ตอนที่ 154 โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 154 เรื่องรักๆ ใคร่ ๆ (11)

             เยี่ยฉินหัวเราะแห้งๆ สองสามที เขาต่างหากที่ไม่เคยให้สถานะอะไรกับเธอเลย เธอได้มอบทุกอย่างให้แก่เขาแล้วไม่ใช่เหรอ เธอได้ทำสุดกำลังของเธอแล้วแต่ว่าก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเขาไม่เคยคิดที่จะพาเธอไป เพราะเธอไม่มีความสามารถอะไรที่คู่ควรจะไปกับเขา

            “เป่ยซี ช่วยรินน้ำให้ฉันสักแก้วได้ไหม”

            อี้เป่ยซีพยักหน้า เธออยู่กับเยี่ยฉินสักพักก็ขอตัวแล้ว เมื่อเธอออกมาก็เห็นลั่วจื่อหานนั่งอยู่บนเก้าอี้ตามลำพัง กำแพงสีขาวที่ด้านหลังกลายเป็นพื้นหลังที่ทำให้เขาดูเด่นขึ้น เขากำลังดูโทรศัพท์มือถืออย่างจริงจัง นิ้วที่เรียวยาวปัดหน้าจอ คิ้วขมวดกันเป็นครั้งคราวไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ อี้เป่ยซีเดินไปข้างหน้า สองมือกอดแขนของเขาไว้

            ลั่วจื่อหานละสายตาออกจากโทรศัพท์มือถือ จิ้มๆ ศีรษะของเธอ “เป็นอะไรไป?”

            “รู้สึกว่าเกือบไปแล้ว อีกนิดเดียวก็จะพลาดนายไปแล้ว”

            “อืม ใช่ งั้นเธอก็ต้องรักษาไว้ให้ดีนะ”

            “นายก็เหมือนกันนะ ลั่วจื่อหาน นายแต่งกับฉันดีไหม ไม่ก็ฉันแต่งกับนายก็ได้”

            มือของลั่วจื่อหานออกแรงจิ้มไปที่หน้าผากของเธอ อี้เป่ยซีขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวด มองเขาอย่างน้อยใจ “ทำอะไรน่ะเจ็บนะ”

            “งั้นฉันจะเป่าให้เธอ”

            “อืม ต้องเป่านะ”

            สองวันต่อมา วันเกิดของอี้เป่ยเฉินไม่ได้ถูกจัดอย่างใหญ่โต เพียงแค่จองห้องส่วนตัวในโรงแรมไว้ และเชิญคนในสาขาไม่กี่คนมาพบปะกัน อี้เป่ยซีก็รู้สึกสบายใจ หลังจากเลิกเรียนแล้วก็นั่งรถของลั่วจื่อหานมาถึงโรงแรมที่พวกเขาบอก

            จนกระทั่งเมื่อเธอมาถึง คนที่ควรมาก็มาครบหมดแล้ว อี้เป่ยซีดึงตัวลั่วจื่อหาน คนหนึ่งสง่าผ่าเผย อีกคนท่าทางเหมือนหัวขโมย เดินห่อตัวไม่กล้ามองอี้เป่ยเฉิน

            เมื่อแขกเหรื่อเห็นว่าลั่วจื่อหานปรากฏตัวในงานปาร์ตี้ที่ค่อนข้างส่วนตัว ก็ต่างคาดเดากันว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับคนนั้น ตอกย้ำการคาดคะเนของตัวเอง

            ลือกันว่าคุณหนูของบ้านอี้คบหาดูใจกับลั่วจื่อหาน ดูท่าทางของสองคนนี้แล้วสงสัยว่าจะมีเรื่องแบบนี้จริงๆ ใครจะรู้ว่าประธานลั่วลั่วจื่อหานที่ไม่มีความสนใจในผู้หญิง สุดท้ายก็ยังโดนเด็กสาวคนนั้นจากบ้านอี้รวบตัวไป ในใจอดไม่ได้ที่จะเสียดายจริงๆ

            และก็มีคนคิดว่าที่แท้ก็ชอบผู้หญิงประเภทนี้นี่เอง รู้งี้ทำตัวแบบนี้ตั้งแต่แรก เผื่อจะได้อะไรจากตัวประธานลั่วบ้าง

            อี้เป่ยซีกวาดตามองผู้คนที่อยู่ในห้อง อี้เป่ยเฉินเห็นว่าลั่วจื่อหานมาแล้ว แม้จะเป็นไปตามความคาดหมาย แต่ว่าในใจยังรู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย สุดท้ายก็ยังออกไปต้อนรับ บนใบหน้ายังมีรอยยิ้มที่สง่างามดังเช่นปกติ

            “ประธานลั่ว”

            “ประธานอี้”

            ความคุ้นเคยระหว่างคนทั้งสองทำให้คนที่นั่งอยู่งุนงงเล็กน้อย พวกเขาล้วนเป็นเด็กหนุ่มที่มีความสามารถในความคิดของคนเมือง A

            อี้เป่ยซีกระชากแขนเสื้อของลั่วจื่อหานฉับพลัน การแข่งขันในความมืดระหว่างทั้งสองคนจึงสิ้นสุดลง ลั่วจื่อหานส่งยิ้มวางใจให้กับอี้เป่ยซี นั่งลงข้างๆ อี้เป่ยซีอย่างว่าง่าย

            ตรงกลางมีเพื่อนของอี้เป่ยเฉินนั่งอยู่มากมาย ระหว่างที่กำลังสังสรรค์กันอยู่นั้น อี้เป่ยซีก็ดื่มไวน์ไปหลายแก้ว พิงอยู่บนตัวคุณแม่อี้ด้วยความมึนเมาเล็กน้อย มองดูลั่วจื่อหานกับอี้เป่ยเฉินที่คุยโต้ตอบกันไปมา ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะโง่ๆ ออกมาสองสามที

            สองคนนี้คือผู้ชายที่ฉันชอบมากที่สุด เธอดูสิ ว่าพวกเขาเข้ากันได้ดีแค่ไหน

            “เป่ยซี” คุณแม่อี้เรียกชื่อเธอข้างหูแผ่วเบา อี้เป่ยซีขานรับด้วยความมึนงงเล็กน้อย “ดื่มชาสักหน่อยเถอะ”

            “อืมๆ ดื่มชา ดื่มชา” เธอจิบชาที่คุณแม่อี้ส่งมาอย่างเชื่อฟัง และยังเลียริมฝีปากราวกับว่าอยากดื่มต่อ การกระทำเล็กๆ พวกนี้ไม่รอดพ้นสายตาของลั่วจื่อหาน เขาเพียงรู้สึกเหมือนมีเสียงระเบิดดังปัง ดื่มเหล้าในแก้วรวดเดียวหมด แม้จะเติมน้ำแข็งลงไปแล้ว ลั่วจื่อหานก็ยังรู้สึกว่าไม่สามารถผ่อนคลายความเร่าร้อนในร่างกายของตัวเองได้

            อี้เป่ยซีไม่รู้เรื่องเลย ฟุบลงบนโต๊ะอย่างว่าง่าย หลังจากดื่มไปหลายรอบ ผู้คนก็ทยอยกลับแล้ว ลั่วจื่อหานกล่าวขอตัวแล้วก็เดินออกไป อี้เป่ยเฉินตามหลังเขาไป เมื่อเห็นทั้งสองคนออกไป อี้เป่ยซีลุกขึ้นตัวโซเซต้องการจะออกไปด้วย

            “เป่ยซี” คุณแม่อี้ดึงเธออย่างเป็นห่วง อี้เป่ยซีตบๆ หลังมือของแม่ตัวเอง “หนูแค่ไปห้องน้ำค่ะ ไม่มีเรื่องอะไรหรอกค่ะ”

            เธอเดินตุปั๊ดตุเป๋ สติยังคงไม่ครบถ้วน ประคองกำแพงเดินไปยังห้องน้ำ แต่มือกลับถูกคนคว้าเอาไว้ เธอหรี่ตา ต้องการมองให้ชัดเจนว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือใคร แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถโฟกัสได้

            “เธอเป็นใครน่ะ?”

            “เป่ยซี ฉันเอง” เสียงนั้นคุ้นเคยจนราวกับว่ามีน้ำเย็นสาดใส่อี้เป่ยซี เธอสะบัดหัวและสายตาก็เริ่มชัดเจนขึ้น เธอจึงเห็นคนนั้นที่พูดและคว้ามือของเธออย่างชัดเจน

            “ฉินรั่วเข่อ เธอหาฉันมีอะไร”

            อี้เป่ยซีมั่นใจเป็นอย่างมาก เธอไม่มีความรู้สึกอื่นใดกับอี้เป่ยเฉินแล้ว แต่ว่าเธอก็ต้องยอมรับว่าตอนที่เธอเห็นอี้เป่ยเฉินกับฉินรั่วเข่อทำเรื่องแบบนั้นอยู่ในห้องของตัวเอง เธอรู้สึกทั้งขยะแขยงและเสียใจ จากนั้นก็ไม่ได้มีความรู้สึกดีกับเธออีก รวมทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นหลังนั้น ทำให้ยิ่งไม่ชอบสองพี่น้องมากขึ้นไปอีก

            จู่ๆ ดวงตาของฉินรั่วเข่อแดงก่ำ น้ำตาเม็ดโตร่วงหล่น อีกทั้งยังร่วงอยู่บนแขนของอี้เป่ยซีสองสามเม็ด เธอสะบัดมือออกอย่างหมดความอดทน “คุยกันดีๆ ไม่ได้หรือไง ตอนนี้มาร้องไห้อะไรอีก?”

            “เป่ยซี เธอสงสารฉันหน่อยได้ไหม ยกอี้เป่ยเฉินให้ฉันได้หรือเปล่า ตอนนี้ฉันจากเขาไปไม่ได้แล้วจริงๆ”

            อี้เป่ยซีนวดคลึงหู ทำเป็นว่าไม่ใส่ใจ “ถ้าเธอชอบพี่ชายฉันก็มาแย่งเองสิ ตอนนี้ฉันไม่มีความหมายอะไรกับเขาแล้ว แต่ถ้าชอบใครสักคนจะลองดูสักตั้งก็ได้ แต่ว่าอย่าใช้วิธีอะไรที่มันสกปรก พี่ฉันเกลียดอะไรแบบนั้นที่สุดเลย”

            “แต่ว่า แต่ว่า ฉันเทียบกับเธอไม่ได้ แล้วก็เทียบกับคุณหนูตระกูลใหญ่บ้านอื่นไม่ได้ด้วย เธอเป็นคนที่มีพลัง หน้าตาก็สวย แถมยังมากความสามารถ แต่ฉันกลับเทียบไม่ติดเลย”

            “นี่มันไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่เธอชอบพี่ชายฉัน”

            “เป่ยซี” ฉินรั่วเข่อคว้าแขนของอี้เป่ยซี “เธอช่วยฉันหน่อยได้ไหม ฉัน ฉัน ตอนนี้ มีเลือดเนื้อของเป่ยเฉินแล้ว ฉันกลัว ฉันกลัว ถ้าเขาไม่ชอบฉันล่ะก็…แต่ว่าเด็กเขาบริสุทธิ์นะ”

            จู่ๆ อี้เป่ยซีก็รู้สึกมือเท้าเย็น เธอมองฉินรั่วเข่อด้วยสายตาเย็นชา ‘ไม่สนใจเรื่องพวกนี้จริงเหรอ แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ชอบ ก็จะเต็มใจมีลูกให้เขางั้นเหรอ?’

            “นี่เป็นเรื่องระหว่างเธอกับพี่ชาย ฉันเข้าไปยุ่งไม่ได้ ขอโทษที”

            “เป่ยซี เป่ยซี เธอจะต้องช่วยฉันนะ เป่ยซี” เพราะว่าฉินรั่วเข่อตื่นเต้นมากเกินไปจึงผลักอี้เป่ยซีเข้ากับกำแพงเสียงดังปัง อี้เป่ยซีอดไม่ได้ที่จะย่อตัวลง

            “เป่ยซี เธอ เธอไม่เป็นไรนะ” น้ำตายังคงร่วงไม่หยุด เธอร้องไห้จนอี้เป่ยซีรำคาญ ตะคอกเธอไปคำหนึ่ง เธอจึงปิดปากสะอึกสะอื้น ย่อตัวลงข้างเธอ

            “เป่ยซี ขอร้องล่ะ”

            “ฉันเคยบอกเธอแล้ว…” ไม่รู้ว่าเธอได้ยินเสียงอะไร ก็หายตัวเข้าไปในห้องน้ำแล้วในพริบตา อี้เป่ยซีลูบแผลบนหน้าผากของตัวเองอย่างหงุดหงิด

        บ้าจริง รู้งี้ก็ไม่ออกมาแล้ว

————