ตอนที่ 152 โดย Ink Stone_Romance
ตอนที่ 152 เรื่องรักๆ ใคร่ ๆ (9)
หลังจากที่ผู้ชายอ่อนโยนคนนั้นได้ยินเสียงตะโกนอันแหลมสูงของอี้เป่ยซีแล้ว รีบหันมาทันที เห็นเยี่ยฉินที่กึ่งล้มอยู่บนตัวเธอก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ลังเลอยู่นั้นก็มีคนหนึ่งพุ่งตัวเข้าไปจากด้านข้างเขา อุ้มเธอขึ้นมา
“มู่ลี่ไป๋ มู่ลี่ไป๋ นายดูสิว่าเขาเป็นยังไงบ้าง หน้าซีดตั้งแต่เช้าแล้ว” อี้เป่ยซีวิ่งเหยาะตามเขาไปอย่างเป็นห่วง
“หนวกหูชะมัด ไม่ใช่ต้องพาเขาไปโรงพยาบาลหรอกเหรอ?”
“คุณครับ ขอโทษนะครับ นี่คุณอุ้มอยู่คือแฟนของผม” ผู้ชายคนนั้นจู่ๆ ก็ขวางทางมู่ลี่ไป๋เอาไว้ อี้เป่ยซีมองค้อนเขา ในใจวิเคราะห์เขาในทางที่ไม่ดีทันที
คนก็เป็นลมไปแล้วยังจะต้องจุกจิกกับเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ พาคนส่งโรงพยาบาลเพื่อดูอาการน่าจะสำคัญกว่ามั้ง
มู่ลี่ไป๋ไม่ได้พูดอะไร เดินหลบไปอีกทางเขาก็ขวางไว้อีก อี้เป่ยซีคว้าแขนเสื้อของเขาทันที ลากเขาไปอีกทาง “คุณนี่เป็นบ้าหรือเปล่า ตอนนี้มันใช่เวลามาเถียงเรื่องพวกนี้เหรอ?”
“นี่เป็นเรื่องของพวกเรา คุณหนูใหญ่อี้ไม่จำเป็นต้องมาก้าวก่าย” ทั้งแววตาและน้ำเสียงที่เขาใช้กับอี้เป่ยซีล้วนมีความดูถูก
เหมือนกับที่คนอื่นเขาพูดจริงๆ ไม่รู้จักแยกแยะผิดถูก ชอบบงการทำตัวเป็นใหญ่ เยี่ยฉินไปคลุกคลีกับคนพวกนี้ได้ยังไงกัน ไม่น่าล่ะช่วงนี้คุณลุงถึงกำชับเขา ให้ระวังคนข้างกายของเยี่ยฉิน
อี้เป่ยซีเห็นความไม่พอใจในดวงตาของเขาก็รีบถอยออกไปทันที คิ้วขมวดกัน พอเหลือบไปเห็นพวกมู่ลี่ไป๋ที่กำลังจะลับสายตาไปตรงหัวมุมก็รีบตามไป ไม่สนใจผู้ชายที่ชวนหัวเสียตรงหน้า
มู่ลี่ไป๋ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ชัดเจนอยู่ด้านหลัง หน้านิ่วคิ้วขมวด เอาคนใส่เข้าไปในรถแล้วออกรถไปทันที ทิ้งให้อี้เป่ยซีกระโดดโลดเต้นด้วยความโมโหอยู่ในกระจกมองหลัง
“เอาล่ะ อย่าไปกวนพวกเขาเลย” ลั่วจื่อหานคว้ามือของอี้เป่ยซี พลางรับกระเป๋าสะพายหลังของเธอมา
“ฉันก็แค่เป็นห่วงนิดหน่อย”
“เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปเยี่ยมพวกเขา” ลั่วจื่อหานลูบๆ หน้าผากของเธอ “มือเย็นจังเลย กลับไปใส่เสื้อผ้าเพิ่มหน่อย”
อี้เป่ยซีตามเขาไปอย่างเชื่อฟัง หันไปก็เจอผู้ชายที่ไม่รู้จักกาละเทศะคนนั้น
เมื่อผู้ชายคนนั้นเห็นพวกเขาก็อึ้งไปเช่นกัน จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มสุภาพอ่อนโยน เดินเข้ามาหาพวกเขาด้วยความเคารพเป็นอย่างมาก “ประธานลั่ว คุณหนูอี้” น้ำเสียงไม่มีความนอบน้อมหรือเอาอกเอาใจเลย แต่กลับเป็นความคุ้นเคยที่อธิบายไม่ได้
ขนคิ้วของลั่วจื่อหานขยับ พยักหน้าตอบ ดึงอี้เป่ยซีต้องการจะกลับไป คิดไม่ถึงว่าเขาจะขวางทางไว้อีกครั้ง ลั่วจื่อหานกอดอี้เป่ยซีไว้ในอ้อมแขนตัวเอง มองไปยังผู้ชายคนนั้นด้วยแววตาไม่เป็นมิตร ราวกับกำลังบอกว่านายมีเรื่องอะไรกันแน่
หลังจากเขาสัมผัสถึงแววตาข่มขู่ของลั่วจื่อหานแล้ว อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายก่อนเอ่ยปากอย่างช้าๆ “ประธานลั่ว กระผมหานโฉว ไม่ทราบประธานลั่ว…” เขากวาดตามองอี้เป่ยซี “กับคุณหนูอี้จะเป็นเกียรติทานข้าวด้วยกันกับผมสักมื้อไหมครับ”
“ไม่จำเป็น” ลั่วจื่อหานพูดเพียงสามคำ มองเขาเป็นนัยว่าให้เขาถอยไป แต่หานโฉวยังคงเดินเข้ามาใกล้ทั้งสองคนอย่างไม่กลัวตาย
“หรือว่าประธานลั่วไม่สนใจโครงการของเจียงตงเหรอครับ” เขาเข้าประเด็น หวังว่าจะเสร็จทุกอย่างในประโยคเดียว ด้วยวิธีนี้เขาก็จะสามารถควบคุมทิศทางของการเจรจาได้ และจะไม่ถูกลั่วจื่อหานจูงจมูกเดิน เขาดูมีความสุขมากราวกับว่าได้เก็บเกี่ยวครั้งใหญ่ ถ้าเจรจาเรื่องเจียงตงได้สำเร็จล่ะก็ ปีนี้เขาก็จะได้เลื่อนตำแหน่งร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว
ก่อนหน้านี้ไม่ยักรู้ว่าเยี่ยฉินรู้จักบุคคลที่ร้ายกายขนาดนี้ ลั่วจื่อหานเอ๋ย การได้ร่วมงานกับเขา นับว่าเป็นชัยชนะที่มั่นคงจริงๆ
“ไม่สนใจ”
เขามองผู้ชายตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ เห็นว่าดวงตาที่ดำขลับของเขาไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อย ในใจกลับรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย “หรือว่าประธานลั่วอยากเห็นคนอื่นเอาผลประโยชน์ไปทั้งหมดแบบนี้เหรอ?”
อี้เป่ยศีได้ยินคำพูดของเขาแล้วรู้สึกไม่เข้าหูเล็กน้อย ซบๆ อยู่บนหน้าอกของลั่วจื่อหาน ลั่วจื่อหานก็เข้าใจความหมายในอิริยาบทของเธอ ก้มหน้าเล่นกับผมของเธอ “หึ ระดับแค่นี้คิดจะร่วมงานกับพวกเรา? พวกคุณคอยดูให้ดีเถอะ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจียงตงบ้าง” ไม่สนใจหานโฉวที่ยืนอึ้งอยู่อีก ลั่วจื่อหานจูงมือของอี้เป่ยซีไปอีกทางเพื่อกลับไปยังอะพาร์ตเม้นต์
“เมื่อกี้ผู้ชายคนนั้นน่าเกลียดชะมัดเลย”
“ทำไมเหรอ?”
“พูดเรื่องไร้สาระ ทำอะไรก็ไม่รู้จักกาละเทศะ พวกนักธรุกิจที่คิดจะประสบความสำเร็จเร็วๆ ด้วยวิธีง่ายๆ รู้สึกน่ารังเกียจนิดหน่อย”
“ใช่” ลั่วจื่อหานพยักหน้าเห็นด้วย เปิดประตูอะพาร์ตเม้นต์ ห้องไม่ได้รับการปรับปรุงมากมาย เพียงแค่การจัดแจงเล็กน้อยเท่านั้น เพื่อเป็นการสะท้อนสิ่งเหล่านี้จึงปรับปรุงไปเพียงบางส่วน เพื่อเพิ่มความละเอียดอ่อนและมีความเป็นผู้หญิงมากขึ้น
“ห้องของเธอยังอยู่ข้างบน” อี้เป่ยซีพยักหน้า เธอเดินขึ้นไปข้างบน กลิ่นหอมหวานลอยออกมาจากภายในภาชนะสีเงินบนโต๊ะ ทั้งห้องราวกับว่าอยู่ในสวนดอกไม้ ใต้ฝ่าเท้าก็ปกคลุมด้วยกลีบกุหลาบ ม่านถูกดึงจนแน่นตึง มันดูอบอุ่นและโรแมนติกเป็นพิเศษภายใต้แสงสลัว เธอหยุดอยู่หน้าประตูไม่กล้าเข้าไป กลัวว่าจะทำลายความรู้สึกสวยงามนี้
“ทำไมไม่เข้าไปล่ะ?”
“สวยเกินไปแล้ว”
ลั่วจื่อหานจูบแก้มเธอเบาๆ แววตาลึกซึ้งราวกับว่าต้องการจะดูดคนที่อยู่ตรงหน้าเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น “ไม่สวยเท่าเธอหรอก”
อี้เป่ยซีใจสั่น เขย่งเท้าจูบริมฝีปากของเขา มุมปากลั่วจื่อหานยกยิ้ม เอื้อมมือโอบเอวของเธอ เดินเข้ามาแล้วยึดเธอติดประตูเพื่อตัดเส้นทางการหลบหนี ปลายลิ้นกวาดทุกตารางนิ้วในปากของเธอ อุณหภูมิภายในห้องก็ค่อยๆ ร่อนเร่าขึ้น
อี้เป่ยซีร่วงลงบนเตียงที่เต็มไปด้วยกลีบดอกไม้ เพลิดเพลินไปกับความสวยงามทุกตารางนิ้วที่คนบนตัวมอบให้เธอ ทันใดนั้นลั่วจื่อหานก็ผละออกจากร่างของเธอ เธอพ่น ‘หึ’ ออกมาสองคำอย่างอดไม่ได้ แววตาของเขายิ่งลึกซึ้งขึ้น
“เป่ยซี” เขาจูบหูของเธอ “แต่งงานกับฉัน”
“หา” สติของอี้เป่ยซียังไม่กลับมาอย่างสมบูรณ์แบบ ปากอ้าออกเล็กน้อย ลั่วจื่อหานดูดความหวานในนั้นอย่างร้อนแรงอีกครั้ง “อือ นาย…ช้าหน่อย…”
อี้เป่ยซีรู้สึกว่าราวกับว่าร่างกายของตัวเองจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อีกครั้ง ลั่วจื่อหานช่วยเธอช่วยทำความสะอาดร่างกายอย่างระมัดระวัง กอดเธอไว้ในอ้อมแขน อี้เป่ยซีมองดูแหวนที่เพิ่มขึ้นมาอย่างกะทันหันบนมือ ในใจรู้สึกสับสน
“ไม่ชอบเหรอ?”
“ปะ เปล่า ก็แค่ ฉันลืมเตรียมให้นาย ให้นายสวมแหวนให้ฉันแบบนี้ มันไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไร” อี้เป่ยซีซบอยู่บนหน้าอกที่อบอุ่นของเขา หัวใจหวั่นไหว กัดเม็ดสีชมพูเล็กๆ สองอัน
“ชิ เธอเป็นหมารึไง?”
อี้เป่ยซีเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้ม มีไอน้ำปรากฏอยู่ในดวงตา งดงามเป็นอย่างมาก “ใช่แล้ว ใช่แล้ว ฉันเป็นหมา” พูดพลางกัดหน้าอกของลั่วจื่อหานซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“เป่ยซี” น้ำเสียงของลั่วจื่อหานมีความข่มไว้เล็กน้อย พลิกตัวกดเธอไว้ใต้ร่างอีกครั้ง “ถ้าร้องไห้อีกคราวนี้จะไม่ปล่อยเธอละนะ”
“อือ…”
————