TB:บทที่ 273 การเกิดเป็นหมู่

 

“นาย นายชนะ ไม่เลย ฉันไม่ได้คาดว่านายจะมีพลังเช่นนี้ แค่ก พลังที่พัฒนามาแข็งแกร่งขนาดนี้ ดูเหมือนว่าสิ่งที่นายพูดจะจริง ตาแก่ซ่งคงแพ้อย่างน่าสังเวช” คงหวันเต๋าว่า เลือดพุ่งออกจากปากเขา

“คุณไม่เก่งกาจพอจะละทิ้งตัวเองหรอก ผมจะช่วยเอง” สิ้นคำ เฉินหลงหยิบ “ไม้เท้าแห่งพลัง” ขึ้นมาและทุบลงไปบนร่างของคงหวันเต๋าไม่กี่ครั้ง

เฉินหลงมีความรู้ที่แน่ชัดเกี่ยวกับร่างกายมนุษย์ การจะกำจัดพลังที่คนคนหนึ่งมีจะต้องทุบลงไปไม่กี่จุด

หลังจากนั้น ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับคงหวันเต๋าก็เป็นเช่นเดียวกับซ่งจิวเทียน

 

“เอาล่ะ เรียบร้อย” ว่าจบเฉินหลงหันและเดินออกไปข้างนอก ในตอนที่เขากำลังจะออกนอกประตูนั่นเอง เขาพลันหันกลับมาและกล่าวว่า “จะว่าไป หากว่าคุณต้องการแก้แค้น ผมยินดีต้อนรับเสมอนะครับ”

กล่าวแล้ว เฉินหลงก็ยิ้มและออกไปกับเต๋ากวงหาน

เมื่อเฉินหลงไปแล้ว คงจินเจิ้งก็แสดงท่าทีตอบโต้ทันที เขาวิ่งไปหาคงหวันเต๋าและยกตัวคงหวันเต๋าขึ้นมา เขากล่าวอย่างเป็นกังวลว่า “ท่านเป็นอะไรไป ท่านปู่”

 

“ถ้าในตอนนี้ ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น” คงหวันเต๋าว่าด้วยความยากลำบาก

หลังจากกล่าวไป ใบหน้าของเขาประดับด้วยยิ้มแห้งๆ เนื่องจากเขารู้สึกว่าเฉินหลงลบพลังที่เขาสั่งสมมาไปหมดแล้ว

“ท่านปู่ หรือว่าผมจะไปบ้านเขาและจัดการเพื่อตระกูลดีครับ” เมื่อคงจินเจิ้งได้ยินเรื่องที่ว่าปู่ของเขาใช้พลังไม่ได้แล้ว สายตาเขาพลันเปลี่ยนเป็นเกลียดชัง

“ไม่ ไม่มีทาง จินเจิ้ง โปรดจดจำฉันจากวันนี้ไป ฉันจะไม่อนุญาตให้ใครไปหาเฉินหลงหรือใครที่เกี่ยวข้องกับเขา ได้ยินที่ว่าไหม” เขาได้ฟังที่คงจินเจิ้งกล่าวแล้ว เขาก็ต้องการจะไปหาเรื่องกับครอบครัวของเฉินหลง คงหวันเต๋าเลยรีบกล่าวไป

 

ครั้งล่าสุดที่เขาและซ่งจิวเทียนอยากจะกำจัดเขา แต่เมื่อเขากลับมา พวกเขาก็โดนจัดการเสียจนทำอะไรอีกไม่ได้ หากว่าคงจินเจิ้งจะกล้าไปหาครอบครัวเขาจริงๆ ทั้งสกุลคงจะต้องโดนเฉินหลงทำลาย เขาเลยปล่อยให้เกิดขึ้นไม่ได้

“แล้วเราจะต้องกล้ำกลืนไปหรือ” คงจินเจิ้งคิด

 

หากเขาจะไปหาเรื่องจริงๆ ตัวเฉินหลงนั้นแข็งแกร่ง ทว่าครอบครัวของเขาก็ธรรมดาทั่วไป หากว่าเขาอยากจะทำอะไรกับพวกเขาแล้ว จะเหมือนกับว่าเขาใช้นิ้วทั้งสองบีบเปลือกหอยทาก

 

“กล้ำกลืนไปซะ เว้นเสียแต่ว่าจะมีใครในสกุลคงของเราที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นได้แล้ว เราทำได้เพียงกล้ำกลืนมันไปก่อน อีกทั้งพลังที่เราสั่งสมมาจะไม่โดนทิ้งไปด้วย เพราะฉันคงปกป้องนายไม่ได้แล้ว” คงหวันเต๋าคิดเรื่องนั้นครู่หนึ่ง ทว่าเขายังไม่ลืมเล่าเรื่องที่ว่าพลังที่เขาได้หายไปแล้ว เนื่องจากว่าเขาเกรงกลัวจริงๆว่าคนรุ่นใหม่ในครอบครัวเขาจะไปก่อปัญหาที่ไม่ควรให้ตระกูลเข้า

 

เขาได้ยินเรื่องที่พลังของคงหวันเต๋าได้หายไปแล้ว คงจินเจิ้งก็นิ่งอึ้งไป ในตอนนั้นเองที่เขารู้สึกเหมือนเขาร่วงหล่นลงจากฟ้า

ในอดีตตอนที่เขาเป็นหัวหน้าของตระกูล เขาไม่จำเป็นต้องกลัวสิ่งใดเลย เนื่องจากว่าปู่ของเขาอยู่ด้วย เขาไม่เคยต้องกลัวผลจากสิ่งที่เขาทำ เนื่องจากเขารู้ว่าแม้เขาจะทำอะไรผิดไป เขายังมีปู่ของเขามาช่วยเขาไว้

 

แต่อย่างไรเสีย ในตอนนี้ ปู่ของเขาสูญเสียพลังไปแล้ว นั่นหมายความว่าจะไม่มีใครมีอำนาจพอมาเก็บกวาดสิ่งที่เขาทำ แล้ววันนี้เขาควรจะทำอย่างไรต่อ

มีความหวั่นกลัวบนสีหน้าของเขาเมื่อคิดเรื่องนี้ สำหรับคนคนหนึ่งที่ได้ไปแก้แค้นกับครอบครัวเฉินหลงแล้ว เขาคงหายไปในกลีบเมฆ

 

“จินเจิ้ง นายคิดอะไรอยู่” เขาเห็นสีหน้าของคงจินเจิ้งแล้ว คงหวันเต๋าจึงถามออกมา

คงหวันเต๋า เข้าใจหลานชายที่ชัดเจนที่สุด เขามักหงุดหงิดอย่างมาก

ยามมีคนแข็งแกร่งอยู่เบื้องหลัง เขาทำได้ทุกอย่าง แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้วแต่อย่างไรก็แล้วแต่ เขาก็ยังเป็นหลานชายของเขาเองอยู่ดี

 

“ท่านปู่ ผมจะไม่ไปหาครอบครัวของเฉินหลงเพื่อแก้แค้น แต่ท่านอยากจะให้เราทำสิ่งใดกันเล่า แต่ผมจะทำอย่างที่ท่านอยากให้ทำ” คงจินเจิ้งว่าอย่างว่านอนสอนง่าย แล้วเขาจึงถามคำแนะนำจากคงหวันเต๋า

 

“สิ่งอื่นที่นายทำได้ ในตอนนี้มีเพียงคืนตำแหน่งของสกุลใหญ่ทั้งสี่ไป จากนั้นก็ฝึกหนักและไม่ปล่อยให้ใครกลืนกินสกุลคง” คงหวันเต๋าว่า

“ได้ครับ” คงจินเจิ้งตอบอย่างสัตย์จริง

หลังเขาออกจากคฤหาสน์คงจื้อแล้ว เขากลับไปยังคฤหาสน์ของเขาและพาพวกเขากลับห้อง

“คุณต้องการจะผ่านพ้นไปยังพลังระดับกำเนิดนี้หรือ” เฉินหลงมองวู่ซ่ง เจิ้งเลี้ยงและซิงฮาน

วู่ซ่งและคนทั้งสามพร้อมใจไปยังสกุลซ่งและสกุลคงพร้อมกับเฉินหลงในวันนี้ พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาไม่ได้มีปัญหากับกับการติดตามเฉินหลง  เฉินหลงจึงให้โอกาสกับพวกเขา วู่ซ่งมองตากันและกัน แล้วจึงพยักหน้า

 

“เช่นนั้น ผมจะให้ของเช่นนั้นกับคุณ” เฉินหลงกล่าว แล้วเขาจึงหยิบ “หินแห่งแสง” อีกสามชิ้นขึ้นมาถือในมือ “หากว่าคุณกลืนสิ่งนี้ลงไป คุณจะสามารถข้ามพ้นพลังไปยังระดับกำเนิดได้ แน่นอนว่าคุณเลือกจะไม่กลืนลงไปก็ได้ แต่มีโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียว หากว่าไม่คว้าไว้ ก็แล้วแต่คุณครับ”

 

ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เฉินหลงยื่นมือขวาที่มี “หินแห่งแสง” ทั้งสามก้อนออกมาให้วู่ซ่ง เจิ้งเลี้ยง และซิงฮาน

ซิงฮานหยิบ “หินแห่งแสง” ขึ้นมาชิ้นหนึ่งจากมือของเฉินหลง หลังจากคิดไปสองวินาทีเขาโยนหินนั้นเข้าปากไป

เขาเห็นว่าซิงฮานกลืนหินแห่งแสงเข้าไปแล้ว เจิ้งเลี้ยงและวู่ซ่งหยิบหินแห่งแสงจากมือเฉินหลงและโยนเข้าปากด้วย

จากนั้นไม่นาน ดักแด้สามตัวก็ปรากฏขึ้นในห้องนั้น

“เจ้านาย พลังพวกเขาจะผ่านพ้นไประดับกำเนิดได้จริงๆหรือ” หลังจากที่มองดูคนทั้งสามกลายเป็นดักแด้แล้ว เต๋ากวงหานถามอย่างสงสัย เขารู้ว่าการจะผ่านพ้นระดับกำเนิดนั้นยากเพียงไร เขาจึงสงสัยใคร่รู้

 

“แน่นอนสิ พวกเขาไม่ใช่คนกลุ่มแรกที่กลืนหินแห่งแสงเข้าไปนะ คนพวกนี้กลืน “หินแห่งแสง” ต่อหน้าเขา โดยที่ไม่คาดหวังว่าพลังจะผ่านพ้นไประดับกำเนิด” เฉินหลงยิ้มอย่างมั่นใจ

 

เขาฟังที่เฉินหลงว่าแล้ว เต๋ากวงหานไม่ถามอะไรต่ออีก ทว่าเขาก็มองดักแด้แสงทั้งสามอย่างระแวดระวัง

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ดักแด้แสงทั้งสามได้รวมเป็นหนึ่งกับส่วนประกอบของร่างกาย

และเมื่อเขาเห็นพวกนี้แล้ว แม้ว่าจะไม่ได้เตรียมตัวไว้แต่เต๋ากวงหานก็อึ้งไปเช่นกัน คนทั้งสามไปผ่านพ้นไปยังพลังระดับกำเนิดแล้วจริงๆ ระดับพลังที่เขาต้องพยายามอย่างมากเพื่อให้ผ่านพ้นไประดับนี้

 

เมื่อคิดว่าซิงฮานและพวกเขาอีกสามคนผ่านพ้นระดับไปกำเนิดได้อย่างง่ายดายแล้ว ใจของเต๋ากวงหานรู้สึกได้ถึงความไม่ยุติธรรมที่ท่วมท้นออกมา

“นี่คือระดับกำเนิดหรือ” เขารู้สึกถึงสภาพพลังของธรรมชาติ ซิงฮานและคนทั้งสามต่างคิดอย่างเดียวกัน

หลังจากนั้น ใบหน้าของพวกเขาทั้งสามมีความประหลาดใจมากขึ้นและตื่นเต้นมากขึ้นด้วย

“เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม ไปเลย ทั้งสามคน อย่าลืมนะว่าใครทำให้พลังพวกนายผ่านพ้น” เต๋ากวงหานมองพวกซิงฮานด้วยความอิจฉา

 

“ขอบคุณครับ เจ้านาย”

ซิงฮานและคนอีกสามคนได้ตอบโต้ไป พวกเขากล่าวกับเฉินหลง

“พวกคุณสมควรได้รับแล้ว ในอนาคตหากว่าคุณทำเรื่องดีๆให้ผม คุณจะยังมีโอกาสพัฒนาไปสู่ระดับที่สูง” เฉินหลงยิ้มและพยักหน้า

“เจ้านาย พวกเขาทุกคนกิน “หินแห่งแสง” เข้าไปแล้ว คุณให้ผมชิ้นหนึ่งก็ได้นะครับ ผมทำงานอย่างซื่อสัตย์ให้เจ้านายเสมอมา” เต๋ากวงหานกล่าวกับเฉินหลง

“ไม่มีปัญหา ผมจะให้คุณอันหนึ่ง แต่ว่าคุณต้องการมันจริงๆหรือ คุณเพิ่งเข้าสู่ระดับกำเนิด หากว่าคุณต้องการจะใช้หินแห่งแสงอีกครั้ง อาจจะมีผลกระทบที่ตรงกันข้ามได้ ฉะนั้นคงจะดีกว่าถ้าจะพักไปอีกสักครู่” เฉินหลงตบไหลเต๋ากวงหานเบาๆ