ตอนที่ 77 ไร้ซึ่งความหวัง

จารใจรัก

ร้านยาใหญ่ในเมืองหลวง เรียกได้ว่ามียาสมุนไพรครอบคลุมทุกชนิดในใต้หล้าแล้ว 

 

 

           ยามนี้นึกไม่ถึงว่าจะไม่มีสมุนไพรดำม่วง 

 

 

           ขุนนางทั้งหมดต่างตกตะลึง 

 

 

           “เหตุใดถึงไม่มีสมุนไพรดำม่วง” เสนาบดีฝ่ายซ้ายก้าวขึ้นมา คว้ากายคนผู้หนึ่งแล้วรีบถาม  

 

 

           “เรียนท่านอัครเสนาบดี ฟังว่าสมุนไพรดำม่วงถูกคนบังคับข่มขู่ซื้อไปเมื่อสามวันก่อน เถ้าแก่และลูกจ้างในร้านยาต่างไม่กล้าแพร่งพรายออกไป” คนผู้นั้นรีบตอบ 

 

 

           “ผู้ใดบังคับซื้อไป” เสนาบดีฝ่ายซ้ายถามอีก 

 

 

           “ฟังว่าสวมเครื่องแต่งกายสีดำพร้อมด้วยผ้าปิดหน้า มิทราบว่าเป็นใครขอรับ” คนผู้นั้นรีบตอบ 

 

 

           เสนาบดีฝ่ายซ้ายปล่อยตัวเขา ก่อนหันไปมองคนอื่นที่กลับมารายงาน 

 

 

           คนอื่นๆ ก็ส่ายหน้าพัลวันเช่นกัน ร้านยาใหญ่ในเมืองหลวงต่างตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน 

 

 

           “ในเมืองหลวงหนานฉิน นอกจากคลังยาหลวง ยังมีร้านยาใหญ่เปิดกิจการอยู่ไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยร้าน หรือว่าทุกร้านต่างเป็นเช่นนี้ ไปค้นหาทีละร้านให้เรา ถ้าหาในเมืองหลวงไม่เจอก็ไปหาจากข้างนอก รีบไป” ฮ่องเต้ทรงรับฟังเช่นนั้นก็เกิดโทสะ  

 

 

           “พ่ะย่ะค่ะ” ทุกคนพร้อมใจกับรับคำสั่งแล้ววิ่งออกไป 

 

 

           “มีอย่างนี้ที่ไหนกัน” โทสะของฮ่องเต้มิได้ลดลง “สมุนไพรดำม่วงในคลังยาหลวงอันตรธานหายไป ส่วนที่ร้านยาใหญ่ทั่วเมืองก็ถูกบังคับกว้านซื้อไปโดยไม่บอกกล่าว นี่เป็นฝีมือของผู้ใดกันแน่” 

 

 

           “ฝ่าบาทโปรดอย่าทรงกริ้ว เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ทรงร้อนพระทัยไปก็มิเกิดประโยชน์ กระหม่อมคิดว่าขุนนางน้อยใหญ่ในราชสำนักต่างมีคลังเก็บยาส่วนตัวในจวน ให้ไปตรวจดูว่ามีสมุนไพรดำม่วงหรือไม่ ผู้อยู่เบื้องหลังคงมิอาจรีดไถสมุนไพรดำม่วงจากแต่ละจวนไปจนเกลี้ยงหรอกพ่ะย่ะค่ะ” เวลานี้เสนาบดีฝ่ายขวาก้าวออกมา  

 

 

           “เสนาบดีฝ่ายขวาพูดมีเหตุผล” อิงชินอ๋องกล่าว “เรื่องด่วนตอนนี้ควรรีบหาสมุนไพรดำม่วง” 

 

 

           เสนาบดีฝ่ายซ้ายก็พยักหน้าสมทบ รีบเอ่ยขึ้นต่อ “ฝ่าบาท ขอเพียงมีสมุนไพรดำม่วงต้นหนึ่งก็พอ ต้องรีบช่วยรัชทายาทก่อน รัชทายาทมีหน้าที่ต้องสืบทอดบ้านเมือง สืบทอดกิจการราชสำนักต่อไป มิอาจเป็นอะไรไปก่อนได้พ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

           “ขุนนางทุกคนรีบกลับจวน ตรวจสอบจวนตนเองให้ละเอียดว่ามีสมุนไพรดำม่วงอยู่หรือไม่” ฮ่องเต้พยักพระพักตร์ ก่อนยกพระหัตถ์สั่ง 

 

 

           ทุกคนรับคำสั่งแล้วหยุดว่าราชการยามเช้าทันที ต่างรีบออกจากวังเพื่อกลับจวนของตน 

 

 

           อิงชินอ๋อง เสนาบดีฝ่ายซ้ายและขวา และหย่งคังโหวเดินรั้งท้ายขุนนางท่านอื่น ใบหน้าแต่ละคนฉายแววความกลัดกลุ้ม 

 

 

           “ท่านอ๋อง อาการป่วยท่านดีขึ้นแล้วหรือ” เสนาบดีฝ่ายซ้ายหยั่งเชิงถาม 

 

 

           “ในเวลาแบบนี้ อาการป่วยของข้ายังนับเป็นอะไรได้ ถึงยังไม่หายก็ต้องหายแล้ว” อิงชินอ๋องถอนหายใจก่อนตอบด้วยความคลุมเครือ 

 

 

           เสนาบดีฝ่ายซ้ายเข้าใจความนัยของอิงชินอ๋อง ในเวลาแบบนี้ถึงอยากแกล้งป่วยก็มิอาจทำได้ ถึงคิดจะออกจากราชการไปใช้ชีวิตในวัยบั้นปลายก็ยิ่งทำมิได้ เขาพยักหน้ารับแล้วถามขึ้นอีก “ท่านอ๋องน้อยเจิงไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่” 

 

 

           “เขาจะทำอะไรได้” อิงชินอ๋องเอ่ยถึงฉินเจิงก็แสดงท่าทีโกรธเคือง ร้อนรนเพราะอยากเห็นบุตรชายตนเองมีอนาคตที่ดี “แรกเริ่มข้าก็ไม่ค่อยเห็นดีเห็นงามกับการสมรสระหว่างเขากับหวาเอ๋อร์ แต่พระชายาก็สนับสนุนเต็มที่ เขารั้นที่จะสมรสด้วยให้ได้ ตัวข้าก็ได้แต่ยินยอม ตอนนี้เพิ่งสมรสกันไม่กี่วันก็เกิดเหตุการณ์มากมายถึงเพียงนี้ กระทั่งมาถึงขั้นออกหนังสือหย่าร้าง ความจริงแล้ว…เฮ้อ…” 

 

 

           “ตกลงว่าท่านอ๋องน้อยทะเลาะกับพระชายาน้อยจนถึงขั้นหย่าร้าง หรือว่าเป็นพระประสงค์ของ 

 

 

ฝ่าบาทกันแน่” เสนาบดีฝ่ายซ้ายสืบข่าวตลอดสองวันที่ผ่านมา ทว่าก็มิได้ความคืบหน้า 

 

 

           “ความจริงเป็นเช่นไรข้าเองก็ไม่ทราบแน่ชัดเช่นกัน” อิงชินอ๋องบอกอย่างปวดหัว 

 

 

           “ลำบากท่านอ๋องแล้ว ข้ากำลังคิดว่าตั้งแต่ท่านอ๋องน้อยเข้าวังไปเมื่อสองวันก่อนก็ไม่โผล่หน้ามาให้เห็นอีกเลย ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นที่เมืองหลินอัน ท่านอ๋องน้อยก็ควรแสดงตัวบ้าง” เสนาบดีฝ่ายซ้ายกล่าว “ท่านอ๋องน้อยแม้ไม่ลงรอยกับรัชทายาทมาตั้งแต่เด็ก แต่ระยะนี้ท่านอ๋องน้อยต้องสืบคดีในเมืองหลวง รัชทายาทออกไปขุดลอกคูคลอง ต่างคนต่างร่วมมือกัน มีเค้าลางว่าความสัมพันธ์คงดีขึ้น” 

 

 

           “เขาขังตัวเองไว้ในเรือนลั่วเหมย ไม่พบผู้ใดทั้งนั้น หลังจากวันนั้นข้าก็ไม่ได้พบเขาอีกเลย” อิงชินอ๋องส่ายหน้า 

 

 

           “หากมีความช่วยเหลือจากท่านอ๋องน้อยอีกแรง ต้องหาสมุนไพรดำม่วงได้แน่” เสนาบดีฝ่ายซ้ายอ้อมอยู่นานกว่าจะกลับมาเข้าประเด็น กล่าวต่อว่า “จวนของข้าไม่มีบันทึกว่าสำรองสมุนไพรชนิดนี้ไว้ แค่ส่งทาสรับใช้กลับไปบอกฮูหยินที่จวนให้ตรวจสอบคลังเก็บยาก็พอแล้ว ข้ากลับจวนอ๋องไปพร้อมท่านอ๋องดีกว่า ในเวลาแบบนี้ต้องขอให้ท่านอ๋องน้อยช่วยเหลือ ถึงอย่างไรเรื่องความรักหนุ่มสาวก็เป็นเรื่องเล็ก รากฐานบ้านเมืองหนานฉินต่างหากที่เป็นเรื่องใหญ่” 

 

 

           “เสนาบดีฝ่ายซ้ายพูดมีเหตุผลเช่นกัน เช่นนั้นท่านกลับไปที่จวนพร้อมข้าเถอะ เขาถูกไทเฮากับพระชายาตามใจมากตั้งแต่เด็ก ข้าพูดอะไรเขาก็ไม่ฟัง” อิงชินอ๋องผงกศีรษะ 

 

 

           เสนาบดีฝ่ายซ้ายเห็นอิงชินอ๋องตอบรับเร็วเช่นนี้ก็กวักมือเรียกทาสรับใช้มา สั่งงานประโยคหนึ่ง ก่อนมุ่งหน้ากลับจวนอิงชินอ๋องพร้อมอิงชินอ๋อง 

 

 

           เห็นอิงชินอ๋องกับเสนาบดีฝ่ายซ้ายกลับไปด้วยกัน เสนาบดีฝ่ายขวากับหย่งคังโหวก็มองหน้ากัน 

 

 

           “เสนาบดีฝ่ายซ้ายช่างจงรักภักดีต่อรัชทายาทยิ่งนัก เกิดเรื่องแบบนี้เขากลับเป็นกังวลที่สุด แม้แต่ท่านอ๋องน้อยเจิงที่ไม่ถูกชะตาและมีความแค้นด้วยตลอดมา ยังไม่ลังเลที่จะบากหน้าไปขอให้เขาช่วยหาสมุนไพรดำม่วง เทียบกับแล้ว ท่านซึ่งเป็นว่าที่พระสัสสุระยังไม่กังวลเท่าเขาเลย” หย่งคังโหวกล่าวขึ้น 

 

 

           “ว่าที่พ่อตาอันใดกัน รัชทายาทไร้เยื่อใยต่อปี้เอ๋อร์ตลอดมา ข้าไม่เหมาะที่จะเป็นพระสัสสุระหรอก” เสนาบดีฝ่ายขวาส่ายหน้า 

 

 

           “นายท่านเสนาบดีเอาอันใดมาพูด ฝ่าบาททรงมอบสมรสพระราชทานให้แล้ว ที่รัชทายาทยังเมินเฉยก็เพราะช่วงนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมายทั้งในและนอกเมือง เขาเพิ่งกลับจากม่อเป่ยได้ไม่นาน จึงยังมิได้เตรียมการเรื่องการสมรสก็เท่านั้น” หย่งคังโหวกล่าว 

 

 

           “ท่านโหวเป็นคนฉลาดคนหนึ่ง มีจิตใจใสสะอาด ยังแสร้งไม่รู้อีกหรือ” เสนาบดีฝ่ายขวากล่าวด้วยสีหน้าอ่อนล้า “คนเปิดเผยไม่พูดลับหลัง รัชทายาทไม่สมรสกับปี้เอ๋อร์แน่นอน ช้าเร็วก็ต้องยกเลิกการหมั้น” 

 

 

           “เมื่อก่อนนายท่านเสนาบดีชอบพูดจาอ้อมค้อม ช่วงนี้เปลี่ยนไปเยอะเลยเชียว” หย่งคังโหวกระแอมขึ้น  

 

 

           “บ้านเมืองมีภัย ราชสำนักสั่นคลอน ทั้งท่านและข้าต่างเป็นหมากที่อยู่ใกล้กับใจกลางคลื่นลมมากที่สุด เอาตัวรอดได้หรือไม่ยังบอกไม่ได้ ไม่แน่ว่าวันหนึ่งอาจกลายเป็นกองกระดูก” เสนาบดีฝ่ายขวาได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมา  

 

 

           “อยู่มาตั้งนาน ปีนี้เกิดเรื่องมากมาย ทั้งใหญ่หลวงและไม่ค่อยปรากฏให้เห็น หากเลวร้ายลง หากนี่กลายเป็นจุดสิ้นสุดของราชวงศ์จริง อย่าหวังว่าท่านกับข้าจะได้จารึกชื่อลงในประวัติศาสตร์เลย ต่างกลายเป็นขุนนางมีความผิดในราชวงศ์แทน” หย่งคังโหวได้ยินเช่นนั้นก็เผยสีหน้ากลัดกลุ้ม  

 

 

           “ชู่ว สิ่งนี้ท่านยังกล้าพูดอีก” เสนาบดีฝ่ายขวารีบห้ามหย่งคังโหว 

 

 

           หย่งคังโหวเงียบเสียงลงทันที 

 

 

           ทั้งสองมองรอบกายแวบหนึ่ง ไม่พบผู้ใดผ่านไปมา บทสนทนาจึงหยุดลงแต่เพียงเท่านี้ ทว่าในใจกลับรู้สึกแบบเดียวกันว่าคดีมากมายในเมืองหลวงและโรคห่าระบาดที่เมืองหลินอัน เกรงว่านี่จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของมรสุม อนาคตเป็นเช่นไรไม่มีใครทราบ 

 

 

           “หวังว่ารัชทายาทจะผ่านพ้นวิกฤตการณ์ครั้งนี้ที่เมืองหลินอันไปได้อย่างปลอดภัย มิฉะนั้นหากหนานฉินสูญเสียรัชทายาท ก็ไม่ต่างอะไรกับการเสียกองทัพติดเกราะอาวุธ” เสนาบดีฝ่ายขวากล่าว 

 

 

           หย่งคังโหวพยักหน้า 

 

 

           “หวังว่าเสนาบดีฝ่ายซ้ายจะขอร้องท่านอ๋องน้อยเจิงได้ด้วย” เสนาบดีฝ่ายขวากล่าวอีก 

 

 

           “เรื่องท่านอ๋องน้อยเจิงนั้นวางใจได้ เขาเป็นหลานชายแท้ๆ ที่อดีตฮ่องเต้และอดีตไทเฮาทรงอบรมเลี้ยงดูมา ดูเหมือนไม่ยี่หระต่อสิ่งใด ทว่าเมื่อถึงเวลาจำเป็นจริงๆ ท่านอ๋องน้อยเจิงคงไม่นิ่งดูดาย ถึงเขาไม่ลงรอยกับรัชทายาท แต่ก็เห็นบ้านเมืองมาก่อนเรื่องส่วนตัว” หย่งคังโหวบีบไหล่เสนาบดีฝ่ายขวา  

 

 

           “เรื่องนี้ข้าเชื่อ” เสนาบดีฝ่ายขวาพยักหน้า นึกบางสิ่งขึ้นได้ก็ถอนหายใจออกมา “เพียงแต่น่าเสียดาย” 

 

 

           “น่าเสียดายอะไร” หย่งคังโหวถาม 

 

 

           “จวนจงหย่งโหว” เสนาบดีฝ่ายขวามองไปยังทิศหนึ่ง 

 

 

           “ใช่แล้ว ไม่รู้ว่าเบื้องหลังเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับจวนจงหย่งโหวหรือไม่ ถึงอย่างไรเมื่อไม่กี่วันก่อน โหวเหยผู้เฒ่าและนายพลอู่เว่ยต่างแอบออกจากเมืองไปแล้ว ยามนี้จวนจงหย่งโหวมีแต่จวนเปล่า ตระกูลเซี่ยคนอื่นก็แยกบรรพบุรุษและครอบครัวไปก่อนแล้ว ตระกูลใหญ่หลายร้อยปีราวกับกระจัดกระจายออกไปอย่างเงียบเชียบอย่างไรอย่างนั้น” หย่งคังโหวได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจตาม  

 

 

           “ตระกูลอื่นกระจัดกระจายนั้นข้าเชื่อ แต่จวนจงหย่งโหวนั้น…” เสนาบดีฝ่ายขวาส่ายหน้า 

 

 

           “รีบกลับกันเถอะ ฝ่าบาททรงรอข่าวคราวสมุนไพรดำม่วงอยู่ ท่านกับข้ารีบกลับไปดูที่จวนดีกว่า ตั้งแต่ 

 

 

ฮูหยินข้าตั้งครรภ์ก็มีสมุนไพรกองกันเป็นภูเขา แต่เนื่องด้วยคุณหนูฟางหวาเคยบอกว่าขึ้นชื่อว่ายาย่อมมีพิษสามส่วนจึงให้ฮูหยินทานอาหารบำรุงร่างกายแทน สมุนไพรพวกนั้นจึงไม่ค่อยได้นำมาใช้เท่าไรนัก บางทีอาจมีสมุนไพรดำม่วงอยู่ก็เป็นได้” หย่งคังโหวกล่าว 

 

 

           เสนาบดีฝ่ายขวาผงกศีรษะ 

 

 

           ทั้งสองแยกย้ายกันกลับจวน 

 

 

           ทั้งสองใช้เวลาสนทนากันเพียงไม่กี่ประโยค มิได้ถ่วงเวลายืดเยื้อออกไปเท่าไรนัก เสนาบดีฝ่ายซ้ายกับอิงชินอ๋องก็มาถึงหน้าประตูจวนอิงชินอ๋องแล้ว 

 

 

           พระชายาอิงชินอ๋องทราบข่าวก่อนแล้วจึงสั่งให้คนไปตรวจสอบคลังเก็บยา 

 

 

           “พระชายาเล่า” หลังอิงชินอ๋องเข้าจวนมาก็เอ่ยถามคนเฝ้าประตู  

 

 

           “เรียนท่านอ๋อง อยู่ที่คลังเก็บยาขอรับ” คนผู้นั้นรีบตอบ 

 

 

           อิงชินอ๋องมองเสนาบดีฝ่ายซ้ายแวบหนึ่ง 

 

 

           “สมุนไพรดำม่วงสำคัญยิ่ง หากไม่รบกวนจนเกินไป ข้าขอไปดูที่คลังเก็บยากับท่านอ๋องด้วย” เสนาบดีฝ่ายซ้ายกล่าว 

 

 

           “ได้” อิงชินอ๋องย่อมอนุญาต 

 

 

           เมื่อทั้งสองเดินมาถึงคลังเก็บยาก็เห็นสมุนไพรกองอยู่ข้างนอกเป็นภูเขาเล็กๆ พระชายาอิงชินอ๋องกำลังกำกับคนขนย้ายสมุนไพรออกมาตรวจสอบข้างนอก 

 

 

           “เป็นเช่นไรบ้าง มีสมุนไพรดำม่วงหรือไม่” อิงชินอ๋องรีบก้าวขึ้นมาถาม 

 

 

           พระชายาซับเหงื่อบนหน้าผาก ทักทายเสนาบดีฝ่ายซ้ายก่อน จากนั้นก็ส่ายหน้าให้อิงชินอ๋อง “ตอนนี้ตรวจสอบเครื่องปรุงยาไปสองในสามแล้ว ข้างในยังเหลืออีกเล็กน้อย แต่ตอนนี้ยังหาไม่พบ” 

 

 

           “สมุนไพรในจวนมีบันทึกใบรายการหรือไม่” อิงชินอ๋องถาม “ตรวจสอบจากใบรายการก่อน” 

 

 

           “ตั้งแต่สิ้นปีก่อนก็มีเรื่องมากมาย ข้าจึงละเลยการดูแลจวน ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่ปีก่อนจนถึงตอนนี้ก็มีเรื่องติดพันตลอดมา โดยเฉพาะช่วงก่อนหน้านี้มัวยุ่งอยู่กับพิธีสมรสสองงาน หลายสิ่งจึงวุ่นวายอย่างยิ่ง ไหนเลยจะมีเวลามาดูใบรายการสมุนไพรเข้าจวนแต่ละชนิด ทุกคนต่างยุ่งจนหัวหมุน เดิมคิดว่าเมื่อวางแล้วค่อยให้สองสะใภ้มาช่วยข้าดูแลงานบ้าน ดูแลงานภายในจวนให้เรียบร้อย แต่ไหนเลยจะรู้ว่า ทั้งสองกลับ…”  

 

 

พระชายาอิงชินอ๋องหยุดชะงัก 

 

 

           อิงชินอ๋องเงียบไป 

 

 

           เสนาบดีฝ่ายซ้ายได้ยินแบบนี้ก็นึกถึงบุตรีของตนที่กำลังพักฟื้นอยู่ที่จวน ไม่เอ่ยคำใดเช่นกัน 

 

 

           ทั้งสามรออีกเวลาสองถ้วยชา กระทั่งสมุนไพรทั้งหมดในคลังถูกขนถ่ายออกมาข้างนอก แต่ก็ไม่พบสมุนไพรดำม่วง 

 

 

           “คลังยาหลวงในวังไม่มีสมุนไพรดำม่วง ร้านยาในเมืองก็ถูกคนรีดไถไปจนเกลี้ยงแล้ว ขนาดจวนของพวกเราก็ไม่มีสมุนไพรดำม่วง เช่นนั้นจวนอื่นๆ ก็เกรงว่าจะไม่มีหวังแล้ว” อิงชินอ๋องมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก  

 

 

           “แล้วรัชทายาทกับอีกแสนชีวิตในเมืองหลินอันเล่า” เสนาบดีฝ่ายซ้ายเดิมคิดว่าจวนใหญ่อย่างจวนอิงชินอ๋องควรมีสมุนไพรดำม่วงเก็บสำรองไว้ อีกอย่างผู้คุ้มกันจวนอิงชินอ๋องก็แข็งแกร่งมั่นคงยิ่งกว่าวังหลวง มีคนขโมยสมุนไพรดำม่วงไปจากคลังยาหลวงในวังได้ แต่มิได้หมายความว่าจะขโมยสิ่งใดไปจากจวนอิงชินอ๋องได้ ถึงอย่างไรจวนอิงชินอ๋องก็มีฉินเจิง เขาไม่แย่งของของผู้อื่นก็ดีแล้ว ใครหน้าไหนยังกล้ามาขโมยที่จวนอิงชินอ๋องอีก 

 

 

           ทว่ายามนี้ จวนอิงชินอ๋องก็ไม่มีสมุนไพรดำม่วงเช่นกัน 

 

 

           “เจิงเอ๋อร์ยังขังตัวเองอยู่ในห้องอีกหรือ” อิงชินอ๋องถามพระชายา 

 

 

           “ยังไม่ออกมาเลย เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เขาได้รับความกระทบกระเทือนไม่เบา เกรงว่าระหว่างนี้ยังคิดไม่ได้” พระชายาอิงชินอ๋องมีสีหน้าย่ำแย่เช่นกัน กล่าวด้วยความกลุ้มใจ  

 

 

           “ไม่อนุญาตให้เขาคิดไม่ได้แล้ว อย่าว่าแต่รัชทายาทเลย แต่กับแสนกว่าชีวิตในเมืองหลินอัน เขาไม่อาจเมินเฉยได้” อิงชินอ๋องพูดพลางก็สาวเท้าไปยังเรือนลั่วเหมย 

 

 

           พระชายาส่งเสียงเรียก อิงชินอ๋องยกมือห้ามนาง สื่อว่านางไม่ต้องสนใจแล้ว 

 

 

           เสนาบดีฝ่ายซ้ายก็รีบตามอิงชินอ๋องไปยังเรือนลั่วเหมยเช่นกัน 

 

 

           พระชายาอิงชินอ๋องยืนครุ่นคิดอยู่กับที่ สุดท้ายแล้วก็ไม่สบายใจ จึงกวักมือเรียกชุนหลัน “เร็วเข้า เจ้าเดินเลาะภูเขาจำลองที่ใกล้ที่สุดไปยังเรือนลั่วเหมยก่อน ดูว่าเจิงเอ๋อร์กลับมาหรือยัง” 

 

 

           ชุนหลันพยักหน้าแล้วรีบเดินออกไป 

 

 

           พระชายาสั่งให้คนเก็บสมุนไพรกลับเข้าไปไว้ในห้องดังเดิม ก่อนยกกระโปรงเดินตามอิงชินอ๋องกับเสนาบดีฝ่ายซ้ายไปยังเรือนลั่วเหมย 

 

 

           ชุนหลันรีบมาที่เรือนลั่วเหมยก่อนอิงชินอ๋องกับเสนาบดีฝ่ายซ้ายจะมาถึง หลังเข้ามาก็คว้าตัวหลินชีมาซักถาม “ท่านอ๋องน้อยกลับมาหรือยัง” 

 

 

           หลินชีส่ายหน้า 

 

 

           “ท่านอ๋องกับเสนาบดีฝ่ายซ้ายมา เนื่องจากรัชทายาทติดโรคห่าที่เมืองหลินอันและไม่มีสมุนไพรดำม่วงรักษาจึงมาขอให้ท่านอ๋องน้อยช่วยเหลือ ตอนนี้ท่านอ๋องน้อยไม่อยู่ แล้วจะทำเช่นไรดี” ชุนหลันร้อนใจทันที  

 

 

           หลินชีได้ยินแบบนั้นก็ทำอะไรไม่ถูก ตะโกนเรียกอวี้จั๋วมาแทน 

 

 

           อวี้จั๋ววิ่งออกมา เกาศีรษะงุนงง ครุ่นคิดพักหนึ่งแล้วผายมืออย่างทำอะไรไม่ได้ “คงได้แต่บอกว่าท่านอ๋องน้อยเพิ่งออกไปเมื่อครู่” 

 

 

           “เมื่อครู่” ชุนหลันกล่าว 

 

 

           “แล้วจะทำเช่นไรเล่า ท่านอ๋องนำเสนาบดีฝ่ายซ้ายมาด้วย เราบอกว่าท่านอ๋องน้อยไม่อยู่ที่จวนตลอดมาไม่ได้กระมัง” อวี้จั๋วพยักหน้า  

 

 

           ชุนหลันได้ยินเช่นนั้นก็คิดว่ามีเหตุผล เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมา นางก็รีบไปซ่อนตัวในห้องครัวเล็ก 

 

 

           อวี้จั๋วกับหลินชีมองหน้ากันก่อนออกไปต้อนรับ 

 

 

           “เจิงเอ๋อร์เล่า” อิงชินอ๋องสาวเท้ามาที่หน้าประตู เมื่อเห็นอวี้จั๋วกับหลินชีก็เอ่ยถาม 

 

 

           อวี้จั๋วกับหลินชีส่ายหน้า 

 

 

           อิงชินอ๋องเดินอ้อมทั้งสองตรงไปยังในห้อง 

 

 

           ประตูห้องถูกผลักออก ภายในห้องสะอาดเรียบร้อยอย่างยิ่ง อิงชินอ๋องส่งเสียงเรียกทว่าไม่มีผู้ใดตอบรับ เขาจึงเดินตรงไปยังห้องชั้นใน 

 

 

           เสนาบดีฝ่ายซ้ายก็ไม่พะว้าพะวงแล้วเช่นกัน ตามอิงชินอ๋องเข้าไปข้างใน 

 

 

           พระชายาอิงชินอ๋องตามมาทีหลัง เห็นสีหน้าของอวี้จั๋วกับหลินชีก็ทราบทันทีว่าฉินเจิงยังไม่กลับมา นางเองก็เริ่มร้อนใจแล้วเช่นกัน หายตัวไปสองวันแล้วยังไม่พบร่องรอย ทั้งยังหายไปตอนที่อารมณ์ฉุนเฉียวจากพระราชโองการหย่าร้างอีก นางซึ่งเป็นมารดาก็กินไม่ได้นอนไม่หลับตลอดสองวันนี้เช่นกัน 

 

 

           อิงชินอ๋องหาทั่วห้องแล้ว เมื่อไม่เห็นเงาฉินเจิงก็ออกมาถามทั้งสอง “ท่านอ๋องน้อยไปไหน” 

 

 

           “เช้านี้ท่านอ๋องน้อยยังอยู่ในห้อง พวกเราก็มิทราบว่าออกไปตั้งแต่เมื่อไร เมื่อครู่ตอนที่ข้ากับหลินชีกวาดห้องก็ไม่พบเขาแล้วขอรับ” อวี้จั๋วตอบ 

 

 

           “เขาไม่ได้นำคนออกไปด้วยหรือ” อิงชินอ๋องถาม 

 

 

           อวี้จั๋วส่ายหน้า 

 

 

           อิงชินอ๋องหันไปมองพระชายา 

 

 

           “ท่านอย่ามามองข้า ข้าไหนเลยจะรู้ว่าเขาหายไปไหน สองวันนี้ลูกชายข้าได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจมาก ขังตัวเองอยู่ในห้อง ไม่พบผู้ใดทั้งนั้น ตอนนี้คงคิดได้แล้วจึงออกไป” พระชายาอิงชินอ๋องเอ่ยขึ้น 

 

 

           “ในเมื่อที่จวนไม่มีสมุนไพรดำม่วง ทั้งไม่พบท่านอ๋องน้อย” เสนาบดีฝ่ายซ้ายกล่าวกับอิงชินอ๋อง “ท่านอ๋อง เรารีบย้อนกลับไปที่วังหลวงดีกว่า รอดูสถานการณ์จากจวนอื่น หากไม่มีจวนใดมีสมุนไพรดำม่วงก็ต้องหาวิธีการอื่น ปล่อยให้รัชทายาทเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด” 

 

 

           “ถูกต้อง” อิงชินอ๋องผงกศีรษะ 

 

 

           ทั้งสองรีบออกไปจากเรือนลั่วเหมย พอออกจากจวนแล้วก็ขึ้นรถม้า รีบมุ่งหน้าไปยังวังหลวง 

 

 

           ทั้งสองเพิ่งกลับออกไปเพียงครู่เดียว พระชายาอิงชินอ๋องเตรียมตัวกลับ ทว่าพลันมีเงาดำกระโดดข้ามกำแพงเข้ามา เกิดการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นางหันไปมองทันที แล้วเผยสีหน้าดีใจ “เจิงเอ๋อร์”