ตอนที่ 155 โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 155 ด้านของพ่อแม่ (1)

           “เป่ยซี” ไม่รู้ว่าลั่วจื่อหานพุ่งมาหาเธอตั้งแต่เมื่อไร ขมวดคิ้วถามเธอ “เป็นอะไรไป?”

            อี้เป่ยซีส่ายหัว “ลั่วจื่อหานทำไมนายถึงแอบเข้าห้องน้ำผู้หญิง”

            ลั่วจื่อหานอุ้มเธอขึ้นมา “เธอเป็นอะไรไป?”

            เมื่อถึงหน้าประตู อี้เป่ยซีเห็นอี้เป่ยเฉินที่ร้อนรนพอๆ กัน นึกถึงคำพูดที่ฉินรั่วเข่อพูดกับเธอแล้วก็อยากจะพูดอะไรบางอย่างกับพี่ชายของตัวเอง แต่ก็เปลี่ยนใจ

            ช่างเถอะ ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องของพวกเขา เธออย่าเข้าไปเกี่ยวข้องจะดีกว่า เธอก็ไม่ชอบฉินรั่วเข่อด้วย

            ไม่สน ไม่สน

            “เสี่ยวซี” อี้เป่ยเฉินมองเธออย่างเป็นกังวล อี้เป่ยซีหาว

            “พี่ไม่ต้องเป็นห่วงน่า เมื่อกี้ฉันก็แค่เดินเซ ไม่ระวังชนกับกำแพงเข้า ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร”

            “ไม่มีอะไรก็ดี”

            “ซุ่มซ่ามชะมัด” อี้เป่ยซีถูกเสียงไม่พอใจที่ดังอยู่เหนือศีรษะดึงดูดความสนใจ มองค้อนลั่วจื่อหานด้วยความโมโหเล็กน้อย

            ซุ่มซ่ามอะไรกัน เธอเรียกว่าอารมณ์วัยรุ่นต่างหาก

            “คุณลั่ว ได้โปรดระวังคำพูดของคุณหน่อยได้หรือเปล่า พูดจาให้มันดีๆ ได้ไหม” อี้เป่ยซีเบะปาก แต่ก็ยังปล่อยให้เขาอุ้มอย่างว่าง่าย

            “ฉันจะพาเธอไปตรวจที่โรงพยาบาล ไปก่อนล่ะ”

            “ไม่ ไม่ไปโรงพยาบาล”

            อี้เป่ยเฉินมองดูใบหน้าน้อยๆ ที่ยับย่นเข้าด้วยกัน หลุดขำ “โอเค แบบนี้ก็ดี”

            เพิ่งจะพูดจบ ลั่วจื่อหานก็อุ้มอี้เป่ยซีแล้วก้าวยาวๆ ออกไปจากโรงแรม เมื่อเห็นว่าไม่มีใคร อารมณ์เกี่ยงงอนของอี้เป่ยซีก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง เธอซบๆ หน้าอกของลั่วจื่อหาน “ลั่วจื่อหาน พวกเราไม่โรงพยาบาลได้ไหม?”

            “ไปตรวจสักหน่อย เธอกลัวอะไร”

            “ฉันก็แค่ ไม่ชอบโรงพยาบาล นายดูสิตอนกลางคืนสวยแบบนี้ ถ้าอยู่โรงพยาบาลก็สูญเปล่าสิ น่าเสียดายแย่เลย วิวสวยผู้หญิงสวย นายจะต้องรักษามันไว้ให้ดีนะ”

            ลั่วจื่อหานหัวเราะ ก้มหน้าลงจูบริมฝีปากของเธอ จนกระทั่งอี้เป่ยซีหายใจลำบากจึงปล่อยเธอ “ไปโรงพยาบาลก่อนค่อยมาต่อ” พูดถึงตรงนี้ก็สตาร์ทรถแล้ว

            “นายๆๆ ไร้ศีลธรรม ทำไมฉันถึงชอบคนอย่างนายนะ ไม่เข้าใจความรู้สึกฉันเลยสักนิด”

            ลั่วจื่อหานไม่ได้ตอบอะไร รถสปอร์ตสีดำแล่นไปอย่างรวดเร็วในยามค่ำคืน หลังจากตรวจร่างกายแล้วพบว่าไม่เป็นอะไร ลั่วจือหานจึงวางใจ แต่อี้เป่ยซีกลับไม่พอใจเล็กน้อย

            เธอจิ้มแขนของลั่วจื่อหานที่โผล่ออกมาด้านนอก “ก็บอกแล้วว่าไม่เป็นอะไร ยังจะพาฉันมาที่โรงพยาบาลอีก”

            “แบบนี้ฉันจะได้สบายใจ”

            “แต่ว่าฉันไม่สบายใจ แบบง้อยังไงก็ไม่หาย” พูดจบก็ปล่อยแขนของเขาแล้วออกจากโรงพยาบาล ลั่วจื่อหานถอนหายใจ เดินตามไป

            เขาคว้ามือของอี้เป่ยซี ถูกสะบัดออก แล้วคว้าไว้อีก แล้วถูกสะบัดอีก เป็นแบบนี้อยู่หลายครั้ง อี้เป่ยซี

มองเขาอย่างหมดความอดทนเล็กน้อย “สนุกมากไหม?”

            ลั่วจื่อหานพยักหน้า กอดเธอไว้ “เป่ยซี ไม่เป็นไร ที่จริงโรงพยาบาลไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เธอคิด มีคนจากไปก็มีคนเข้ามา มันก็เป็นแค่จุดเปลี่ยนถ่าย ใช่ว่ามาโรงพยาบาลแล้วจะต้องจากไป แล้วก็ใช่เพราะว่ามาโรงพยาบาลแล้วจะต้องเจ็บป่วย”

            อี้เป่ยซีสูดจมูกฟึดฟัด “ฉันรู้แล้วน่า แต่ว่าฉันก็แค่…ฮัดเช้ย…”

            เขารีบถอดเสื้อผ้าเพื่อห่มให้อี้เป่ยซี กุมมือน้อยๆ ของเธอในมือที่ใหญ่โตของเขา “ยังหนาวอยู่ไหม?”

            “ไม่หนาวแล้ว” เพียงชั่วครู่อี้เป่ยซีก็ตัดสินใจว่าจะเดินกลับบ้านด้วยกัน ลั่วจื่อหานเพียงแค่พยักหน้าอย่างเอ็นดู จูงมือน้อยๆ ของเธอเดินอยู่ในสายลมที่โชยอ่อน เงาของทั้งสองคนเกาะติดกันเหนียวแน่นภายใต้แสงไฟของถนน

            เมื่อมาถึงอะพาร์ตเม้นต์ก็เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว อี้เป่ยซีอาบน้ำเสร็จแล้วล้มลงบนเตียง ต้องการจะนอน เธอหลับตา ในสมองว่างเปล่า ในขณะที่กำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทรานั้น ก็มีอะไรบางอย่างอุ่นๆ หยุดอยู่ที่ริมฝีปากของเธอตลอดเวลา เธอกัดมันตามจิตใต้สำนึก สิ่งนั้นก็กัดเธอตอบ

            “อือ…ลั่ว…” จนกระทั่งจิตสำนึกที่ล่องลอยอย่างอิสระค่อยๆ คืนกลับมา ทั้งสองคนก็เผชิญหน้ากันซึ่งๆ หน้าแล้ว

            ลั่วจื่อหานไม่ได้เร่งการเคลื่อนไหว แต่ชื่นชมรูปร่างของอี้เป่ยซีภายใต้แสงไฟ ดวงตาทั้งสองข้างของเธอเต็มไปด้วยละอองน้ำ เพราะว่าเพิ่งถูกปลุกให้ตื่น ดวงตาจึงดูพร่าเลือนอยู่บ้างอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากแดงอ้าออกเล็กน้อยเหมือนเป็นคำเชื้อเชิญเงียบๆ

            ลำคอของลั่วจื่อหานขยับ “เป่ยซี เธอสวยมากเลย”

            “อืม…ลั่วจื่อหาน” อี้เป่ยซีรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของมือเขา ในใจก็สั่นสะท้านตามไปด้วย

            “หืม?”

            ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วก็ยังแสร้งถาม

            “อยากได้ไหม?” มือข้างนั้นของเขาแทบจะทำให้อี้เป่ยซีเสียสติไปแล้ว เธอตัวสั่นและพยักหน้า “ช่วยฉันหน่อย”

            “หึหึ นายนี่ร้ายจริงๆ” เสียงของเด็กสาวชัดเจนเป็นพิเศษภายในห้องที่เงียบสงัด ไฟในดวงตาของลั่วจื่อหานยิ่งลุกโชนและเร่งการเคลื่อนไหวของตัวเอง “อืม ช่วยฉัน ช่วยฉัน”

            เขายิ้มชั่วร้าย คลุ้มคลั่งตลอดคืน

            อี้เป่ยซีพลาดคาบเรียนที่สองในวันรุ่งขึ้น อย่างไรก็ตามเธอรู้สึกเกียจคร้านและไม่อยากไปคาบเรียนแรกของช่วงบ่าย เตะคนข้างๆ ด้วยความโมโหเล็กน้อย ลั่วจื่อหานคว้าข้อเท้าของเธอด้วยความแม่นยำ จากนั้นอี้เป่ยซีก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่อ่อนนุ่มและเปียกชื้นไต่อยู่บนหลังเท้าของตัวเอง

            “ลั่ว ลั่วจื่อหาน”

            ลั่วจื่อหานช่วยห่มผ้าให้เธอด้วยความพึงพอใจ จูบดวงตาของเธอ “นอนต่ออีกหน่อยเถอะ ฉันจะไปทำอาหารเช้าให้เธอกิน”

            อี้เป่ยซีห่อตัวอยู่ในผ้าห่มพร้อมพยักหน้า หลับตาลงอีกครั้ง

            วันชาติจีน อี้เป่ยซีพาลั่วจื่อหานไปเจอคุณแม่อี้ด้วยความเคอะเขิน แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยพอใจผลลัพธ์ของทุกวันนี้ แต่ว่าเมื่อเห็นท่าทางที่ลั่วจื่อหานปฏิบัติต่ออี้เป่ยซีแล้ว ก็เห็นด้วยความความรักของพวกเขาทั้งสองคนอยู่บ้าง คุณแม่อี้เรียกลั่วจื่อหานไปคุยในห้องหนังสืออยู่นานสองนาน อี้เป่ยซีที่รออยู่ชั้นล่างกุมมือกันด้วยความตื่นเต้นตลอดเวลา

            “เสี่ยวซี เธอไม่ต้องเป็นห่วง” อี้เป่ยซีชงชาผู่เอ๋อ ส่งให้อี้เป่ยซีหนึ่งแก้ว เธอดื่มไปคำหนึ่ง ยังคงมองชั้นบนด้วยความกังวลเล็กน้อย

            “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าคนที่มาเจอผู้ใหญ่เป็นฉันเลย”

            “เธอ ไปเจอผู้ใหญ่บ้านลั่วจื่อหานแล้วเหรอ?”

            อี้เป่ยซีสูดหายใจลึก “ยังเลย พี่ พี่ว่าทำไงดีล่ะ” อี้เป่ยซีหน้าบูดบึ้ง ราวกับว่าเกิดเรื่องใหญ่ราวกับฟ้าจะถล่มลงมา

            อี้เป่ยเฉินตบๆ ไหล่ของเธอเป็นการปลอบใจ “ไม่มีอะไรหรอก เป่ยซีของพวกเราน่ารักขนาดนี้ ไม่ว่าใครก็ชอบทั้งนั้นแหละ เธอไม่ต้องเป็นห่วง”

            “เพราะว่าพวกพี่ชอบฉันก็เลยรู้สึกว่าฉันน่ารักล่ะมั้ง”

            “เพราะว่าเสี่ยวซีน่ารักถึงได้ชอบต่างหาก เธออย่าเพิ่งคิดอะไรไร้สาระเลย…” เขายังไม่ทันพูดจบ อี้เป่ยซีก็วิ่งขึ้นชั้นบนไป อี้เป่ยเฉินมองดูร่างสีขาวนั้น แววตามืดมนลงอย่างช่วยไม่ได้

            “แม่คะ” อี้เป่ยซียิ้มให้คุณแม่อี้ จูงมือของลั่วจื่อหาน

            “ทำไม ลูกยังไม่ได้แต่งกับเขาสักหน่อย ก็เริ่มปกป้องเขาไม่ต้องการแม่คนนี้แล้วเหรอ”

            อี้เป่ยซีหน้าแดง “แม่คะ แม่พูดอะไรน่ะ”

        แต่ลั่วจื่อหานโอบอี้เป่ยซีอย่างใจเย็นมาก พูดอยู่ข้างหูเธอ “ไม่ต้องเป็นห่วง”

————