TB:บทที่ 272 เยี่ยมเยือนครอบครัวคง 2

 

“ดูเหมือนว่าพลังของคุณจะไม่ได้อะไรเท่าไหร่นะ” มุมปากของเฉินหลงเผยยิ้มเหยียดหยาม “เอาล่ะ ผมจะให้โอกาสคุณอีกรอบ ไม่ว่าคุณจะใช้กระบวนท่าใด ผมจะใช้แค่ท่าเดียว หากว่าคุณทำอะไรผมได้ เราก็ลืมเรื่องที่บาดหมางกันไป แต่หากว่าคุณทำอะไรผมไม่ได้ คุณก็ต้องทำเหมือนตาแก่ซ่ง”

 

“ท่านปู่ อย่าไปรับคำเขานะ” ในตอนนั้น ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าเหมือนคงหวันเต๋าโผล่ออกมาและกล่าวกับคงหวันเต๋า

ชายวัยกลางคนคนนี้เป็นผู้นำของสกุลคง ชื่อว่าคงจินเจิ้ง เขาเป็นหลานคนหนึ่งของคงหวันเต๋า

“ตาแก่คง คุณคงไม่ได้กลัวจริงๆนะ คุณไล่ฆ่าผมเมื่อสองปีก่อน แต่ตอนนี้คุณทำไม่ได้แล้ว” เฉินหลงมองคงหวันเต๋า

“ท่านปู่ อย่าไปฟังเขา” คงจินเจิ้ง เป็นกังวล

“ตาแก่คง เขายังเด็กไป คุณไม่ได้สอนเด็กนั่นหรือว่าไม่ควรมาขัดตอนผู้ใหญ่คุยกัน” เฉินหลงปรายตามองคงจินเจิ้งแล้วเขาจึงมองคงหวันเต๋า

 

“จินเจิ้ง ที่นี่ไม่มีที่ให้นายพูด โปรดกลับไปเสีย” คงหวันเต๋าตำหนิคงจินเจิ้ง ด้วยใบหน้าอันบิดเบี้ยว

บางทีในเวลาปกติคงหวันเต๋าคงชอบคงจินเจิ้งอย่างมาก คงจินเจิ้ง กำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมาตอนที่เขาได้ยินคำกล่าวว่าของคงหวันเต๋า

 

“กลับไปเสีย”

ในทันทีที่คงหวันเต๋าเก็บมีดของเขา เขาโจมตีคงจินเจิ้ง  ทำให้เขากระเด็นเข้าไปในห้อง

คงหวันเต๋าเป็นคนที่ควบคุมแบบวางอำนาจบาตรใหญ่ เฉินหลงชูนิ้วโป้งให้เขาอย่างตั้งใจและกล่าวไปว่า

“เป็นครั้งแรกเลยนะครับเนี่ยที่ได้เห็นบทเรียนสอนคนรุ่นใหม่แบบนี้”

เมื่อเฉินหลงล้อเลียนเช่นนี้ คงหวันเต๋าจึงจ้องมองห้องที่คงจินเจิ้งกระเด็นเข้าไป หากว่านี่ไม่ใช่หลานเขา เขาคงขำใส่เฉินหลงไปแล้ว

“ถ้าเช่นนั้น คุณคิดได้หรือยังละ” เฉินหลงมองคงหวันเต๋าอย่างจริงจัง

“เอาล่ะ ฉันรับคำของนาย” คงหวันเต๋าครุ่นคิดก่อนจะตอบตกลงไป

 

“เช่นนั้นก็ทำอะไรสักอย่างสิ” เฉินหลงมองคงหวันเต๋าด้วยความใจเย็น

คงหวันเต๋าไม่พูดเรื่อยเปื่อยต่อไปแล้ว เขาฟันดาบไปข้างหน้าตรงๆ

มีดเล่มหนึ่ง ดาบหมื่นดาบ เงาดาบอันนับไม่ถ้วน ฟันไปทางเฉินหลง

จุดที่แข็งแกร่งของกระบวนท่านี้คือเงาดาบ ที่ดูเหมือนว่าจะมีเงาเสมือนอยู่ เงาเหล่านั้นมีความแข็งแกร่งจริงอยู่ด้วย หากคิดว่าเงาพวกนั้นเป็นเงาเสมือนจริงที่แค่หลอกตาแล้วละก็ เป็นความคิดที่ผิดมหันต์

 

อย่างไรก็ตาม เฉินหลงไม่ได้สนใจว่าเงานั่นจะเป็นเงาแสมือนหรือเงาจริง ไม่สนว่าจะเป็นมีดเล่มหนึ่งหรือเป็นมีดหนึ่งพันเล่ม เฉินหลงทำลายท่านั้นด้วยกระบวนท่าเดียว

“ครกทุบกระหน่ำ”

ในทันทีที่เขาใช้กระบวนท่านั้น ดาบทั้งหมดก็หักไปทันที

มีดนรกตัดลงไปที่มีดของคงหวันเต๋า

พลังของกระบวนท่านี้ช่างเกินทานทน ไม่ว่ากระบวนท่านั้นจะเป็นกระบวนท่าใด แต่กระบวนท่านั้นก็โดนทำลายไปได้ด้วยพละกำลัง นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเฉินหลงจึงโอ้อวดและใช้เพียงกระบวนท่า “ครกทุบกระหน่ำ”

กระบวนท่านั้นทำให้คงหวันเต๋าถอยกลับไปสองก้าว

 

“เอาเลย”

เฉินหลงกระดิกนิ้วท้าทายคงหวันเต๋า

“ฉับ”

คงหวันเต๋าถือมีดขึ้นเหนือหัวและใช้แรงฟันไปข้างหน้า คมมีดฉีใบใหญ่ตัดผ่านเฉินหลง ความรุนแรงของฉีเต๋าคล้ายกับเป็นมนุษย์ที่กัดกินอสูร เขาต้องการจะกลืนกินเฉินหลงไป

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อฉีเต๋ากำลังจะกลืนเฉินหลง มีดเล่มหนึ่งพลันปรากฏขึ้นมาและตัดพลังนั่นเป็นชิ้นๆ

 

หลังจากนั้น เขาก็ฟาดฟันไปเรื่อยๆจนถึงตัวคงหวันเต๋า

คงหวันเต๋าทำได้เพียงยกมีดของเขาขึ้นอีกครั้งเพื่อป้องกัน

ดังนั้นเฉินหลงจึงฟาดกันเขาจนถอยกลับไปสองก้าว

เขาต่อสู้ไปอย่างหนักทว่าโดนเฉินหลงฟันจนต้องถอยกลับหลังสองก้าว

พยายามดีนี่ เฉินหลงฟันไปอีกสองก้าวอีกครั้ง

 

ไม่ว่าจะคงหวันเต๋าจะใช้กระบวนท่าใด เฉินหลงก็ทำลายกระบวนท่าของเขาไปได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียว นั่นคือ “ครกทุบกระหน่ำ” ที่ทำคงหวันเต๋าต้องถอยไปอีกสองก้าว

เขายิ่งถอยไปข้างหลังมากเท่าไหร่ ใบหน้าของคงหวันเต๋ายิ่งโกรธจัดมากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าเขาจะใช้กระบวนท่าใดเฉินหลงก็ทำลายท่าของเขาได้ด้วยกระบวนท่านั้น แล้วเขาก็ถอยกลับไปอีก นี่ช่างน่าอัปยศ นี่คือการโดนตบหน้าด้วยมือเปล่า

 

เขามีค่าในสายตาเฉินหลงหรือไม่

ในตอนนั้นเองที่ดูเหมือนว่าเขาจะเห็นได้ถึงความน่าผิดหวังของสกุลคง

และขณะเดียวกัน ความมั่นใจของคงหวันเต๋าที่ก่อขึ้นมาอย่างยาวนานได้พังลงไปจากความพยายามของเฉินหลง เขาเริ่มจะสูญเสียความมั่นใจในพละกำลังของเขา เขายิ่งถอยหลังอย่างพ่ายแพ้ไปอีกเรื่อยๆ ตอนแรกสามก้าว ต่อมาแปดก้าว แล้วก็เป็นสิบก้าว

 

คนคนหนึ่งที่เผชิญหน้ากับเฉินหลงเกือบจะโดนมีดฟันกลับมา

เวลานี้ เฉินหลงรู้แล้วว่าความมั่นใจของคงหวันเต๋าโดนเขาทำลายไปหมดแล้ว เขาจึงไม่ต้องรับมือกับกระบวนท่าใดอีก

“คงหวันเต๋า คุณแพ้แล้ว ได้เวลาทำอย่างที่คุณรับปากแล้วครับ” เฉินหลงกล่าวกับคงหวันเต๋าหลังจากที่ได้ยินคำของเฉินหลง คงหวันเต๋าก็นิ่งไป ใช่แล้ว เฉินหลงไม่ได้ทำร้ายตัวเขาเลย แต่เขาแพ้แล้ว

เมื่อนึกถึงคงหวันเต๋าแล้ว เขายกฝ่ามือขึ้นและเตรียมจะทำสิ่งเดียวกับที่ซ่งจิวเทียนทำ

 

“ไม่นะ ท่านปู่ ท่านเป็นเสาหลักของสกุลคง ท่านทำเช่นนั้นไม่ได้” เมื่อเห็นว่าคงหวันเต๋าเตรียมพร้อมจะทิ้งสิ่งที่ตนพยายามมา คงจินเจิ้งวิ่งออกไปและคุกเข่าบนพื้น เผชิญหน้ากับคงหวันเต๋า

เหตุผลที่ว่าทำไมตระกูลเก่าแก่ทั้งสี่เป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่เนื่องจากแต่ละครอบครัวต่างมีผู้ที่แข็งแกร่งใน “หลอมรวมธรรมชาติ” ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงสามารถจะเป็นสกุลใหญ่ทั้งสี่ได้ หากว่าผู้ที่มีพลังระดับ “หลอมรวมธรรมชาติ” ตายไปหรือละทิ้งพลังที่สั่งสมมา ตระกูลเขาจะโดนแทนที่ด้วยตระกูลอื่น

 

ดังนั้นแล้วเมื่อเขาเห็นว่าคงหวันเต๋าจะต้องละทิ้งพลังที่สั่งสมมา คงจินเจิ้งจึงเดินออกมาและคุกเข่าต่อหน้าคงหวันเต๋า

“ใช่แล้ว ฉันเป็นเสาหลักของสกุลคง ฉันไม่มีอะไรที่เสียไปหรืออะไรที่จะเสีย และเพื่อสกุลคงเอง ฉันจะสู้ต่อไป” เมื่อได้ยินคำของคงจินเจิ้ง คงหวันเต๋าที่สับสนเล็กน้อย ลุกขึ้นมาและในเวลาเดียวกันเขาลดมือของเขาลง

 

“เฉินหลง ฉันยังไม่แพ้ มาอีกรอบสิ” คงหวันเต๋าชี้มีดในมือไปทางเฉินหลง

“คุณยอมรับความพ่ายแพ้เสียเถิด ละทิ้งความหยิ่งทะนงไป และทิ้งพลังที่สั่งสมมา แต่คุณไม่ต้องทำก็ได้ ผมจะทำจะทำอย่างที่ว่าไปเอง” เขาเห็นว่าคงหวันเต๋ายังคงจะสู้ต่อ ด้วยเหตุผลบางอย่างเฉินหลงไม่ชอบใจนัก

สิ้นคำ มีดนรกของเฉินหลงกลายเป็น “ไม้เท้าแห่งพลัง” เขาโยนไม้เท้าอันหนึ่งไปให้คงหวันเต๋า

เมื่อเห็นว่ามีดในมือเฉินหลงพลันเปลี่ยนเป็นไม้เท้าที่เอาชนะซ่งจิวเทียนมาแล้ว คนทั้งสี่จึงตื่นเต้นขึ้นมาเนื่องจากสิ่งที่พวกเขารออยู่กำลังจะมาถึงจุดจบ

 

“ปัง”

ไม้เท้าอันแรกของเฉินหลงพังมีดของคงหวันเต๋า แล้วจึงทุบหลังของเขา เขาทุ่มทั้งร่างของคงหวันเต๋าลงพื้น กระดูกหลายท่อนหัก เลือดท่วมปาก เลือดบ้วนออกมาจากปากของคงหวันเต๋า หากตัดสินจากอาการบาดเจ็บแล้ว เขาบาดเจ็บมากกว่าซ่งจิวเทียน

ในตอนนั้นเอง คงหวันเต๋ามองเฉินหลงด้วยความประหลาดใจอย่างที่สุด

สายตานั้นปรากฏในสายตาของซ่งจิวเทียนเช่นกัน

คงจินเจิ้งที่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่อาจจะทำความเข้าใจได้ จู่ๆสมองของเขาก็ไม่ตอบสนองอะไร

เขาเห็นไม้เท้าของเฉินหลงอีกครั้ง พวกของเต๋ากวงหานทั้งสี่ต่างตื่นเต้น

“ดังที่ว่าไป ผมอยากให้คุณจัดการพลังที่สั่งสมมาดีๆ ทำไมคุณไม่ฟังผมและทำให้ผมต้องทำอะไรเช่นนี้ละ ทำไมกันพี่ชาย” เฉินหลงมองคงหวันเต๋าด้วยสีหน้าอับจนหนทาง