บัญชามังกรเดือด บทที่ 957 ฉันตกลง
หวังหลีพลันกล่าวออกมาด้วยความสุภาพว่า “เข้าพบท่านโหว ข้าน้อยรู้สึกว่า งานแต่งของพี่สาวของผมนั้น นับว่าเป็นเรื่องใหญ่ ถึงแม้จะมีท่านผู้อาวุโสคอยจัดการเรื่องราวให้อยู่แล้ว ทว่า ในยามนี้ยุคสมัยเองก็ได้เปลี่ยนไปแล้วเช่นกันข้าน้อยว่าพวกเราควรจะเคารพการตัดสินใจของเจ้าของเรื่องนี้นะครับ ”
“ในเมื่อพวกเราทุกคนไม่อาจตัดสินใจเรื่องนี้ได้เหตุใดถึงไม่ไปถามตัวเจ้าของเรื่องนี้ นั่นก็คือถามความเห็นของพี่สาวผมเล่า”
หวังหลีพลันหันกลับไปมองเซี่ยหมิงก่อนจะแย้มยิ้มกล่าวออกมาว่า ” ผมคิดว่า หากพี่สาวของผมไม่ยินยอม คุณชายเซี่ยก็คงไม่คิดบังคับขู่เข็ญใช่หรือไม่?”
เซี่ยหมิงค่อย ๆ แย้มยิ้มออกมาอย่างเชื่องช้า “ฉันไม่คิดว่า คุณหนูใหญ่หวังจะไม่เห็นด้วย”
“นอกจากนี้ความรู้สึกนั้น พวกเราสามารถค่อย ๆ สร้างขึ้นมาได้”
ผู้ชายอย่างเขานั้น หากต้องการสตรีแบบไหนหาได้ลำบากยากเย็นไม่ ทว่า เพราะเหตุใดเขาถึงมาสนใจหวังตัวยวี่ได้นั้น ทั้งยังไม่คิดลังเลที่จะมาเอ่ยปากขอแต่งงานด้วยตนเองเช่นนี้อีกด้วย ?
แน่นอนว่า เพื่อผลประโยชน์มหาศาลภายในอนาคตข้างหน้า พูดตรงๆ ก็คือตงไห่
ต่อหน้ากลุ่มของตงไห่กรุ๊ปทั้งหมดนั้น ความสัมพันธ์ส่วนตัวของหนุ่มสาวหาได้สำคัญอันใดไม่
ดังนั้น ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใด เซี่ยหมิงก็จักต้องคว้าหวังตัวยวี่เอามาไว้ในมือของตนเองให้ได้
ทว่า เมื่อหลัวหลี่เอ่ยถามออกมาเช่นนี้ นั่นจึงทำให้เขารู้สึกลำบากใจเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเขาจะมั่นใจในตัวเองมากก็ตาม ทว่าหากเกิดอะไรที่นอกเหนือจากความคาดหมายเล่า?
ในกรณีที่ หวังตัวยวี่กลับปฏิเสธเขาขึ้นมา เขาควรจะทำอย่างไรดี?
ขัดขวางจนตัวตาย บังคับแต่งงาน หรือทำตัวเป็นสุนัขเลียขาดี? เกรงว่าหน้าตาของเขาคงจะดูไม่ดีเท่าใดนักหากทำเช่นนั้น
หวังหลีพลันกล่าวต่อ “สิ่งที่คุณชายเซี่ยพูดก็ถูก”
“ ผมจะมิคิดปิดบังคุณชายเซี่ย แท้จริงแล้ว ก่อนหน้านั้นผมเคยเอ่ยถามความรู้สึกของพี่สาวตนเองมาเช่นกัน นางเคยกล่าวไว้ว่า หากมิได้เห็นหน้าค่าตากันมาก่อน พี่สาวของผมจะมิยอมผลีผลามตกลงแต่งงานเป็นอันขาด ”
“อย่างไรก็ตาม สามารถมาพบเจอเพื่อพูดคุยกันก่อนได้”
เซี่ยหมิงจึงรีบร้อนเอ่ยออกมาในทันทีว่า “ตกลง ฉันเห็นด้วย!”
“ฉันตกลงที่จะรอพบกับคุณหนูหวังก่อน ไม่ว่าการขอแต่งงานในครั้งนี้จะจะสำเร็จหรือไม่ ก็ให้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตาแล้วกัน”
เซี่ยหมิงรู้สึกได้ว่าด้วยรูปร่างหน้าตาและวิธีการของเขานั้นตราบใดที่เขาได้เห็นหวังตัวยวี่เมื่อใด ทุกอย่างหาได้เป็นปัญหาไม่เขาย่อมมีทางทำให้หวังตัวยวี่ตอบรับการแต่งงานในครานี้อย่างแน่นอน
เป็นไปได้ว่า บางทีหวังเหมี่ยนและหวังเจี่ยนเอง อาจจะพยายามขัดขวางเขาทุกวิถีทาง เพราะพวกเขากลัวว่า หวังตัวยวี่จะตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกเห็นก็เป็นได้
ท้ายที่สุดแล้วจะมีสาว ๆ คนไหนบ้างเล่าที่ไม่หลงรักหนุ่มหล่อ? เซี่ยหมิงจึงมีความมั่นใจมากเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของตัวเอง
หากวิธีนี้ไม่ได้จริง ๆ เขาย่อมวิธีอื่น
หวังหลีแย้มยิ้มกล่าวออกมา “คุณชายเซี่ยอย่าร้อนใจไป ผมจะต้องไปขออนุญาตจากพี่สาวของตัวเองก่อน ถึงจะสามารถพาคุณไปพบกับเธอได้ ”
จากนั้น หวังหลีพลันหันกลับมาส่งยิ้มหวานให้กับหวังเหมี่ยนอีกครั้ง “ท่านโหว คิดเห็นเช่นไรครับ?”
“หากว่าพี่สาวของผมชมชอบคุณชายเซี่ยจริง ๆ เช่นนั้นมันก็ไร้ประโยชน์ที่จะขัดขวางเธอ”
“หากพี่สาวของผมไม่ชอบจริง ๆ ก็จะไม่ถือโทษว่าพวกเราทำการขัดขวางและทำลายความสัมพันธ์อันดีของเขาเช่นกัน”
“ในอดีต ตระกูลตงไห่และตระกูลเซี่ยเอง เสมือนกับน้ำบ่อที่มิยุ่งกับน้ำโคลน แต่ในอนาคตข้างหน้า พวกเรายังสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขได้”
หวางเหมี่ยนเพียงขมวดคิ้วมิได้เอ่ยอันใดออก
คำพูดคำจาที่รู้จักผิดชอบชั่วดีเช่นนี้ ทำเอาทุกคนที่อยู่ภายในที่เกิดเหตุ พลันรู้สึกว่าคำแนะนำของ หวังหลีก็ดูสมเหตุสมผลไม่น้อย หวังตัวยวี่เองก็เป็นคนใหญ่คนโตของตงไห่เช่นกัน ดังนั้นเรื่องของนางจึงนับว่าเป็นเรื่องใหญ่ ที่ไม่มีใครสามารถไปจัดการชีวิตแทนเธอได้
มิเช่นนั้นจะดูเป็นการไม่เห็นแก่หน้าของเธอ
“ท่านโหว ผมคิดว่าความคิดของหวังหลีเองก็ดูใช้ได้ไม่น้อยเลย ”
“ผมเองก็รู้สึกว่า คุณหนูใหญ่จักรู้จักตนเองมากพอ ”หวังเจี่ยนพลันกล่าวออกมา
หวังเหมี่ยนครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง พลางคิดว่ามันสมเหตุสมผลดี ด้วยลักษณะนิสัยของหวังตัวยวี่นั้น นางย่อมไม่ตกหลุมรักใครง่าย ๆ แน่?
แม้แต่ตัวของเธอ หวังตัวยวี่พยายามที่จะเสาะหาคู่ครองของเธอมานานแล้วเช่นกัน ทว่า ผู้ชายธรรมดาในใต้หล้านั้น หากได้เข้าตาเธอไม่ มิเช่นนั้นชั่วชีวิตของเธอคงมิอาจแต่งออกไปได้แน่
หากเป็นหวังตัวยวี่เอ่ยปากปฏิเสธออกมาด้วยตนเองแล้วละก็ เขาเชื่อว่าเซี่ยหมิงเองคงมิอาจดื้อรั้นต่อไปได้อีก
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หวังเหมี่ยนพลันพยักหน้าออกมาอย่างยอมรับ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หวังหลี นายไปสอบถามความคิดเห็นของพี่สาวตัวเองเสีย”
“ไปบอกคุณหนูใหญ่ด้วยว่าคนในตงไห่เองจะไม่ยอมบังคับให้นางทำสิ่งที่ไม่ชอบใจหรือไม่ต้องการเป็นอันขาดให้นางปล่อยวางลง ผู้ใดก็ไม่อาจมาบีบบังคับคุณหนูใหญ่ให้เลือก”
“มิฉะนั้น คนของตงไห่เองย่อมไม่มีวันนึกเห็นด้วย ไม่ว่าตงไห่จะต้องถูกทำลายลง พวกเราก็จะปกป้องคุณหนูใหญ่เช่นนางเอาไว้ให้ได้ ”
การกล่าวเช่นนี้ เสมือนกับเป็นการระบายอารมณ์โกรธแทนหวังตัวยวี่ เป็นกำลังใจให้หวังตัวยวี่
“ตกลงครับท่านโหว ผมจะไปรีบไปจัดการในทันที” หวังหลีรับคำสั่งด้วยท่าทีสุภาพ พร้อมกับรีบเดินหันหลังออกไปในทันที
ทุกคนพลันหันมามองหน้ากัน จู่ ๆ บรรยากาศโดยรอบพลันเงียบงันไปในทันที
พลันเข้าสู่บรรยากาศที่ตึงเครียดไปในทันใด
ทว่าในครานี้ ทุกคนหาได้พูดคุยหารือกันไม่ ล้วนแต่ตั้งหน้าตั้งตาใจจดใจจ่อกับผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น
สตรีที่เย่อหยิ่งและเอาแต่ใจเช่นคุณหนูใหญ่นั้น จักยินยอมตกปากรับคำแต่งให้กับเซี่ยหมิงหรือไม่?
“น่าแปลกจัง เหตุใดวันนี้คุณหนูใหญ่ถึงไม่ออกมาเลยเล่า”
“หากว่ากันตามจริงแล้ว หากนางรู้ว่ามีคนมาร้องขอแต่งงานเช่นนี้ ย่อมรีบพุ่งตัวมาพังงานแล้วมิใช่หรือ ” ด้านนอกประตูนั้น หูเถิงพลันอดมิได้ที่จะเอ่ยพึมพำออกมา
ฉินเทียนเองก็รู้สึกแปลก ๆ ไปเล็กน้อย เขาที่พอจะคาดเดานิสัยของหวังตัวยวี่ได้นั้น นางไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่เหนียมอายและไม่ยินยอมปรากฏตัวออกมา โดยปล่อยให้คนอื่นตัดสินเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของตัวเองไม่
…
หวังหลีที่เดินออกมาจากห้องประชุมนั้น พลันก้มหน้าลงและรีบร้อนเดินไปที่ด้านหลังของภูเขา จากนั้นก็เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาไปมา ในที่สุด เขาก็เดินมาถึงลานตำหนักเล็ก ๆ ที่สวยงามในทันที
หากมองมาจากระยะไกลนั้น ด้านนอกลานพลันมีกลุ่มของกองทัพอิสตรีคอยยืนคุ้มกันอย่างกล้าหาญอยู่
“พวกพี่สาวทำงานหนักมากแล้ว พี่ใหญ่อยู่หรือไม่? ผมมีเรื่องสำคัญที่ต้องการจะพูดคุยและรายงานเธอ ”
จู่ ๆ หวังลี่ก็ดูเหมือนคล้ายจะกลายเป็นคนละคนในทันที ริมฝีปากของเขาดูหวานปานน้ำผึ้ง ด้วยรอยยิ้มที่เปรอะเปื้อนบนใบหน้าของเขานั้น ทำให้เขาดูเหมือนน้องชายคนเล็กที่น่ารักน่าเอ็นดูไปในทันที
หู่เหนียงพลันตกคอกออกมาอย่างเย็นชา “ผู้ชายคนนั้นกล้าบุกมาขอแต่งงานจริง ๆ งั้นหรือ ? ทำไมเขาถึงไม่จมน้ำซะเล่า!”
หืม?
หวังหลีพลันตกตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่ง คุณเคยเห็นนายน้อยเซี่ยมาก่อนงั้นหรือ?”
หู่เหนียงพลันตอบกลับมาด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ “ก็แค่รูปลักษณ์ภายนอกงดงามแต่ภายในกลับเน่าเฟะ รกหูรกตาฉันจริง ๆ ”
“นายมาได้ทันเวลาพอดีเลย เข้าไปดูคุณหนูใหญ่เถอะ ตั้งแต่กลับมานั้น ดูเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตลอดเวลาคล้ายกับคนโดนของก็ไม่ปาน ”
หวังหลีพลันตกอกตกใจไปในทัน พลางรีบวิ่งเข้าไปภายในตำหนัก พลางเคาะประตูเบาๆ
“พี่สาว นี่ผมเอง”
“พี่โอเคไหม?”
บรรยากาศภายในห้องเงียบมาก ไม่มีเสียงอันใดเล็ดลอดออกมาเลยแม้แต่น้อยๆ ความตื่นตระหนกพลันปรากฏขึ้นในดวงตาของหวังหลีในทันที คงไม่ได้มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับหวังตัวยวี่ใช่หรือไม่?
เขาจักต้องพาตัวหวังตัวยวี่ไปพบกับเซี่ยหมิงให้ได้ เนื่องจากเขารู้ดีว่า หากถึงคราวนั้นเซี่ยหมิงจะต้องมีวิธีมัดใจให้หวังตัวยวี่ยินยอมตกลงอย่างแน่นอน
นี่นับเป็นก้าวที่สำคัญมาก ๆ ทั้งยังเกี่ยวข้องกับแผนการอันยิ่งใหญ่ของเขาอีกด้วย
“พี่ ที่ฉันเล่าเรื่องเมื่อวานนี้ให้พี่ฟังไง ผมคิดว่า เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เอาการ กระทำการต้องระวัง แต่ก็ไม่สามารถตอกตะปูที่เดียวให้ตายได้”
“อย่างน้อย ผมก็คิดว่าเซี่ยหมิงเป็นคนที่ดีคนหนึ่ง เช่นนั้น ให้ผมพาเขามาพบหน้ากับพี่ไหม ให้พี่ได้เห็นหน้าค่าตาเขาหน่อย ได้พูดคุยกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ?”
คราวนี้ เป็นเสียงของหวังตัวยวี่ที่ดังออกมาจากในห้อง
“อยากเจอฉันเหรอ? นายไปบอกเขาซะ ฝันไปเถอะ!”
“พี่!” หวังหลีพลันทุบไปที่ประตูด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปไปในทันที ในตอนที่เขาต้องการจะเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งนั้น ก็พลันได้ยินเสียงหวังตัวยวี่หัวเราะดังออกมาจากใจห้อง
“พอแล้ว มีอะไรให้ต้องมาเห็นหน้ากัน โอกาสในคราหน้ายังมีอีกเยอะ”
“หวังหลี หวางเหมี่ยนและหวังเจี่ยนคุณลุงทั้งสองกำลังกดดันเขาใช่?”
“ราชาเปี้ยนหมายความว่าอย่างไรกัน?”
หวังหลียิ่งสับสนมากขึ้นไปอีก พลางเอ่ยขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวว่า “ใช่ จินยีโหวและราชาจั่วเจียนไม่เห็นด้วย พวกเขาเกือบจะทะเลาะกันขึ้นมาแล้ว”
“ราชาเปี้ยนยังคงยืนกรานที่จะเอ่ยถึงการแต่งงาน…”
หวังหลีรู้ดีว่า หวังตัวยวี่มีอคติกับราชาเปี้ยนเป็นอย่างมาก ทั้งยังกลัวว่านางจะโมโหเพราะเหตุนี้ ดังนั้นหวังหลีจึงรีบอธิบายออกมาว่า “ผมคิดว่าราชาเปี้ยนหวังดีกับพี่นะ พี่ พี่อย่าตำหนิเขาเลย”
หวังตัวยวี่พลันหัวเราะก่อนจะเอ่ยออกมาว่า “ในที่สุด ตาเฒ่านั่น ก็ได้ทำเรื่องดี ๆ เสียที ”
“เอาเถอะ พี่ไม่ได้เป็นคนของคุณยายหรือของแม้เสียหน่อย นายไปบอกคุณลุงหวังเหมี่ยนและหวังเจี่ยนทั้งสองคนซะ ฉันรับรู้ในความหวังดีของทั้งสองคนแล้ว และขอบคุณพวกเขามากๆ”
“แต่นี่เป็นเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของฉัน และฉันต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง ฉันไม่สนใจเรื่องผลประโยชน์ใดๆ ในทางโลกทั้งนั้น ฉันแค่ตกหลุมรักเขา”
หวังหลีผงะไปครู่หนึ่ง “พี่สาว พี่ไปตกหลุมรักใครกัน?”
หวังตัวยวี่พลันแย้มยิ้มเอ่ยออกมา “ก็คนที่มาขอแต่งงานยังไงล่ะ”
“นายเอาเรื่องนี้ไปรายงานเถอะ นี่คือสิ่งที่ฉันจะต้องการ หากจัดการตกลงเรื่องงานหมั้นแล้ว ก็หาเลือกวันฤกษ์ดี ๆ มาสู่ขอแต่งงานกับฉันซะ”