จางจื่ออันเคารพความตั้งใจส่วนตัวของพวกภูตสัตว์เลี้ยงมาโดยตลอด ถ้าพวกมันยืนกรานจะทำเรื่องอะไร ทั่วไปแล้วเขาจะไม่ต่อต้านอย่างเด็ดขาด แค่ช่วยพวกมันแยกแยะข้อดีและข้อเสีย ถ้าพวกมันเข้าใจข้อดีและข้อเสียแล้วยังอยากจะทำอีก เขาก็ทำได้แค่ช่วยเหลือพวกมันอย่างเต็มที่
เขาดูออกว่าฟีน่าชิงชังผู้บงการหลังฉากที่สั่งการให้แมวทำเรื่องเลวร้าย มันจะไม่ยอมหยุดจนกว่าจะลากคออีกฝ่ายออกมาจนไม่มีทางหนีทีไล่ แต่หากเขาตอบตกลงไปทั้งอย่างนี้ เขาก็ไม่วางใจในความปลอดภัยของมัน
ถ้ามีภูตสัตว์เลี้ยงตัวอื่นยินยอมไปด้วยกันก็คงดี แต่เรื่องนี้ควรจะสมัครใจเอง ไม่ใช่บังคับกัน
การอาสาของเหล่าฉาทำให้ปัญหาทุกอย่างคลี่คลาย ทุกคนรู้ฝีมือของเหล่าฉา แม้มันชอบบอกว่าตัวเองแก่ แต่มันก็แค่ไม่เคลื่อนไหวเท่านั้น พอเคลื่อนไหวทีก็รวดเร็วไม่ได้ด้อยไปกว่าภูตสัตว์เลี้ยงตัวไหน มันกับฟีน่าทำภารกิจด้วยกัน ไม่ต่างอะไรกับมีประกันชีวิตแพ็คคู่
จางจื่ออันถึงคิดว่ายังพอรับได้ ไม่อย่างนั้นฟีน่าไปคนเดียวคงจะอันตรายเกินไป ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แม้แต่ความเป็นไปได้ที่จะกลับมาช่วยก็ไม่มี เหล่าฉับกับฟีน่าไปด้วยกัน อย่างน้อยก็ดูแลกันได้
“ฟีน่า ท่านผู้เฒ่าฉาจะไปกับเธอ อย่างนี้ไม่มีปัญหาสินะ?” เขาถามเพื่อความแน่ใจ เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าอยู่ๆ ฟีน่าจะโวยวายยืนกรานไปคนเดียวอีกหรือเปล่า นิสัยของเจ้าตัวนี้คาดเดายากจริงๆ
ฟีน่าไม่สงสัยความสามารถของเหล่าฉา แต่มันมั่นใจในตัวเองมากกว่า รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่จะเสียมารยาทหากปฏิเสธความหวังดีของเหล่าฉา จึงพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ “เช่นนั้นก็ดี แต่นี่เป็นบุญคุณความแค้นส่วนตัวของข้า หากไม่มีความจำเป็น เจ้าอย่าได้เข้ามาแทรก”
เหล่าฉายิ้มยินดี “ที่ข้าเคารพก็คือ ทุกสิ่งที่ฝ่าบาทมอง”
เขายังคิดว่าตกลงกันตามนี้แล้ว แต่วลาดิเมียร์กลับยกอุ้งเท้าข้างหนึ่งขึ้นมาพูดว่า “ฉันก็อยากไปดูความคึกคัก ผู้บงการหลังฉากทำความผิดมหันต์ และจิตใจชั่วร้าย ฉันอยากดูนักว่ามันเป็นใครกันแน่ คิดไม่ถึงว่าจะบ้าระห่ำขนาดใช้แมวเหมียวที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มาทำเรื่องชั่ว!”
จางจื่ออันค่อนข้างแปลกใจ “นายก็อยากไปเหรอ”
วลาดิเมียร์พยักหน้า กำหมัดแน่นพลางพูดว่า “ไม่ว่าจะเป็นแมวบ้านหรือแมวจรจัด แมวเหมียวที่ถูกขูดรีดและกดขี่ทั่วใต้หล้าคือครอบครัวเดียวกัน จำเป็นต้องร่วมมือกัน!”
จางจื่ออันใช้สายตาสอบถามความเห็นของฟีน่า หากมันไม่ปฏิเสธ เขาก็ไม่มีเหตุผลจะคัดค้าน การเข้าร่วมของวลาดิเมียร์ไม่ต่างอะไรกับเสือติดปีก ไม่ว่าเจออันตรายอะไร แมวรวมกันสามตัวอย่างน้อยก็หนีเอาตัวรอดกันได้
พละกำลังของวลาดิเมียร์ยังโดดเด่นกว่าใครเพื่อน และเก่งกาจด้านรับมือกับสิ่งที่เหนือจินตนาการพวกนี้ อย่างเช่น รูปปั้นเทพแมวเมื่อครั้งก่อน กรงเล็บแหลมของฟีน่าไม่มีทางทำอันตรายมันได้ แต่หมัดเหล็กของวลาดิเมียร์กลับจัดการให้มันกลับร่างเดิมได้
“ข้าไม่โต้แย้ง แต่อย่างนี้ ทางฝั่งเจ้า…”
สำหรับฟีน่าแล้ว มีเหล่าฉาเพิ่มขึ้น บวกกับวลาดิเมียร์อีกตัวก็ไม่เป็นไร แต่มันไม่ได้ตกลงทันที แล้วกวาดสายตามองข้างหลังเขาด้วยความสงสัยแวบหนึ่ง
ถ้าแบ่งกลุ่มกันอย่างนี้ ภูตสัตว์เลี้ยงที่ต่อสู้ได้ทางฝั่งของจางจื่ออันก็มีแค่เฟยหม่าซือ และพอจะนับรวมเสวี่ยซือจื่อได้อยู่
“ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก ฉันไม่แพ้ง่ายๆ หรอกนะ!” จางจื่ออันตบปืนเทเซอร์ สเปรย์ป้องกันหมี และคบไฟถนนตรงเอว แล้วชี้สมองของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ “ที่สำคัญที่สุดคือสติปัญญาของฉัน”
แต่นิ้วมือของเขากลับจิ้มถูกบางสิ่งที่เหมือนมีขนปุย
นั่นเป็นริชาร์ดที่กระโดดจากช่องฮู้ดขึ้นมาบนไหล่ของเขาอย่างไม่พลาดโอกาส “แกว๊กๆ! ขอบคุณที่ชม ข้าคู่ควรแล้ว!”
“อย่าคิดเข้าข้างตัวเองฝ่ายเดียว! ข้าไม่ได้เป็นห่วงเจ้า!” ฟีน่ายกอุ้งเท้าหน้าข้างหนึ่งอย่างโมโห ทำท่าทางอยากจะตัดมัน
ตกลงตามแผนนี้ ฟีน่าและแมวอีกสองตัวไปตามรอยฝูงแมว ส่วนจางจื่ออันพาภูตตัวอื่นไปตามหาฟราเทอร์ ถ้าทั้งสองฝ่ายเดินออกไปไกลเรื่อยๆ ช้าที่สุดก็ฟ้าสว่าง ต้องกลับไปเจอกันที่ชายทะเล และเจอกับเซฮวา ไม่ว่าบรรลุจุดประสงค์หรือไม่ ถึงตอนนั้นค่อยปรึกษาปฏิบัติการต่อไปอีกที
ฟีน่ารอไม่ไหวแล้ว มันสาวเท้าตามไปทางที่ฝูงแมวจากไปทันที ส่วนเหล่าฉากับวลาดิเมียร์ตามอยู่ข้างหลัง
จางจื่ออันมองส่งพวกมันจากไป “พวกเราก็ออกเดินทางกันเถอะ ไม่รู้ทางฟราเทอร์เป็นยังไงแล้ว”
เฟยหม่าซือวิ่งนำหน้า ตามกลิ่นที่ฟราเทอร์ทิ้งไว้ ส่วนเขากับภูตสัตว์เลี้ยงตัวอื่นเดินตามหลัง
ยิ่งเสียเวลามาก เขากับเฟยหม่าซือยิ่งรู้สึกว่าฟราเทอร์จะยิ่งเป็นอันตราย เพราะมันวิ่งออกจากหมูป่าไกลมากพอแล้ว ก็น่าจะหอนเรียกฝูงหมาป่ามาได้ แต่พวกเขากลับไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย
พวกฟีน่าเป็นผู้มีฝีมือชั้นสูงในการตามรอย พวกมันตามหลังฝูงแมวอย่างระมัดระวัง รักษาระยะห่างอย่างพอดิบพอดี เพื่อกันไม่ให้ฝูงแมวรู้ตัว
ตามอยู่พักหนึ่ง เหล่าฉาก็เข้าไปใกล้ฟีน่า แล้วพูดเสียงเบา “ฝ่าบาท เรื่องชักจะน่าสงสัยนะพ่ะย่ะค่ะ”
“อะไรน่าสงสัย?” ฟีน่าตั้งใจมองฝูงแมว พลางถามไปเรื่อยเปื่อย
เหล่าฉามองรอบๆ อย่างระแวดระวัง “ตามหลักการแล้ว ตัวการหลังฉากต้องนึกถึงความเป็นไปได้นี้แน่ พวกเราอาจจะตามแมวพวกนี้ไปเจอมันเหมือนตามรอยเถาวัลย์ไปเจอแตงโม เช่นนั้นมันอาจจะเตรียมป้องกัน…หรือตั้งใจให้แมวพวกนั้นพาพวกเราเข้าไปติดกับ และอาจจะให้แมวพวกนี้ก่อความวุ่นวายในป่า เป้าหมายก็คือแยกพวกเราออกจากกัน”
เหล่าฉาเห็นโลกมากและมีความรู้กว้างขวาง อายุมากแต่ฉลาดเฉลียว เลยวัยใช้กำลังจัดการมานานแล้ว เมื่อเกิดเรื่องจึงคิดมากและรอบคอบกว่าใคร
มันดูออกว่าฟีน่าโกรธจัด ไม่ได้ใจเย็นเหมือนปกติ ดังนั้นมันต้องตามฟีน่าไป เผื่อในกรณีที่ฟีน่าทำพลาด
วลาดิเมียร์ก็เห็นด้วย “เหล่าฉาพูดถูก พวกเราต้องเตรียมแผนที่ดีที่สุด วางแผนให้ร้ายกาจที่สุด กองทัพของฉันไม่เคยรบโดยไม่เตรียมอาวุธ แต่ตอนนี้กลับถูกแมวพวกนี้จูงจมูกปั่นหัว หยุดวางแผนก่อนจะดีกว่า…”
วันนี้ดวงดาวและพระจันทร์อับแสง พวกมันยังไม่มีเข็มทิศ แม้แต่ทิศทางก็แยกไม่ได้ จึงกังวลมากว่าจะหลงอยู่ในป่า
ฟีน่าฟังแล้วว้าวุ่นใจ ลึกๆ ในใจมันรู้ว่าที่พวกมันพูดนั้นมีเหตุผล ตามต่อไปอย่างนี้ไม่ใช่วิธีที่ดี แต่ความหยิ่งยโสของมันไม่ยอมให้มันปล่อยตัวการหลังฉากไปทั้งแบบนี้
ตอนนี้เอง อยู่ๆ ฝูงแมวข้างหน้าก็หยุดเดิน แล้วหันกลับมาโดยพร้อมเพรียง ดวงตาที่เหมือนลูกไฟผีราวกับกำลังจ้องมันมายังพวกฟีน่า
ถูกพบเข้าแล้วหรือ?
ฟีน่าหน้าร้อนฉ่าขึ้นมา มันผู้สูงส่งมาตามรอยแมวธรรมดาก็เสียเกียรติอยู่แล้ว แต่ยังถูกพบเข้าอีก ยิ่งน่าอึดอัดเข้าไปใหญ่
มันกำลังลังเลว่าควรออกไปต่อว่าพวกมันสักยกเพื่อคลายความอึดอัดหรือไม่ ก็ได้ยินเหล่าฉาถอนหายใจ แล้วร้องตกใจเสียงเบา “ฝ่าบาท! พวกเราถูกล้อมแล้ว!”
วลาดิเมียร์ก็สังเกตเห็นดวงตาสว่างไสวผุดขึ้นรอบๆ นี้แล้ว “เมี๊ยวแล้วก็เหมียว! กองทัพศัตรูปิดล้อมมากมายหลายหมื่นพัน การจัดเรียงลำดับการรบก็ยิ่งใหญ่ทีเดียว”
ฟีน่าหันหน้ามองไปรอบๆ เห็นแมวบ้านหลากสีสองร้อยถึงสามร้อยตัวอยู่บนต้นไม้ ในรูต้นไม้ ในพงหญ้า และระหว่างซอกหินแถวนี้กระโดดออกมา ล้อมพวกมันสามตัวเอาไว้ พลางจ้องมองพวกมันด้วยเจตนาร้าย