน้าคล้ายจะเรียบเฉย ทว่ามุมปากของทั้งสองยกเป็นรอยยิ้มเล็ก ๆ อย่างอารมณ์ดี

ทั้งด้านซ้ายและขวาของทั้งสองเรียงรายไปด้วยสมาชิกของสมาคมช่างหลอมและบรรดาสหายของฉินอวี้โม่ซึ่งนั่งแบ่งกันสองฝั่งตรงข้ามกัน เวลานี้สีหน้าของทุกคนแสดงออกถึงความสบายใจไร้กังวลอย่างเห็นได้ชัด

ในครั้งนี้ สมาคมช่างหลอมถูกท้าดวลโดยขุมกำลังมารร้ายและเกือบพลาดท่าให้กับคนชั่วช้าเหล่านั้น ทว่าก็โชคดีที่ฉินอวี้โม่แสดงตัวออกมาและตัดสินใจช่วยเหลือพวกเขาอย่างเต็มที่จนพวกเขาสามารถผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้มาได้

ยิ่งไปกว่านั้น ฉินอวี้โม่ก็เป็นถึงเทพมายาคนใหม่ พรสวรรค์และความแข็งแกร่งของนางก็น่าทึ่ง รวมถึงวิธีการจัดการรับมือกับศัตรูก็ชาญฉลาดและน่าชื่นชมอย่างที่สุด ทุกคนในสมาคมช่างหลอม ไม่ว่าจะเป็นประธานสมาคมหรือว่าบรรดาผู้อาวุโสต่างล้วนประทับใจและถูกชะตากับยอดฝีมือผู้นี้อย่างยิ่ง

ด้วยเหตุนั้น สมาคมช่างหลอมจึงจัดให้ฉินอวี้โม่นั่งบนบัลลังก์หลักโดยที่นางไม่สามารถปฏิเสธได้เลย

“ท่านเทพมายา ครานี้ท่านช่วยสมาคมช่างหลอมของเราไว้มากจริง ๆ”

โม่ไป๋ผู้ที่ตรงไปตรงมาที่สุดในสมาคมช่างหลอมซึ่งเป็นรองเพียงประธานเฉินโหยวเพียงคนเดียวกล่าวขึ้นเป็นคนแรก

เขารู้สึกถูกชะตากับเทพมายาคนใหม่ผู้นี้ยิ่งนัก ไม่ว่าจะเป็นความถ่อมตนไม่วางท่า พรสวรรค์และความแข็งแกร่ง ทุกอย่างล้วนเป็นคุณสมบัติที่น่าชื่นชม

“ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรเลย ผู้อาวุโสโม่ไป๋ไม่ต้องสุภาพถึงเพียงนี้หรอก”

ฉินอวี้โม่เผยรอยยิ้มและตอบกลับไป แม้ว่าสมาคมช่างหลอมและคนอื่น ๆ จะมีทัศนคติต่อนางเช่นนี้ นางก็มิได้หลงระเริงและทะนงตนแต่อย่างใด

“ทุกคน…ครานี้เป็นความผิดพลาดของข้าเอง หากท่านเทพมายาไม่ช่วยไว้ ชื่อเสียงที่สมาคมช่างหลอมของเราสั่งสมมาเนิ่นนานก็คงจะถูกทำลายไปจนป่นปี้ เรื่องนี้เป็นเพราะข้าแท้ ๆ และข้าควรแสดงความรับผิดชอบอย่างเหมาะสม ข้าไม่มีหน้าที่จะดำรงตำแหน่งประธานสมาคมช่างหลอมอีกต่อไป เรามาหารือกันเถอะว่าจะเลือกใครรับช่วงต่อตำแหน่งประธานสมาคมช่างหลอมแทนข้า”

เฉินโหยวกล่าวพร้อมทอดถอนหายใจ สถานการณ์เลวร้ายครานี้เกิดขึ้นเพราะตัวเขาเอง หากมิใช่เพราะฉินอวี้โม่มาร่วมงานและตัดสินใจยื่นมือเข้ามาช่วย ผลลัพธ์ที่เกิดจากความผิดพลาดของเขาก็อาจร้ายแรงจนไม่น่าให้อภัย ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็อายุมากแล้วและคิดว่าถึงเวลาที่ควรจะออกไปใช้ชีวิตอย่างอิสระเสียที

“ท่านประธาน ไม่ได้เด็ดขาด นอกจากท่าน พวกเราทั้งหมดก็ไม่มีใครแข็งแกร่งมากพอที่จะรับตำแหน่งสำคัญเช่นนี้ได้ พวกเราต่างก็ไม่รู้ถึงตัวตนและจุดประสงค์ที่เฉินซินซ่อนไว้ หากจะกล่าวว่าท่านผิดก็คงจะไม่ได้ นี่เป็นเพียงเพราะว่าท่านจิตใจดีมีเมตตา และการมีประธานที่จิตใจดีเช่นนี้ก็ถือว่าเป็นบุญวาสนาสำหรับสมาคมช่างหลอมของเรา”

บรรดาผู้อาวุโสของสมาคมช่างหลอมเคารพประธานเฉินโหยวและยอมรับคนผู้นี้จากใจจริง เมื่อได้ยินว่าเฉินโหยวคิดจะสละตำแหน่งประธานเพื่อชดใช้ความผิด พวกเขาจึงไม่เห็นด้วย

“ถูกต้อง ท่านประธานก็คือท่านประธาน นี่ไม่ใช่ความผิดของท่าน พวกเราต่างก็รู้ดีว่าท่านต้องการรับเลี้ยงเฉินซินในตอนนั้นและเราทุกคนก็เห็นด้วย มันมิใช่ความผิดของท่านประธานเลยขอรับ”

“ใช่ขอรับ พวกเรารู้จักท่านประธานดีที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น พลังของท่านก็แกร่งกล้ากว่าเราทุกคน ตำแหน่งประธานสมาคมช่างหลอมนี้ถึงอย่างไรก็ต้องเป็นท่านเท่านั้น”

ผู้อาวุโสหลายคนพยายามกล่าวให้กำลังใจเฉินโหยวโดยหวังว่าเขาจะดำรงตำแหน่งประธานสมาคมต่อไป

เวลานี้พวกเขาต่างก็เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อเฉินซินเข้ามาในสมาคมช่างหลอมแห่งนี้ เขาก็มีจุดประสงค์แอบแฝงไว้ตั้งแต่แรกแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำได้เพียงแค่กล่าวโทษพวกเขาทุกคนที่ไว้ใจเฉินซินมากเกินไปและไม่สามารถมองทะลุถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของฝ่ายตรงข้ามจนเกือบส่งผลร้ายแรงต่อสมาคมช่างหลอม

“ข้าตัดสินใจแล้ว พวกท่านไม่ต้องพยายามโน้มน้าวใจข้าหรอก”

เฉินโหยวยิ้มบาง ๆ ทว่าเขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว ทักษะการหลอมของเขาติดอยู่ในสภาวะชะงักงันมานานเกินไป ครานี้เขาจะถือโอกาสออกไปสั่งสมประสบการณ์และไปเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จากเฒ่าปีศาจผู้นั้นของเกาะวายุนิ่ง เมื่อถึงตอนนั้น เขาอาจจะได้รับสิ่งดี ๆ ที่คาดไม่ถึงเป็นแน่

เมื่อได้ยินวาจาของเฉินโหยว เหล่าผู้อาวุโสของสมาคมต่างก็ส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา หลังจากใช้ชีวิตอยู่ในสมาคมช่างหลอมมาเนิ่นนาน พวกเขาย่อมทราบลักษณะนิสัยของเฉินโหยวเป็นอย่างดี ในเมื่อเฉินโหยวลั่นวาจาหนักแน่นเช่นนี้ นั่นก็หมายความว่าเขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาดและไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้

“หากเป็นเรื่องของความแข็งแกร่ง พวกท่านก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก ทว่าจากคุณสมบัติที่มี ผู้อาวุโสใหญ่ก็ถือว่าเหมาะสำหรับตำแหน่งประธานสมาคมช่างหลอมมากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น ผู้อาวุโสใหญ่ก็สุขุมลุ่มลึกมากพอที่จะรับมือกับผู้คนได้และคงจะสามารถพัฒนาสมาคมช่างหลอมให้เจริญรุ่งเรืองต่อไปได้อย่างมั่นคง”

เฉินโหยวมองตรงไปที่หลี่ซิ่น—ผู้อาวุโสใหญ่ของสมาคมช่างหลอมและกล่าวเสนอชื่อของเขาออกไป

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สมาคมช่างหลอมภายใต้การปกครองของเขาไม่เคยเกิดความขัดแย้งกันหรือมีแผนการสมคบคิดใด ๆ ผู้อาวุโสเหล่านี้มิใช่คนกระหายอำนาจ เพราะเหตุนั้นพวกเขาจึงไม่สนใจตำแหน่งประธานสมาคมแม้แต่น้อย

ทว่าหากตัดสินทุกคนตั้งแต่ที่เข้าร่วมกับสมาคมช่างหลอมและวิธีการรับมือกับสิ่งต่าง ๆ ในแต่ละวัน หลี่ซิ่นผู้นี้ถือว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งประธานสมาคมคนต่อไป

“ไม่ ไม่ได้ ข้ายังไม่แข็งแกร่งพอที่จะรับตำแหน่งประธานสมาคมหรอก”

เมื่อได้ยินวาจาของเฉินโหยว หลี่ซิ่นก็ปฏิเสธทันควัน เขาตระหนักถึงความแข็งแกร่งของตนเองดีกว่าใคร ในสมาคมช่างหลอมแห่งนี้ พลังความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าตัวเขาเลย

ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็มีอายุมากที่สุดในบรรดาผู้อาวุโสทั้งหมดและแน่นอนว่านั่นหมายความว่าเขามีพรสวรรค์ที่ด้อยที่สุด หากเขารับตำแหน่งประธานสมาคมช่างหลอม ไม่สำคัญเลยว่าบุคคลภายนอกจะยอมรับในตัวเขาหรือไม่ เพราะตัวเขาก็ไม่สามารถแบกรับภาระอันใหญ่หลวงเช่นนี้ได้

“นอกจากท่านประธานเฉินโหยว โม่ไป๋ก็เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดและเขามีเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่เทียบได้กับเพลิงของท่านประธาน โม่ไป๋เป็นบุรุษที่ตรงไปตรงมาและเป็นที่เคารพของบรรดาศิษย์ทั้งหลายในสมาคม ข้าเชื่อว่าเขาเหมาะสมกับตำแหน่งประธานมากกว่าข้าอย่างแน่นอน”

ในเมื่อไม่อาจรับตำแหน่งนี้ได้ หลี่ซิ่นจึงเสนอชื่อโม่ไป๋ทันที ในบรรดาผู้อาวุโสทุกคน โม่ไป๋มีอายุน้อยที่สุดและแข็งแกร่งที่สุดเช่นกัน หากเขาได้เป็นประธานสมาคม เขาจะสามารถโน้มน้าวใจผู้คนและเป็นที่ยอมรับได้อย่างง่ายดาย

“ผู้อาวุโสใหญ่ ท่านรู้จักข้าดี ข้าไม่ชอบจัดการเรื่องจุกจิกใด ๆ ตำแหน่งประธานสมาคมมาพร้อมกับหน้าที่ความรับผิดชอบที่ต้องจัดการมากมาย บอกตามตรง ข้ายังอยากเป็นผู้อาวุโสที่อิสระเช่นนี้และทำในสิ่งที่ข้าชอบได้ ข้าจะไม่มีทางรับตำแหน่งประธานสมาคมอย่างแน่นอน”

โม่ไป๋ปฏิเสธอย่างไม่ลังเลเช่นกันและน้ำเสียงของเขาก็บ่งบอกถึงความหนักแน่น

ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ก็กล่าวขึ้นทีละคนและปฏิเสธตำแหน่งดังกล่าวเช่นกัน แม้ตำแหน่งประธานสมาคมอาจฟังดูเป็นตำแหน่งสูงส่งที่ใคร ๆ ต่างก็หมายปอง ทว่าในสายตาของเหล่าผู้อาวุโส พวกเขามิได้คิดเช่นนั้น

มนุษยธรรมของผู้คนในสมาคมช่างหลอมถือว่าดีอย่างยิ่งและพวกเขาไม่สนใจตำแหน่งประธานสมาคมช่างหลอมด้วยซ้ำ ต้องกล่าวเลยว่าสถานะประธานสมาคมนั้นเพียงพอที่จะเทียบเคียงกับบรรดาผู้นำของขุมกำลังใหญ่ ๆ ของดินแดนนี้ได้และมันเป็นตำแหน่งที่ควรจะก่อให้เกิดการแข่งขันแย่งชิง

ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ที่นั่งอยู่ในที่นี้มองดูบรรดาผู้อาวุโสบอกปัดตำแหน่งดังกล่าวและอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้

“เหล่าผู้อาวุโสของสมาคมช่างหลอมช่างเป็นบุคคลที่น่านับถือยิ่งนัก พวกเขาไม่สนใจตำแหน่งประธานสมาคมแม้แต่น้อย หากเป็นขุมกำลังอื่น ๆ ในดินแดน พวกเขาก็คงจะถูกตำหนิด่าทอว่าโง่เขลาเป็นแน่”

เพ่ยหลงส่ายศีรษะเบา ๆ ทว่านางรู้สึกชื่นชมพวกเขาไม่น้อย การได้ใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้คงจะผ่อนคลายไม่น้อยเลยทีเดียว

เมื่อไม่มีผู้ใดสนใจรับตำแหน่ง เฉินโหยวเองก็จนปัญญา ผู้อาวุโสเหล่านี้ไม่สนใจอำนาจใด ๆ และให้ความสำคัญเพียงการพัฒนาทักษะการหลอมไปสู่ระดับที่สูงขึ้นเท่านั้น

ขณะบรรดาผู้อาวุโสปฏิเสธกันถ้วนหน้าและยังหาทางออกกันไม่ได้ โม่ไป๋ก็หันมองไปที่ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือผู้ซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์หลักและเกิดความคิดขึ้นมาในทันที

“ท่านประธาน ผู้อาวุโสทั้งหลาย ข้ามีรายชื่อที่ต้องการจะเสนอ…”

โม่ไป๋ยิ้มกริ่มและกล่าวกับทุกคน

“ท่านเทพมายาถือว่ามากพรสวรรค์อย่างยิ่งในแง่ของการหลอมอุปกรณ์ และฝีมือของนางทั้งที่ยังเยาว์วัยเช่นนี้ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าท่านประธานมากนัก เราแต่งตั้งให้นางเป็นประธานสมาคมช่างหลอมของเราเถอะ ข้าเชื่อว่าด้วยการปกครองของนาง สมาคมของเราจะสามารถพัฒนาก้าวหน้าขึ้นไปในอีกระดับได้อย่างแน่นอน”

พวกเขาทั้งหมดล้วนได้เห็นฝีมือการหลอมของฉินอวี้โม่และการที่สามารถหลอมอุปกรณ์วิเศษอย่างอุปกรณ์สื่อสารได้นั้นก็ถือว่านางมีฝีมือที่เหนือกว่าพวกเขาทุกคนแล้ว สิ่งสำคัญคือตอนนี้ฉินอวี้โม่มีอายุเพียงประมาณยี่สิบห้าปีเท่านั้นซึ่งถือว่ายังอายุน้อยมากและยังมีอนาคตอีกยาวไกล ภายในเวลาไม่กี่สิบปีข้างหน้า ทักษะการหลอมของนางจะเหนือชั้นกว่าทุกคนในดินแดนเทพมายาอย่างแน่นอนและบรรลุถึงระดับที่พวกเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน

ยิ่งไปกว่านั้น ฉินอวี้โม่ก็คือเทพมายาคนใหม่ซึ่งเป็นสถานะที่มีเกียรติบารมีที่ยิ่งใหญ่ในดินแดนนี้ และในอนาคตข้างหน้า ฝ่ายดินแดนเทพมายาก็จะต้องประจันหน้ากับฝ่ายมารต่อไปภายใต้การปกครองของนางเช่นกัน เขาเชื่อว่าหากเสนอชื่อให้นางเป็นประธานสมาคมคนต่อไป คงจะไม่มีผู้ใดที่คัดค้าน

“ข้าไม่ขัดข้อง หากท่านเทพมายาตกลง ข้าก็ยินดีที่นางจะมาเป็นประธานสมาคมช่างหลอมของเรา”

ผู้อาวุโสใหญ่หลี่ซิ่นกล่าวเป็นคนแรก หากฉินอวี้โม่สามารถดำรงตำแหน่งประธานคนต่อไปของสมาคมช่างหลอมได้ มันจะเป็นผลดีต่อทั้งสมาคม

“พวกเราก็ไม่คัดค้านเช่นกัน”

ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ก็กล่าวขึ้นตามกันและแสดงความสนับสนุนต่อฉินอวี้โม่ หากมีคนรุ่นใหม่ที่มากด้วยพรสวรรค์เช่นนี้เป็นประธาน มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีทีเดียว

ฉินอวี้โม่ชะงักไปทันทีที่ได้ยินว่าตนกลายเป็นประเด็นของการหารือไปเสียแล้ว ไม่คิดเลยว่าคนเหล่านี้จะใจกว้างและไม่ยึดถืออำนาจแม้แต่น้อย การที่ยินยอมยกตำแหน่งประธานสมาคมให้กับคนนอกได้อย่างไม่ทุกข์ร้อนเช่นนี้ เกรงว่าคงมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่สามารถทำได้

“ท่านเทพมายา ข้าก็เห็นด้วยเช่นกัน ความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ของท่านเหนือชั้นกว่าข้าอย่างแน่นอน พวกเราทั้งหมดทราบดีแล้วว่าท่านเป็นใคร หากท่านยินดีมาเป็นประธานสมาคมของเรา สมาคมของเราจะเจริญรุ่งเรืองและพัฒนาต่อไปได้อย่างไร้ผู้ต้านทาน”

เฉินโหยวกล่าวพร้อมรอยยิ้ม แท้ที่จริงแล้วเขามีความคิดเช่นนี้มาตั้งแต่ต้น เพียงแต่กังวลว่าเหล่าผู้อาวุโสอาจจะไม่ยินยอม บัดนี้ในเมื่อทุกคนเห็นพ้องตรงกันเช่นนี้ เขาก็ไม่ปิดบังอีกต่อไป

ฉินอวี้โม่รู้สึกซาบซึ้งใจเมื่อได้ยินวาจาของเฉินโหยว หากนางสามารถใช้อำนาจและอิทธิพลของสมาคมช่างหลอมเพื่อจุดประสงค์ของตนเอง มันจะมีส่วนช่วยนางได้เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่ต้องแถลงออกไปอย่างชัดเจนเป็นการล่วงหน้า

“ท่านผู้อาวุโสทั้งหลาย ข้าเข้าใจเจตนาที่ดีของทุกท่าน เพียงแต่ข้ามีเรื่องราวซับซ้อนมากมายยิ่งนัก ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายมาร นิกายหงส์มังกร นครหมื่นอสูร อารามโชติช่วงหรือแม้กระทั่งตระกูลลับบางตระกูลก็ล้วนหมายปองกายเทพมายานี้ พวกเขาจะมาหาเรื่องสร้างปัญหาให้กับข้าอย่างแน่นอน หากข้าดำรงตำแหน่งประธานสมาคม เกรงว่าจะทำให้พวกท่านพลอยติดร่างแหและเดือดร้อนไปด้วย แน่นอนว่าข้าตื่นเต้นกับการได้เป็นประธานสมาคมอย่างยิ่ง ทว่าข้าก็เห็นแก่ตัวไม่ได้เช่นกัน”

ฉินอวี้โม่เป็นคนมีหลักดำเนินชีวิตที่แน่ชัดและสมาชิกสมาคมช่างหลอมเหล่านี้ก็ทำให้นางชื่นชมและรู้สึกถูกชะตามาก เพียงแค่นางไม่ต้องการทำให้พวกเขาต้องพลอยเดือดร้อนไปกับตนเองด้วย

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้อาวุโสของสมาคมหลายคนก็ชะงักไปเล็กน้อยและความลังเลปรากฏในแววตา