ตอนที่ 1896 อาชามารว่านเซี่ยง

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

“นี่คืออาชามารว่านเซี่ยงดังในตำนาน! แม้ว่าเผ่ามารจะโจมตีเมืองเทวะสวรรค์ของพวกเราแต่ก็ใช้แค่อสูรมารระดับต่ำ แต่กลับส่งกองกำลังที่แท้จริงมากวาดล้างจุดสำคัญในบริเวณรอบ ทหารที่ขี่อาชาเผ่ามารเหล่านี้ล้วนมีพลังยุทธ์แค่ระดับจิตวิญญาณสีทองและระดับก่อกำเนิดแต่หลังจากที่สำแดงเคล็ดวิชาลับเผ่ามารร่วมกับอสูรมารใต้หล้าอานุภาพกลับเพิ่มขึ้นสองสามเท่า หากเผ่ามนุษย์ระดับเดียวกันพบเข้าย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ หากระดับเทพแปลงและหลอมสุญตาถูกอาชามารล้อมโจมตีก็มีแต่ต้องหนีเท่านั้นและยิ่งไปกว่านั้นได้ยินว่าเผ่ามารเหล่านี้เชี่ยวชาญเคล็ดวิชาการร่วมมือกันหากวางเขตอาคมเผ่ามารต่อให้ระดับอย่างพวกเราพบเข้าก็ยังต้องปวดหัว ที่นี่มีอาชามารว่านเซี่ยงอยู่มากกว่าล้านตน มิน่าล่ะเมืองอี่เทียนถึงได้มาขอให้พวกเราช่วย” เซียนหยินกวงเอ่ยด้วยแววตาที่เปล่งประกายน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด

“เกรงว่าสิ่งที่รับมือยากที่สุดคงไม่ใช่อาชามารว่านเซี่ยงแต่เป็นเจ้าพวกนั้น!” หลังจากที่หานลี่พูดมุมปากกระตุกก็ชี้นิ้วไปที่สำเภายักษ์สีดำแล้วเอ่ยขึ้น

จำนวนของเผ่ามารเหล่านี้มากว่าทหารขี่อาชาเผ่ามารแม้ว่าจะสวมชุดเกราะสงครามเช่นกันแต่ท่อนล่างล้วนเป็นอสูรท่อนบนเป็นมนุษย์ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสามหัวและหกมือ

หัวตรงกลางของเผ่ามารเหล่านี้เหมือนกับมนุษย์ไม่มีผิดเพี้ยน บ้างเป็นบุรุษบ้างเป็นสตรีและยิ่งไปกว่านั้นหน้าตายังหมดจดงดงามแต่หัวอีกสองหัวกลับโหดเหี้ยมอัปลักษณ์ราวกับผีร้ายในนรกก็ไม่ปานแขนทั้งหกถืออาวุธมีดที่แตกต่างกัน แผ่จิตสังหารออกมาจากเรือนร่างแผ่นหลังมีเงาลวงตาเปล่งแสงสีเทาปรากฏขึ้น

เมื่อพิจารณาให้ละเอียดคาดไม่ถึงว่าจะเป็นเทวรูปอสูรยักษ์ที่กำลังอ้าปากตะปบเล็บ

ใหญ่หน่อยมีขนาดร้อยจั้งเล็กหน่อยก็มีขนาดสิบจั้ง!

และเผ่ามารประหลาดเหล่านี้ทุกตนล้วนมีสีหน้าไร้ความรู้สึก แววตาเย็นชา ดูเหมือนว่าจะไม่มีความรู้สึกเลยสักนิด

“มารสงครามเจียหลุน คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเจ้าบ้าของเผ่ามาร แม้ว่าจะมีแค่สองสามพันตัว แต่เกรงว่าเมืองอี่เทียนคงจะเกิดปัญหาแล้ว” เซียนหยินกวงเห็นชัดเจนก็สูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าไป

“คิดดูแล้วการที่อาวุโสทั้งสองของเมืองอี่เทียนเพลี่ยงพล้ำคงเกี่ยวข้องกับมารสงครามเจียหลุนเหล่านี้” หานลี่เอ่ยอย่างแช่มช้าแววตามีแววเคร่งขรึมปรากฏขึ้นเช่นกัน

“ชื่อเสียงของมารสงครามเจียหลุนพวกเราย่อมได้ยินมาเนิ่นนานแล้ว ว่ากันว่าแม้ว่ามารสงครามนี้จะมีพละกำลังมากมายในเผ่ามารจนเพียงพอที่จะจัดอยู่ในห้าอันดับแรกหากสหายที่เพลี่ยงพล้ำทั้งสองถูกมารสงครามนี้พัวพันและถูกท่านจอมมารตนอื่นลอบโจมตีก็คงจะหนีออกมาได้ยาก แต่มารสงครามนี้มีพละกำลังที่แท้จริงอย่างไรน้องหญิงก็อยากเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง” หลังจากที่แววตาตกตะลึงของเซียนหยินกวงหายไปมารสงครามเจียหลุนเหล่านั้นก็มองไปที่มารสงครามเจียหลุนเหล่านั้นที่อยู่ในกองทัพเผ่ามารแล้วเอ่ยพึมพำ

“หึๆ หากเซียนอยากเปิดประสบการณ์ก็ไม่ใช่เรื่องยาก” หานลี่ฉีกยิ้มและใช้คางชี้ไปที่กองทัพเผ่ามารพลางเอ่ย

แทบจะในเวลาเดียวกันสำเภายักษ์สีดำเหล่านั้นก็ส่งเสียงอึกทึกออกมา จากนั้นทุกลำก็เปล่งแสงสว่างวาบทยอยกันพ่นเสาลำแสงสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาโจมตีไปยังกำแพงเมืองขนาดยักษ์ของเมืองอี่เทียน

เสียง “ตูมๆ” ดังขึ้น!

ผิวของกำแพงเมืองอี่เทียนที่ชำรุดไปเล็กน้อยกลับมีลวดลายเขตอาคมหลากสีสันปรากฏขึ้นกลายเป็นม่านลำแสงหลากสีสันต้านทานเสาลำแสงที่ดูยิ่งใหญ่เอาไว้ดวงอาทิตย์สีดำระเบิดออกบนผิวเขตอาคมกลายเป็นระลอกคลื่นจำนวนนับไม่ถ้วนทำให้ทั่วทั้งท้องฟ้าหม่นแสงไร้สีสัน

ในยามนั้นเสียงกลองศึกพลันดังออกมาจากสำเภารบกึกก้องจากนั้นมารอสูรระดับสูงขนาดเท่าภูเขาขนาดย่อมร้อยตัวก็พุ่งออกมาจากสำเภายักษ์บินไปด้านหน้าอย่างน่าสะพรึงกลัว

มารอสูรเหล่านี้มีขนาดร้อยจั้งเศษภายนอกดูเหมือนแรดสีดำที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติเป็นร้อยเท่า ปากร้องคำรามต่ำๆ ออกมาแล้วพุ่งออกไปไม่หยุด คาดไม่ถึงว่าจะอาศัยร่างกายอันใหญ่ยักษ์ทำการโจมตีกำแพงเมืองด้านหน้า!

และในเวลานี้อสูรมารระดับต่ำก็กรูกันออกมาจากสำเภายักษ์ลำอื่นๆ เช่นกันพุ่งตามอสูรมารระดับสูงไปราวกับคลื่นน้ำ

ยามนั้นไอมารตลบอบอวลอสูรหมื่นตัวร้องคำรามพร้อมกัน!

มนุษย์ผู้บำเพ็ญเพียรจำนวนนับไม่ถ้วนเรียงแถวปรากฏตัวขึ้นบนหัวเมืองของเมืองอี่เทียนชูอาวุธระยะไกลอย่างคันธนูขึ้น ดวงเพลิง กรวยน้ำแข็ง ใบมีดวายุโจมตีไปยังกองทัพอสูรมาร

อสูรมารที่บุกมาอยู่ด้านหน้าสุดถูกการโจมตีเหล่านี้ต้อนรับก็ทยอยกันร่วงลงมาอย่างแทบไม่มีพลังรับการโจมตีไม่กลายเป็นพายุโลหิตก็กลายเป็นเถ้าถ่านและก้อนน้ำแข็งหายวับไป

ยามนี้กองทัพอสูรมารสูญเสียอสูรมารระดับต่ำไปนับไม่ถ้วนการโจมตีก่อนหน้าหยุดชะงัก

แต่อสูรมารระดับสูงรูปร่างเหมือนแรดที่สะดุดตาที่สุดกลับไม่สนใจการโจมตีของเผ่ามนุษย์เลยสักนิด!

เรือนร่างของพวกมันปรากฏม่านลำแสงสีเหลืองหนาๆ ออกมาเมื่อถูกการโจมตีเหล่านี้นอกจากทำให้มันเปล่งแสงสว่างวาบก็ไม่อาจทำอันใดได้

ชั่วพริบตาอสูรมารนับร้อยตัวก็มาถึงกำแพงเมืองและใช้นอสีดำสนิทตรงจมูกแทงไปด้านหน้า

เสียงกรีดร้องดังสนั่นขึ้นรัศมีลำแสงทรงกลมสีดำสนิทปรากฏขึ้นบนนอของอสูรมารเหล่านั้นจากนั้นก็สะบัดหัวแล้วหายวับไปจากที่เดิม

ครู่ต่อมาผิวของกำแพงเมืองอี่เทียนก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้นรัศมีลำแสงสีดำเหล่านั้นกลายเป็นแผ่นลำแสงยักษ์พุ่งออกมาและเปล่งเสียงหึ่งๆ และสับลงมาบนเขตอาคมป้องกันของกำแพงเมือง

เสียง “ครืด” ดังขึ้น!

เมื่อเผชิญหน้ากับม่านลำแสงสีดำเหล่านั้นม่านลำแสงที่สร้างขึ้นจากเขตอาคมเหล่านั้นอ่อนแอราวกับกระดาษทยอยกันถูกฉีกออกอย่างง่ายดายและเปล่งแสงสว่างวาบจมหายไปในกำแพงเมืองเกิดเป็นรอยแยกขนาดยักษ์ความยาวยี่สิบสามสิบจั้ง

มนุษย์ที่อยู่ตรงรอยแยกพอดีกลายเป็นเถ้าถ่านอย่างไร้ซึ่งพลังต้านทาน แม้แต่ฝุ่นควันก็ไม่เหลือ

มนุษย์คนอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงเห็นเช่นนี้ย่อมหน้าเปลี่ยนสีผู้ที่มีพลังมากหน่อยพลันตกใจหมายจะหันกายถอยออกจากกำแพงเมือง แต่ยามนั้นหมอกลำแสงพลันปรากฏขึ้นเหนือคนเหล่านั้นรัศมีลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบลูกแก้วผลึกสีเหลืองขนาดเท่าศีรษะแบ่งตัวออกมาจากด้านใน เปล่งแสงสว่างวาบปล่อยเส้นลำแสงสีเหลืองเป็นสายๆ ออกมา

เส้นลำแสงสีเหลืองเปล่งแสงสว่างวาบเผ่ามนุษย์ที่อยากหลบหนีทยอยกันกบาลแยกเป็นสองส่วนแล้วล้มลงถูกสับสังหารคาที่

“ผู้ที่หนีระหว่างสงครามไม่ฟังคำสั่งก็สังหารเสียให้หมด!” เสียงเย็นเยียบเข้ากระดูกสามเสียงดังก้องไปมาตามจุดต่างๆ ของกำแพงเมืองราวกับน้ำแข็งเย็นยะเยือก

จากนั้นลำแสงสว่างวาบผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อกำเนิดสวมชุดเกราะสีโลหิตปรากฏขึ้นกลางรัศมีลำแสงข้างกายของทุกคนล้วนมีลูกแก้วผลึกสีเหลืองห้าลูกบินวนโคจรไปมาและทุกคนล้วนมีสีหน้าเคร่งขรึมดุจสายธาร!

เมื่อเห็นผู้คุมกฎเหล่านี้ปรากฏตัวเผ่ามนุษย์ที่แต่เดิมเกิดความวุ่นวายและตกตะลึงก็ไม่มีผู้ใดกล้าเสี่ยงอีก ทำได้เพียงพยายามโบกสะบัดอาวุธในมือโจมตีต่อ

ยามนั้นคาดไม่ถึงว่าจะทำให้ม่านลำแสงที่คุ้มครองร่างของอสูรมารระดับสูงสั่นเทาและบีบจนไม่อาจก้าวมาข้างหน้าได้

ในเวลาเดียวกันเสียงบริกรรมคาถาลึกลับก็ดังขึ้นในเมืองเป็นระลอกๆ เขตอาคมสีฟ้าเข้มเปล่งแสงสว่างวาบด้านหลังกำแพงเมืองจากนั้นเสียงฟ้าร้องพลันดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีฟ้าที่ส่งเสียงร้องน่าสะพรึงดีดตัวออกมาและกลายเป็นตาข่ายอัสนียักษ์สองสามร้อยจั้งร่อนลงมาอีกด้านของกำแพงเมือง

เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นอสูรมารระดับสูงและอสูรมารระดับต่ำถูกตาข่ายอัสนีห่อหุ้มเอาไว้จากนั้นก็ระเบิดออก

เมฆอัสนียักษ์สีฟ้าปรากฏขึ้นประจุไฟฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนส่งเสียงร้องออกมา!

ชั่วพริบตาร่างอสูรมารระดับต่ำเหล่านั้นก็ถูกสายฟ้าฉีกออก แม้ว่าลำแสงที่คุ้มครองร่างของอสูรมารระดับสูงจะหนาจนเหมือนของจริงแต่ก็ไม่อาจต้านทานต่อไปได้ อสรพิษสายฟ้าทยอยกันร่วงลงมาบนร่างใหญ่ยักษ์ทำให้อสูรมารระดับสูงร้องคำรามไม่หยุดเนื้อตัวไหม้เกรียม

แต่ความแข็งแกร่งของอสูรมารระดับสูงเหล่านี้ก็น่าตกตะลึงจริงๆ แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้กลับไม่มีตัวใดเพลี่ยงพล้ำการโจมตีนี้ดูเหมือนว่าจะทำให้มันโกรธยิ่งขึ้น

นอบนจมูกของพวกมันโบกสะบัดอย่างต่อเนื่อง คาดไม่ถึงว่าจะปล่อยรัศมีลำแสงสีดำสองสามกลุ่มออกมาแล้วสับลงไปที่กำแพงเมือง

ท่ามกลางเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นในที่สุดกำแพงยักษ์ยี่สิบสามสิบท่อนก็พังทลายลงมาอย่างต้านทานไว้ไม่ไหวแม้กระทั่งมองเห็นกองทัพมนุษย์ผู้บำเพ็ญเพียรที่ยืนเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบอยู่ด้านหลังกำแพงเมือง

มนุษย์เหล่านั้นมีสีหน้าซีดขาวแต่ผู้คุ้มกันด้านหลังกลับยังฝืนประคับประคองเขตอาคมได้

แต่ทางด้านหัวหน้ากองทัพของเผ่ามารกลับหมดความอดทนแล้ว!

เสียงหวีดร้องดังออกมาจากสำเภายักษ์สีดำลำหนึ่ง ด้านในเต็มไปด้วยจิตสังหาร

เผ่ามารที่ขี่อาชามารที่แต่เดิมปรากฏตัวอยู่รอบๆ สำเภายักษ์ได้ยินเช่นนั้นแววตาพลันฉายแววเย็นเยียบกระตุ้นอาชามารรวมตัวกันอย่างเงียบเชียบ

มองจากไกลๆ กลางอากาศราวกับมีฟองคลื่นสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น และบางครั้งก็สร้างเขตอาคมสลับซับซ้อนต่างๆ ออกมาปลดเมืองอี่เทียน

เผ่ามารที่ขี่อาชามารในยามนี้ไม่ว่ามารอสูรด้านล่างหรือตัวเองก็เริ่มแผ่ไอมารสีดำสนิทจำนวนมากออกมา

พริบตานั้นกลางอากาศพลันเป็นสีดำไอมารกลายเป็นมหาสมุทร!

สำเภายักษ์พลันพ่นเสาลำแสงสีม่วงออกมาเป็นสายๆ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายไปที่ร่างของอสูรมารระดับสูงเหล่านั้น

ร่างของอสูรมารที่ได้รับบาดเจ็บไม่น้อยพลันฟื้นฟูกลับมาดังเดิมภายในไม่กี่ชั่วลมหายใจ จากนั้นเสียงหวีดร้องก็เปลี่ยนไปกระตุ้นดวงตาจนแดงฉานรับการโจมตีของเผ่ามนุษย์กว่าครึ่งเอาไว้แล้วพุ่งไปทางช่องโหว่ของกำแพงเมือง

ภายใต้การคุ้มครองของอสูรมารยักษ์เหล่านี้กองทัพอสูรมารระดับต่ำที่แต่เดิมไม่อาจเคลื่อนตัวมาข้างหน้าได้ในที่สุดก็ทลายผนึกการโจมตีระยะไกลของเผ่ามารและเข้าใกล้เมืองอี่เทียนเช่นกัน

ยามนี้การป้องกันสุดท้ายของเมืองอี่เทียนกำลังจะพังทลายลง!

และในยามนี้เองช่องว่างของกำแพงยักษ์เผ่ามนุษย์ก็เปล่งแสงสว่างวาบอย่างต่อเนื่อง กลางอากาศมีมนุษย์ผู้บำเพ็ญเพียรถือจานอาคมและธงอาคมหลากสีสันปรากฏขึ้นพลางโบกสะบัดสิ่งที่อยู่ในมือไปด้านล่างสุดชีวิต

เสียงอึกทึกดังขึ้น!

อิฐยักษ์หลากสีสันขนาดสองสามจั้งร่วงลงมาจากที่สูงราวกับพายุฝนยามนั้นพลันอุดช่องว่างเอาไว้อย่างแน่นหนา