ตอนที่ 153 โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 153 เรื่องรักๆ ใคร่ ๆ (10)

             ไม่ว่าอี้เป่ยซีจะร้องขอความเมตตาอย่างไร ลั่วจื่อหานก็ไม่ได้ปล่อยเธอไปง่ายๆ จนกระทั่งเสร็จกิจแล้ว อี้เป่ยซีก็เหนื่อยจนแม้แต่ตาก็ลืมไม่ขึ้น

            ลั่วจื่อหานกอดเธออีกครั้ง คุยกันเรื่องงานเขียนสักพัก อี้เป่ยซีก็ผล็อยหลับไปภายใต้เสียงอันไพเราะของเขาแล้ว ลั่วจื่อหานมองดูใบหน้าหลับใหลของเธอ จูบหน้าผากของเธอแล้วลุกลงจากเตียงไป

            หลังจากจัดเก็บห้องสักครู่และจัดการเรื่องงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์แล้ว เขาก็กะเวลาเพื่อลงไปชั้นล่างและเริ่มทำกับข้าว

            อี้เป่ยซีรู้สึกว่าตัวเองถูกความหิวปลุกให้ตื่น อีกทั้งยังฝันด้วยความงุนงง ฝันว่ามีน่องไก่ชิ้นใหญ่วางไว้ตรงหน้าตัวเองแต่กลับถูกลั่วจื่อหานแย่งไปแล้ว ไม่ว่าเธอจะอ้อนวอนอย่างไรเขาก็ไม่ให้เธอ

            เรื่องมันเลวร้ายจนปลุกให้อี้เป่ยซีตื่นจากความโมโห เธอลืมตา บนตัวยังมีความเหนื่อยล้าที่อธิบายไม่ถูก มองไปรอบทิศ กลิ่นหอมที่ลอยมาจากชั้นล่างนั้นปลุกความหิวโหยที่แอบแฝงไว้ เธอพันตัวด้วยผ้าปูเตียง เปิดตู้เสื้อผ้าออกด้วยความรู้สึกโชคดี ครึ่งหนึ่งเป็นเสื้อผ้าของผู้หญิง อีกครึ่งหนึ่งเป็นเสื้อผ้าของผู้ชาย ดวงตาเธอร้อนผ่าวเล็กน้อย เธอเลือกสวมใส่เสื้อคอเต่า ขนาดและสไตล์เข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ

            “ตื่นแล้วเหรอ” ลั่วจื่อหานยกกับข้าวจานสุดท้ายออกมาจากห้องครัว มองอี้เป่ยซีที่ลงมาชั้นล่าง เธอนั่งลงด้วยรู้สึกที่ยังโมโหเล็กน้อย หยิบตะเกียบแล้วกินทันที อาหารร้อนลวกในปากของเธอโดยตรง อี้เป่ยซีรีบบ้วนมันออกมา

            “ทำไมถึงเหมือนเด็กๆ เลย” ลั่วจื่อหานวางน้ำแก้วหนึ่งข้างๆ เธอ “ไม่เป็นไรนะ”

            อี้เป่ยซีส่ายหัว คิดอยู่ในใจว่าต้องโทษนายนั่นแหละ

            “อืม เพราะอาหารฉันไม่ดีเอง” ลั่วจื่อหานไม่ได้นั่งตรงข้ามเธออีก แต่ลากเก้าอี้ข้างๆ แล้วนั่งลงข้างเธอโดยตรง ตักอาหารใส่ถ้วยของเธอ “เป็นการชดเชยเธอ”

            อี้เป่ยซีดื่มน้ำไปอึกใหญ่ หรี่ตา อารมณ์ดีขึ้นในทันใด เริ่มกินอย่างมีความสุข

            “ลั่วจื่อหานนายทำกับข้าวอร่อยจริงๆ”

            “ตอนนี้น่าจะแก้คำพูดแล้วหรือเปล่า”

            เธออึ้งไปครู่หนึ่ง มือถูอยู่ที่แหวนบนนิ้ว “คุณอาลั่ว ทำกับข้าวที่คุณอาทำอร่อยจริงๆ ค่ะ”

            “หลานสาวตัวน้อย ถ้าอร่อยก็กินเยอะๆ นะ”

            อี้เป่ยซีมองค้อน แล้วต่อสู้กับอาหารที่อยู่ด้านหน้าต่อ หลังจากทั้งสองคนกินเสร็จแล้ว ก็เข้าครัวและเริ่มเก็บข้าวของด้วยกัน อี้เป่ยซีเช็ดถ้วยอยู่ด้านข้าง “ลั่วจื่อหาน ฉันอยากไปเยี่ยมเยี่ยฉิน”

            “ได้สิ เดี๋ยวจะพาเธอไป”

            “จริงเหรอ ดีจังเลย”

            ลั่วจื่อหานยื่นจานใบสุดท้ายให้เธอ ถอนหายใจ “ฉันเคยโกหกเธอเมื่อไรกัน?”

            อี้เป่ยซีโอบเอวของลั่วจื่อหานโดยไม่สนใจมือของตัวเองที่เปียกน้ำ “เปล่า เปล่า เอ๊ะ ช่วงนี้คุณอาลั่วสมบูรณ์จังเลยนะ”

            “ก็เพราะว่าหลานสาวเลี้ยงดี” คำพูดที่มีนัยยะแอบแฝงทำให้อี้เป่ยซีหน้าแดง มือของเธอแข็งทื่อไปครู่หนึ่งแล้วลดลงช้าๆ เช็ดน้ำบนเสื้อของเขาเป็นการแก้แค้น แล้วก็วิ่งออกไปเหมือนเด็กซนที่เล่นพิเรนทร์ หลังจากลั่วจื่อหานเก็บของเรียบร้อยแล้วก็ล้างมือ

            เขานั่งอยู่ข้างอี้เป่ยซี กอดเธอไว้ในอ้อมแขน “หลานสาวซนอีกแล้ว”

            อี้เป่ยซียิ้มให้เขาอย่างเอาอกเอาใจ “คุณอาลั่วรักฉันที่สุดเลย”

            ลั่วจื่อหานโน้มตัวลงพูดข้างหูของเธอ “เธอเพิ่งรู้เหรอว่าคุณอาลั่วรักเธอ”

            “ลั่วจื่อหาน ทำไมเมื่อก่อนถึงไม่รู้ว่านาย…หน้าไม่อายแบบนี้”

            “รู้ตอนนี้ก็ยังไม่สาย ฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อ แล้วพวกเราค่อยออกไป?”

            อี้เป่ยซีซุกอยู่ในอ้อมอกของเขาพร้อมพยักหน้า แต่ไม่มีความต้องการจะลุกขึ้นเลย ลั่วจื่อหานยิ้ม “หรือว่าหลานสาวยังอยากทำอะไรอีกรอบ?”

            เธอเด้งตัวออกมาจากอ้อมกอดของเขาทันใด “เปล่า เปล่า นายไปเถอะ รีบไปเถอะ ฉัน ฉันรอนายตรงนี้แหละ”

            ลำคอของลั่วจื่อหานขยับเขยื้อนและบ่นพึมพำ อี้เป่ยซีนั่งดูโทรทัศน์อย่างขาดความสนใจ จนกระทั่งลั่วจื่อหานลงมาจากชั้นบน เขาเปลี่ยนการแต่งตัวเหมือนตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงยีนส์กับรองเท้าผ้าใบสีขาว ในความเป็นผู้ใหญ่นี้ยังแฝงด้วยความอ่อนเยาว์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขา มีกลิ่นหอมของแสงแดดและกลิ่นสดชื่นจากใบหญ้า

            “ว้าว”

            “ชอบไหม?”

            “อืม คิดไม่ถึงว่าคุณอาจะหนุ่มขนาดนี้” ลั่วจื่อหานหัวเราะ พอใจกับปฏิริยาของเธอมาก ลากมือของเธอแล้วเดินไปยังลานจอดรถ ระหว่างทาง อี้เป่ยซีมองเขา อาลัยอาวรณ์ที่จะจากไป

            “เป่ยซี”

            เธอหันไปมองเขาด้วยความสดใส ดวงดาวเล็กส่องประกายในดวงตาของเธอ “หา มีอะไร เรียกฉันทำไม?”

            เขาขยับริมฝีปาก แล้วเปลี่ยนหัวข้อ “ไม่มีอะไร”

            เมื่อมาถึงห้องคนไข้ อี้เป่ยซีมองเห็นภายในห้องวีไอพีที่ว่างเปล่าจากช่องประตู มีเพียงมู่ลี่ไป๋นั่งอยู่ข้างเตียงเพียงลำพัง กำลังเช็ดใบหน้าให้กับหญิงสาวที่อยู่บนเตียง แม้จะมองไม่เป็นสีหน้าของเธอ แต่ว่าจากการกระทำที่อ่อนโยนนั้นก็มองออกว่าเขาทะนุถนอมเธอมากแค่ไหน

            มู่ลี่ไป๋กระทำด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ กลัวจะปลุกให้เธอตื่น แต่ก็อยากเห็นดวงตาที่สดใสของเธอ แต่ก็กลัวจะเห็นแววตาที่เย็นชาของเธอ

            เยี่ยฉิน พวกเราผิดพลาที่ตรงไหนกันแน่ ถึงทำให้คุณกับผมขาดการติดต่อกันโดยสิ้นเชิง

            เมื่อเขาสังเกตเห็นว่ามือของเยี่ยฉินขยับ ตัวก็แข็งทื่อ แต่เมื่อไม่มีสัญญาณว่าเธอจะตื่นจึงกระทำการเคลื่อนไหวของตัวเองต่อไป เม้มปากแน่น ราวกับว่ากำลังข่มอะไรบางอย่างไว้

            อี้เป่ยซีถอนกลับมาอยู่ข้างๆ ลั่วจื่อหานอีกครั้ง มองเขาด้วยแววตาเจ็บปวดเล็กน้อย ลั่วจื่อหานไม่พูดจา กอดเธอไว้ในอ้อมแขน ปลอบโยนเธอเงียบๆ

            จนกระทั่งนางพยาบาลมาเรียกให้มู่ลี่ไป๋ไปทำการผ่าตัดแล้ว เขาจึงค่อยๆ จากไปอย่างเสียมิได้ คนที่นอนอยู่บนเตียงก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา

            เมื่อครู่เธอกำลังฝันงั้นเหรอ ความรู้สึกในฝันนั้นช่างดีเหลือเกิน นานแค่ไหนแล้วนะที่ฝันเห็นเขาแล้วไม่ร้องไห้

            มู่ลี่ไป๋ ความอ่อนโยนครั้งสุดท้ายเป็นการบอกฉันว่าพวกเราจะต้องจบกันและฉันจะต้องเลิกคิดถึงคุณงั้นเหรอ มันเป็นการบอกเธอว่า เธอเป็นเพียงคนไข้ธรรมดาคนหนึ่งของมู่ลี่ไป๋ก็เท่านั้น

            เยี่ยฉินยังไม่ทันจะเสียใจอะไรมากอีก อี้เป่ยซีก็เคาะประตูแล้วเดินเข้ามา “เยี่ยฉิน เธอไม่เป็นไรนะ”

            ใบหน้าของเธอยังคงไร้สีเลือดใดๆ “ฉันไม่เป็นไร ทำให้เธอเป็นห่วงแล้วเป่ยซี”

            “ครั้งนี้เธอควรจะขอบคุณมู่ลี่ไป๋เขา เขาเป็นคนพาเธอมา”

            “มันคือจรรยาบรรณของหมอ ฉันจะต้องขอบคุณพวกเขาอยู่แล้ว”

            อี้เป่ยซีครุ่นคิด “เยี่ยเฉิน เธอรู้ว่าเป็นมู่ไป๋เหรอ?”

            เยี่ยฉินยิ้มเจื่อน พยักหน้า อี้เป่ยซีพูดต่อ “ตอนที่มู่ไป๋เข้าชมรม ฉันบังคับให้สือนั่วประเมินเขานิดหน่อย จะได้ทำให้มันถูกต้องและมีเหตุผล ส่วนมู่ลี่ไป๋ก็ยินดียอมรับ ฉันจำได้ว่ามีผู้หญิงที่ชมรมถามว่าทำไมเขาต้องร้องเพลงนึงให้พวกเราตอนที่เข้าร่วมชมรมด้วย”

            ‘เธอยังคงได้ยินเพลงของฉันสินะ ตอนนี้เธอจะอยู่ที่ไหนกัน เธอไม่เคยคิดถึงสถานะของฉันสินะ ถ้าเธอไม่เข้าใจความเจ็บปวดของฉัน ก็อย่าจากไปไหน อย่าจากไปไหนเลย’

        “เยี่ยฉิน ฉันไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอหรือเปล่า แต่ว่าน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยเรื่องราวจริงๆ มันทำให้ทุกคนประทับใจมาก”

————