เหยียนเฉินเดินออกไป ประจวบเหมาะกับที่เซี่ยม่อหานและฉินเหลียนมาถึงพอดี
“พี่ฉินอวี้ของข้าเป็นเช่นไรบ้าง” ฉินเหลียนรีบถามเหยียนเฉิน
เหยียนเฉินมองนางแวบหนึ่ง ไม่ตอบคำถาม แต่กล่าวกับเซี่ยม่อหาน “รัชทายาทติดโรคห่า ประเดี๋ยวถ้าท่านจะคุยกับเขา ทางที่ดีควรยืนคุยนอกประตู รักษาระยะห่างจากเขาหน่อยก็ดี หากท่านติดโรคห่าไปด้วยอีกคน เช่นนั้นเมืองหลินอันแห่งนี้คงไม่มีใครช่วยได้แล้ว” พูดจบก็ยกเท้าเดินออกไป
เซี่ยม่อหานมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
“เจ้า…เจ้าพูดอะไร พี่ฉินอวี้…เขาคิดโรคห่า” ฉินเหลียนตกใจ รีบก้าวขึ้นมาขวางเหยียนเฉินไว้
“ทางที่ดีท่านหญิงก็ไม่ควรเข้าใกล้รัชทายาทด้วยเช่นกัน ตอนนี้รัศมีห้าร้อยลี้จากเมืองหลินอันไม่มีสมุนไพรดำม่วง รัชทายาทติดโรคห่าก็เหมือนกับคนทั่วไป ไม่มียาก็รักษาไม่ได้ เจ้าเองก็เช่นกัน” เหยียนเฉินเตือนด้วยใบหน้าบึ้งตึง
“เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร พี่ฉินอวี้มีวิทยายุทธ์สูงถึงเพียงนั้น…” ฉินเหลียนหน้าซีดในทันที
“วิทยายุทธ์ต้านโรคห่าไม่ได้” เหยียนเฉินตวัดมือผลักนางออกแล้วเดินจากไป
ฉินเหลียนตัวเซ แทบทรงตัวไม่อยู่
เซี่ยม่อหานยกมือประคองนาง สีหน้าย่ำแย่มากเช่นกัน “เราเข้าไปข้างในกันก่อน ต้องมีทางรักษาแน่”
ฉินเหลียนพยักหน้า
ทั้งสองเข้ามาในห้องแล้วเดินทะลุห้องรับรองเข้าไป เมื่อมาถึงประตูห้องชั้นในก็ไม่มีใครหยุดเท้า ตรงไปเลิกม่านออกแล้วเดินเข้าไปข้างใน
“หยุดตรงนั้น อย่าเข้ามา” ฉินอวี้เอ่ยห้าม
“พี่ฉินอวี้” ฉินเหลียนตาแดงก่ำทันที
“รัชทายาท” เซี่ยม่อหานหยุดเท้า มองไปยังฉินอวี้
“จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหรือ” ฉินอวี้ถามเซี่ยม่อหาน
“สิ่งที่ควรจัดการก็จัดการหมดแล้ว เพียงแต่มีทหารบางนายติดโรคห่าด้วยเช่นกัน ตอนนี้ทุกคนต่างหวาดกลัว ข้าสั่งให้คนเพิ่มกำลังเฝ้าประตูเมืองแล้ว เพื่อไม่ประชาชนในเมืองถูกผู้ไม่หวังดีปลุกปั่นก่อจลาจลฝ่าออกจากเมืองอีก ถ้าเป็นเช่นนั้นคงเรื่องใหญ่” เซี่ยม่อหานพยักหน้า
ฉินอวี้พิจารณาพักหนึ่งก่อนเอ่ยขึ้น “ม่อหาน เจ้าไปที่ประตูเมือง ประกาศเรื่องที่ข้าติดโรคห่าออกไป”
เซี่ยม่อหานตกใจ
“มีคนส่งนักรบเดนตายมีวิทยายุทธ์สูงที่ติดโรคห่ามาทำร้ายข้าได้ แสดงว่าอยากให้ข้าติดโรคห่า ยิ่งปิดบังอาการป่วยของข้าก็ยิ่งทำให้อีกฝ่ายลงมือหนักยิ่งขึ้น มิสู้ประกาศออกไป บอกว่าหมอเทวดาหาทางรักษาโรคห่าได้แล้ว เพียงแต่ขาดสมุนไพรชนิดหนึ่ง ในรัศมีห้าร้อยลี้ไม่มีสมุนไพรชนิดนี้ ข้าได้ส่งคนออกไปตามหาแล้ว จะต้องได้มาอย่างแน่นอน ขอให้ทุกคนอย่าเพิ่งกระวนกระวายใจ ข้าจะเป็นตายร่วมกับเมืองหลินอัน” ฉินอวี้กล่าว
“คงได้แต่ทำเช่นนี้ ผู้อยู่เบื้องหลังวางแผนครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงป้องกันอย่างไรก็ไม่ครอบคลุมรอบด้าน” เซี่ยม่อหานได้ยินเช่นนั้นก็ผงกศีรษะรับ
“เพราะป้องกันอย่างไรก็ไม่ครอบคลุม ดังนั้นจึงต้องเป็นฝ่ายโจมตีก่อน อุดช่องโหว่ทุกแผนการที่พอจะเป็นไปได้” ฉินอวี้ยกมือไล่ “เหลียนเอ๋อร์ก็ไปกับม่อหานด้วย”
ฉินเหลียนครุ่นคิดแล้วเอ่ยขึ้น “พี่ฉินอวี้ ข้าก็อยากออกไปหายารักษาด้วย”
“ไม่ได้” ฉินอวี้ไม่อนุญาต
“เรารออยู่ที่นี่ก็เท่ากับถูกขังอยู่ในกรง ไม่ออกไปหายารักษา หรือจะรอความตาย” ฉินเหลียนบอก
“มีคนออกไปตามหายารักษาแล้ว ไม่ต้องลำบากเจ้า” ฉินอวี้มองฉินเหลียน กล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “เจ้าอยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟังเถอะ ตอนนี้ข้าส่งคนข้างกายออกไปหมดแล้ว ตัวข้าคิดโรคห่า ม่อหานก็ยังป่วยอยู่ เจ้าอยู่ที่นี่คอยช่วยสะสางปัญหาที่เกิดขึ้น มีประโยชน์กว่าออกไปหายารักษาเป็นไหนๆ”
“กล่าวเช่นนี้ ท่านจะไม่ขังข้าไว้ในเรือนแล้ว ยอมให้ข้าช่วยแก้ไขปัญหาด้วยแล้วหรือ” ฉินเหลียนได้ยินเช่นนี้ก็รีบกล่าวทันที
“ตอนนี้สถานการณ์อันตราย ไม่มีใครให้ใช้งานแล้ว” ฉินอวี้ถอนหายใจออกมา
ฉินเหลียนไม่พอใจ เดิมอยากตำหนิเขาสักหน่อย แต่เห็นแก่ที่เขาติดโรคห่า หากไม่มีสมุนไพรดำม่วงก็จะเป็นอันตรายต่อชีวิต นางได้แต่เงียบเสียงลง หันมาเร่งเซี่ยม่อหานแทน “เราไปกันเถอะ”
เซี่ยม่อหานพยักหน้า ออกจากเรือนไปพร้อมฉินเหลียน
ครึ่งชั่วยามถัดมา ข่าวรัชทายาทถูกลอบทำร้ายและติดโรคห่าก็กระจายทั่วเมืองหลินอัน
ประชาชนทราบข่าวก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป ทุกคนต่างหวาดกลัว
หลังจากเซี่ยม่อหานออกไปประกาศข่าวทั้งที่ยังป่วยอยู่แล้วก็พูดตามที่ฉินอวี้บอกทุกคำ ถ่ายทอดข้อความ ‘สาบานว่าจะเป็นตายร่วมกับเมืองหลินอัน’ ของเขาด้วยเสียงดังกังวานเปี่ยมด้วยพลัง ขณะเดียวกันก็สาบานตนกับท่านหญิงเหลียน รัชทายาท รวมถึงประชาชนในหลินอันด้วยว่า “สาบานว่าจะเป็นตายร่วมกับเมืองหลินอัน หากรักษาโรคห่าไม่ได้ก็จะไม่ไปจากหลินอันโดยเด็ดขาด”
ถ้อยคำสิ้นสุดลง ประชาชนในเมืองหลินอันก็สงบลงทันที
องค์รัชทายาทผู้มีเกียรติสูงศักดิ์ที่สุดในหนานฉิน ท่านโหวเซี่ยผู้สืบทอดจวนจงหย่งโหวอันมีเกียรติรวมถึงท่านหญิงเหลียนผู้สูงส่ง สาบานว่าจะเป็นตายร่วมกับพวกเขา
โรคห่าระบาดกับเมฆครึ้มปกคลุมเหนือท้องฟ้าในเมืองหลินอัน รวมถึงกลิ่นแปลกๆ ที่ยังปะปนในอากาศและผู้คนที่ถูกคุมขังเนื่องจากติดโรคห่าราวกับไม่น่ากลัวถึงเพียงนั้นแล้ว
เซี่ยม่อหานสั่งวางกำลังทหารในเมืองหลินอันอีกครั้ง จากนั้นก็กลับไปพักด้วยความเหนื่อยล้า
ฉินเหลียนกระตือรือร้นอย่างยิ่ง นางนำข้าราชการในหลินอันกลุ่มหนึ่งออกลาดตระเวนตรวจตราในเมือง นับจากนี้เป็นต้นไป ไม่อนุญาตให้สถานที่ใดเกิดเหตุความวุ่นวายขึ้นอีก
ฉินเหลียนเติบโตมาในวังหลวงอย่างลำบาก แม้ขี้เล่นซุกซน มีนิสัยค่อนข้างหัวแข็ง แต่หลังก้าวเท้าออกจากเมืองหลวง ติดตามออกมากับเซี่ยม่อหาน ขณะที่เมืองหลินอันเกิดเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย ผ่านการขัดเกลาครั้งหนึ่ง ระหว่างที่ฉินอวี้ติดโรคห่า เซี่ยม่อหานกำลังป่วยหนัก นางก็ช่วยพวกเขาประคับประคองเมืองหลินอันอย่างเต็มที่ ชั่วเวลาหนึ่งก็รักษาความเป็นระเบียบในเมืองหลินอันได้อย่างยอดเยี่ยม
วันที่สอง เรื่องที่ในรัศมีห้าร้อยลี้จากเมืองหลินอันไม่มีสมุนไพรดำม่วงและข่าวรัชทายาทติดโรคห่าก็แพร่มาถึงเมืองหลวงหนานฉิน
เมืองหลวงหนานฉินแตกตื่นขึ้นมาทันที
ฮ่องเต้ทรงปิดราชสำนักได้สองวันแล้ว ในสองวันนี้ประกาศพระราชโองการหย่าร้างถูกติดทั่วทั้งหนานฉิน ตั้งแต่เมืองหลวงไปจนถึงมณฑลต่างๆ ทั้งหนานฉินต่างมีข่าวลือว่าเกิดโรคห่าระบาดที่หลินอันแต่ยังไม่ได้รับการยืนยัน
ยามนี้ข่าวโรคห่าที่หลินอันพลันเสมือนอัสนีบาตในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ระเบิดขึ้นบนท้องฟ้าเหนือเมืองหลวงในชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น
ทั้งราชสำนักและประชาชนในเมืองต่างหวาดกลัวอย่างยิ่ง
ตอนรุ่งสาง อิงชินอ๋อง เสนาบดีฝ่ายซ้ายและขวา หย่งคังโหว และขุนนางเล็กใหญ่ในราชสำนักทั้งหมดต่างมารวมตัวกันที่หน้าประตูวัง
หลินอันตกอยู่ในอันตราย จำต้องรีบหาทางช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด
ฮ่องเต้ทรงปิดราชสำนักมาได้สองวันแล้ว ต่อให้เรื่องพระราชโองการหย่าร้างแพร่กระจายไปทั่วข้างนอก ใต้หล้าต่างรู้โดยทั่วกัน ทุกคนพากันวิพากษ์วิจารณ์ แต่วังหลวงในเมืองหลวงหนานฉินนั้นกลับไม่ได้ยินเสียงวิจารณ์เหล่านั้น พระกรรณของฮ่องเต้สงบเงียบอย่างยิ่ง หลังปิดประตูวังแล้ว นอกจากวันแรกที่ฉินเจิง อิงชินอ๋อง และพระชายาบุกเข้ามา ก็ไม่มีผู้ใดมารบกวนอีกเลย
ฮ่องเต้ทรงทราบวิกฤตการณ์ในเมืองหลินอันและฉินอวี้ติดโรคห่าแล้วเช่นกัน ด้วยความร้อนพระทัยจึงมีพระบัญชาให้เปิดประตูวัง หารือราชการยามเช้าโดยเร่งด่วน
บนตำหนักจินหลวนเต็มไปด้วยเหล่าขุนนาง
“ฝ่าบาท เรื่องด่วนที่สุดตอนนี้คือต้องรีบให้คนนำสมุนไพรดำม่วงไปส่งที่เมืองหลินอัน การช่วย
รัชทายาทกับประชาชนในหลินอันสำคัญที่สุดพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีฝ่ายซ้ายเสนอขึ้น
“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีฝ่ายขวาก้าวออกจากแถว
“พวกกระหม่อมก็เห็นด้วยเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ” อิงชินอ๋อง หย่งคังโหว และคนอื่นๆ ก็เอ่ยขึ้นตาม
ฮ่องเต้ทรงอนุญาต รีบออกพระราชโองการให้คนไปนำสมุนไพรดำม่วงจากท้องพระคลัง ขณะเดียวกันก็มีพระบัญชาให้ส่งคนไปนำสมุนไพรดำม่วงจากร้านยาใหญ่ทุกแห่งในเมืองหลวงมา
ครึ่งชั่วยามถัดมา ขุนนางดูแลคลังยาหลวงก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา ใบหน้าซีดเผือดไร้เลือดฝาด ขอรับโทษด้วยเนื้อตัวสั่นเทาเพราะหวาดกลัว “ฝ่าบาท สมุนไพรดำม่วงที่ตุนสำรองไว้ในคลังยาหลวงมิทราบว่า…มิทราบว่าหายไปไหนแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่รู้หายไปไหนแล้ว เจ้าดูแลคลังยาหลวงอย่างไร” ฮ่องเต้ทรงกริ้วหนักจนทุบที่วางพระหัตถ์ของพระเก้าอี้ทองคำ ตรัสด้วยโทสะ
“ข้าน้อยเพิ่งตรวจสอบยาทุกชนิดเมื่อสองวันก่อน สมุนไพรดำม่วงยังอยู่ สองวันนี้ข้าน้อยอยู่ที่คลังยาหลวงตลอดเวลา…ความจริงแล้วมิทราบว่าสมุนไพรดำม่วงหายไปตั้งแต่เมื่อไร…” ขุนนางท่านนั้นรีบทูลตอบ
“ใครก็ได้ นำเขาไปประหาร” ฮ่องเต้ทรงรับสั่งด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ฝ่าบาทโปรดไว้ชีวิตด้วย” คนผู้นั้นหน้าซีด รีบตะโกนเสียงดัง
มีคนก้าวขึ้นมาคุมตัวเขาลากออกไป
ขุนนางกลุ่มหนึ่งในราชสำนัก อิงชินอ๋อง เสนาบดีฝ่ายขวาผู้ซึ่งทนเห็นความเป็นความตายมิได้ ในยามนี้ก็มิได้ขอความเมตตาให้คนผู้นั้นด้วยเช่นกัน ถึงอย่างไรรัชทายาทติดโรคห่า แสนกว่าชีวิตในเมืองหลินอันต่างตกอยู่ในอันตราย แม้แต่สมุนไพรดำม่วงในคลังยาหลวงแห่งวังหลวงยังไม่มี เช่นนั้นก็พอเดาได้ว่าตอนนี้ในหนานฉินยังหาสมุนไพรดำม่วงได้อีกหรือไม่
ดังที่คาดไว้ หลังคนผู้นั้นถูกลากออกไป ผู้ถูกส่งไปหาสมุนไพรดำม่วงที่ร้านยาใหญ่ในเมืองหลวงก็กลับมา ต่างรายงานเป็นเสียงเดียวกันว่า ร้านยาใหญ่ในเมืองหลวงทั้งหมดต่างไม่มีสมุนไพรดำม่วงเลย