จำนวนท่ามุทรามากมายทำขึ้นอย่างต่อเนื่องกัน ส่งพลังวิญญาณซึ่งเกือบจะกลายเป็นรูปธรรมออกไปทางเตาหลอมยา ภายในเตาหลอม ยาครอบจักรวาลวิญญาณเริ่มจะเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง
ด้วยดวงตาปิดสนิท โม่เทียนเกอใช้จิตสัมผัสเพื่อสังเกตสถานะของของเหลวจากสมุนไพรภายในเตาหลอม
วัตถุดิบหลายสิบอย่างละลายและผสมเข้าด้วยกัน… เนื่องจากท่ามุทราที่นางทำ ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จึงยิ่งรุนแรงมากขึ้น
นี่คือขั้นละลายน้ำ ขั้นนี้จะต้องใช้เวลานานมากและเมื่อความเปลี่ยนแปลงหยุดลง ยาก็จะก่อตัวขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง เพราะฉะนั้นในอีกสองสามวันข้างหน้า พวกเขาจะต้องคอยอย่างนี้ต่อไปและบางครั้งก็จะต้องทำท่ามุทราเพื่อกระตุ้นการหลอมละลายของวัตถุดิบและสกัดสิ่งเจือปนออกจากการปรุงยา
เวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละนิด ผู้อาวุโสชิงเมี่ยวและผู้อาวุโสชิงซีสับเปลี่ยนกันทุกหกชั่วโมง ขณะที่ผู้อาวุโสชิงอี้ยังคงเฝ้าระวังอยู่หน้าประตู ซย่าชิงกำลังเฝ้าสังเกตขั้นตอนและศึกษาวิชาประกอบท่ามุทราของโม่เทียนเกอ และเว่ยเฮ่าหลานกำลังเตรียมพร้อมอยู่เพื่อคอยให้ความช่วยเหลือกับโม่เทียนเกอ
หนึ่งวัน สองวัน สามวัน… ในที่สุดวัตถุดิบภายในเตาหลอมก็ผสมผสานรวมเข้าด้วยกันอย่างราบรื่น
โม่เทียนเกอเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากและถอนหายใจ อย่างไรก็ตาม นางรีบกลับมาจดจ่อทันทีและทำท่ามุทราหลายท่าอีกครั้งเพื่อกระตุ้นการก่อตัวของยา
นี่คือวันสุดท้ายแล้ว ไม่ว่าการปรุงยาจะจบลงด้วยความสำเร็จหรือล้มเหลวก็ขึ้นอยู่กับช่วงเวลานี้เท่านั้น
ของเหลวจากสมุนไพรภายในเตาหลอมเริ่มจะจับตัวเป็นก้อนอย่างช้าๆ และแข็งตัว…
“เจ้าเป็นใคร!” เสียงตะโกนของผู้อาวุโสชิงอี้ดังขึ้นพร้อมกับคลื่นความผันผวนของพลังวิญญาณประหลาด
สีหน้าของทั้งห้าคนในห้องปรุงยาเปลี่ยนไปทุกคน ตอนนี้คือช่วงเวลาสำคัญในการขึ้นรูปยา เกิดอะไรขึ้น
พอถึงเวลาที่ความผันผวนของพลังวิญญาณประหลาดเริ่มชัดเจนขึ้น สีหน้าโม่เทียนเกอเปลี่ยนไปอย่างมาก นางสัมผัสได้แล้ว เริ่นอวี่เฟิง!
เมื่อนางมาถึงในหลินไห่ โม่เทียนเกอไม่สามารถตรวจจับตำแหน่งที่อยู่ของเริ่นอวี่เฟิงได้ หลังจากมากกว่าสามเดือนที่อยู่อย่างปลอดภัย โม่เทียนเกอเกือบจะคิดว่าเขาคงถูกคลื่นพัดพาไปที่อื่นแล้ว อย่างไรก็ตาม โดยไม่คาดคิด เขาดันมาปรากฏตัว ณ ช่วงเวลาที่สำคัญมากเช่นนี้ได้!
แต่อย่างไรก็ตาม โม่เทียนเกอก็สงบนิ่งได้อย่างรวดเร็ว เมื่อมีผู้อาวุโสระดับการก่อเกิดแก่นขุมพลังทั้งสามคนอยู่ที่นี่ เริ่นอวี่เฟิงจะไม่สามารถเป็นฝ่ายได้เปรียบแน่ ถึงแม้ผู้อาวุโสชิงซีเกือบจะสูญพลังวิญญาณของนางไปจนหมดเพราะนางปล่อยไฟตานเถียนมาโดยตลอด แต่ทั้งผู้อาวุโสชิงอี้และผู้อาวุโสชิงเมี่ยวยังอยู่ในสภาพที่ดีอยู่ ด้วยผู้อาวุโสทั้งสองคนอยู่ที่นั่น เริ่นอวี่เฟิงที่บรรลุระดับการฝึกตนของเขามาอย่างไม่ถูกต้องจะไม่สามารถทำสำเร็จได้อย่างแน่นอน
ผู้อาวุโสชิงเมี่ยวที่เพิ่งทำสมาธิเพื่อปรับลมปราณของนางขมวดคิ้วแล้วจึงพูดอย่างเอาจริงเอาจัง “ข้าจะไปดูหน่อย พวกเจ้าอดทนไว้”
“เจ้าค่ะ” เว่ยเฮ่าหลานและซย่าชิงตอบ จากนั้นพวกนางทั้งสองคนเป็นฝ่ายเริ่มไปยืนอยู่ที่หน้าประตู พร้อมสำหรับเหตุการณ์ใดๆ ก็ตามที่อาจเกิดขึ้น
โม่เทียนเกอก็สงบลงเช่นกันและจดจ่อกับกระบวนการปรุงยาต่อไป
เสียงกรีดร้องน่าสยดสยองดังขึ้นจากด้านนอกและทันทีหลังจากนั้น พวกเขาได้ยินเสียงต่อสู้กัน
“เจ้าเป็นผู้ฝึกตนของฝ่ายอธรรมรึ” ผู้อาวุโสชิงอี้ถามด้วยเสียงดัง
“ฮึ่ม!” โม่เทียนเกอเพิ่งเดาไปก่อนหน้านี้แต่ตอนนี้นางแน่ใจเต็มที่แล้วหลังจากได้ยินเสียงนั้น นี่คือเริ่นอวี่เฟิงจริงๆ
“เจ้าหมายความว่าอย่างไรที่ว่าผู้ฝึกตนของฝ่ายอธรรม ข้าคือบุตรแห่งเทพมังกร!” เริ่นอวี่เฟิงพูดอย่างโอหัง
“บุตรแห่งเทพมังกร” เสียงของผู้อาวุโสชิงอี้เต็มไปด้วยความสงสัย
“ศิษย์พี่!” ผู้อาวุโสชิงเมี่ยวพูดขณะที่นางเดินออกจากห้องปรุงยา “บุตรแห่งเทพมังกรอะไร จากที่ข้าเห็น เขาเป็นแค่ผู้ฝึกตนของฝ่ายอธรรม! เขาถึงขนาดทำร้ายศิษย์ของกลุ่มเรา! ไม่จำเป็นต้องคุยกับเขาให้มากความ เราแค่ต้องฆ่าเขาซะ!”
“จริงด้วย” ผู้อาวุโสชิงอี้พูดเห็นด้วย “ทั้งร่างของเขาปกคลุมไปด้วยพลังมาร แต่เขายังพูดว่าเขาไม่ใช่ผู้ฝึกตนของฝ่ายอธรรมและถึงขนาดบังอาจทำร้ายศิษย์ของเรา เราไม่จำเป็นต้องสุภาพกับเขา!”
“เจ้า–” เริ่นอวี่เฟิงโกรธจัด “เจ้ากล้าปรามาสข้า! ข้าคือบุตรแห่งเทพมังกร บุตรแห่งเทพมังกร!”
ความผันผวนของพลังวิญญาณยิ่งรุนแรงมากขึ้น
โม่เทียนเกอเข้าใจว่าการต่อสู้นั้นเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นนางจึงพูดกับผู้อาวุโสชิงซี “ศิษย์พี่ รีบเร่งความเร็วของเราและปรุงยาให้เสร็จเร็วขึ้นอีกหน่อยเถอะ ได้โปรดเพิ่มกำลังไฟตานเถียนของท่าน”
ผู้อาวุโสชิงซีที่สัมผัสได้ถึงอันตรายด้านนอกเช่นกันจึงพยักหน้าและพูดว่า “ตกลง เราต้องรบกวนสหายน้อยเยี่ยด้วย”
หลังจากพูดเช่นนั้น นางเพิ่มปริมาณพลังวิญญาณที่ปล่อยออกไปทำให้ไฟตานเถียนของนางแรงขึ้นเล็กน้อยทันที
โม่เทียนเกอเองก็ทำท่ามุทราอย่างเร็วเช่นกัน ถึงแม้นางจะคิดว่าผู้ฝึกตนการก่อเกิดแก่นขุมพลังสองคนสามารถขวางทางเริ่นอวี่เฟิงได้แน่นอนอยู่แล้ว แต่มันก็ดีกว่าที่จะมีกำลังเสริมเผื่อเอาไว้
อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นกะทันหันของไฟในการปรุงมีผลต่อของเหลวภายในเตาหลอม โม่เทียนเกอใช้ท่ามุทราเพื่อทำให้ผลกระทบนั้นอ่อนแรงลง และในขณะเดียวกันนางยังเร่งความเร็วในการแข็งตัวของยาวิเศษด้วย
“ท่านเจ้าสำนักเว่ย สถานการณ์ด้านนอกเป็นอย่างไรบ้าง” เพราะนางต้องมุ่งความสนใจอยู่กับขั้นตอนการแข็งตัวภายในเตาหลอมยา โม่เทียนเกอจึงไม่สามารถแผ่จิตสัมผัสของนางออกไปได้ดังนั้นนางจึงต้องถามเว่ยเฮ่าหลาน
เว่ยเฮ่าหลานตอนนี้ยืนอยู่ที่หน้าประตู นางโผล่หัวออกไปเพื่อดูสถานการณ์ด้านนอก “คนผู้นี้… ความสามารถในการต่อสู้ด้วยพลังเวทของมารผู้ฝึกตนคนนี้แข็งแกร่งมาก แต่สหายนักพรตเยี่ยวางใจได้ ท่านผู้อาวุโสทั้งสองสามารถจัดการกับเขาได้”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี…” โม่เทียนเกอกล่าว รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย นางคิดว่าเริ่นอวี่เฟิงไม่สามารถเอาชนะผู้อาวุโสทั้งสองคนได้เช่นกัน แต่พื้นที่ตรงหว่างคิ้วของนางยังคงกระตุกอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ลางที่ดีเลย
“โอ้” เว่ยเฮ่าหลานร้องออกมา
โม่เทียนเกอหันหน้าไปหานาง “มีอะไร”
“ศิษย์พี่ซั่งกวนมา” เว่ยเฮ่าหลานพูด “เขาอยู่ในขั้นสุดท้ายของดินแดนการสร้างฐานแห่งพลังงานแล้ว ข้าหวังว่าเขาจะสามารถช่วยท่านผู้อาวุโสทั้งสองได้”
สิ่งที่นางพูดทำให้โม่เทียนเกอขมวดคิ้ว สัญชาตญาณของนางบอกว่ามีบางอย่างผิดปกติ…
“ท่านอาจารย์ อาจารย์ลุงชิงเมี่ยว ข้ามาเพื่อช่วยท่าน!” เป็นเสียงของสหายนักพรตซั่งกวน
“อวิ๋นเฮ่า เจ้ามาทำอะไรที่นี่แทนที่จะอยู่ในเจดีย์บรรลุเต๋า” เสียงของผู้อาวุโสชิงอี้ฟังดูค่อนข้างเข้มงวด
จริงสิ เขาบังเอิญมาที่นี่ตอนเวลาประจวบเหมาะได้อย่างไร
ซั่งกวนอวิ๋นเฮ่าตอบว่า “ข้าสัมผัสได้ถึงลมปราณประหลาดเมื่อตอนที่ข้าอยู่ในเจดีย์บรรลุเต๋า ดังนั้นข้าจึงตามมันมาที่นี่”
ในเมื่อตอนนี้พวกเขาเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่ากลัว ผู้อาวุโสชิงอี้จึงไม่สามารถตำหนิเขาได้ นางแค่พูดว่า “ถ้าเช่นนั้นมานี่เร็ว! พลังเวทของมารผู้ฝึกตนผู้นั้นไม่ธรรมดา ระวังตัวด้วย!”
ถึงแม้ขั้นสูงสุดของดินแดนการสร้างฐานแห่งพลังงานจะแยกจากดินแดนการก่อเกิดแก่นขุมพลังแค่เส้นบางๆ กั้นเท่านั้น แต่ความแตกต่างของพลังระหว่างผู้ฝึกตนในแต่ละดินแดนนั้นใหญ่หลวงมาก ผู้อาวุโสชิงอี้รักศิษย์คนนี้ของนางจริงๆ นางเป็นห่วงเขาทันทีที่เขามาถึง เกรงว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บ
“ศิษย์พี่เจ้าสำนัก” ซย่าชิงกระซิบ “มารผู้ฝึกตนผู้นี้มาจากไหนน่ะ เป็นไปได้ไหมว่ามีช่องโหว่อยู่สักที่ในม่านพลังปกป้องสำนักของสภาปี้เซวียน”
รอยย่นปรากฏขึ้นที่คิ้วของเว่ยเฮ่าหลาน “เจ้าพูดถูก ตามหลักแล้วเราควรจะสังเกตเห็นมารผู้ฝึกตนคนนี้ทันทีเมื่อเขาเข้ามาในม่านพลังปกป้องสำนักของเรา แล้วจู่ๆ เขามาโผล่ที่ห้องปรุงยาของเราตอนนี้อย่างกะทันหันได้อย่างไร”
โม่เทียนเกอเคยได้ยินอี้หลิ่วกับอี้ชิวอธิบายว่าฝั่งตะวันตกของหลินไห่คือเขตย่อยของภูเขามาร ภูเขามารมียอดเขาหลักที่สูงตระหง่าน แต่มันก็ยังมีภูเขาย่อยๆ ที่ซับซ้อนและคดเคี้ยวอีกมากมายเช่นกัน มารผู้ฝึกตนของฝ่ายอธรรมอาศัยอยู่ตามแนวเทือกเขาเหล่านี้
นอกจากกลัวว่าจะบังเอิญเจอเข้ากับมารผู้ฝึกตนแล้ว เหตุผลที่ทำไมผู้ฝึกตนจากหลินไห่จึงไม่กล้าเดินทางผ่านภูเขามารไปถึงคุนอู๋ก็เพราะภูมิประเทศของแนวเทือกเขาเหล่านี้แปลกประหลาดซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะผ่านไปได้ นี่จึงเป็นเหตุผลอีกอย่างว่าทำไมมารผู้ฝึกตนจึงไม่สามารถเข้ามาถึงหลินไห่ได้นานหลายต่อหลายปี
“ท่านเจ้าสำนักเว่ย” โม่เทียนเกอพูดขึ้นมาทันใด “คนผู้นั้นเป็นศัตรูที่ข้าเคยคุยกับท่านไว้ เขามีนิสัยแปลกพิกล เคยฆ่าผู้บริสุทธิ์มาก่อนแล้ว ดังนั้นท่านต้องระวังไว้ด้วย”
เนื่องจากเริ่นอวี่เฟิงเสื่อมถอยลงจนเป็นมารผู้ฝึกตน นิสัยของเขาต้องเปลี่ยนไปด้วยอย่างแน่นอน ภายในหนึ่งปีนั้น โม่เทียนเกอได้เห็นนิสัยวิปริตและเอาแน่เอานอนไม่ได้ของเขามาแล้วด้วยตัวเอง ดังนั้นนางจึงรู้ได้ว่าเขากลายไปเป็นมารผู้ฝึกตนอย่างแท้จริง
สีหน้าเว่ยเฮ่าหลานและซย่าชิงเปลี่ยนไป ถึงแม้พวกนางจะรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็ไม่มีร่องรอยของมารผู้ฝึกตนหรืออะไรก็ตามภายในเวลาสองสามเดือนที่ผ่านมาเลยสักนิด ดังนั้นพวกนางจึงไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ อย่างไรก็ตาม โดยไม่คาดคิด เขามาโผล่ที่หน้าประตูของพวกนางเข้าจริงๆ!
“อ๊า!” ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องดังขึ้นจากด้านนอก ฟังดูจากเสียง นั่นคือผู้อาวุโสชิงอี้!
เว่ยเฮ่าหลานหวาดกลัวและรีบไปดูสถานการณ์ด้านนอก อย่างไรก็ตาม สีหน้าของนางเปลี่ยนไปทันที “ศิษย์พี่ซั่งกวน…”
นางไม่จำเป็นต้องพูดอะไรต่อเพราะพวกเขาได้ยินเสียงโกรธจัดของผู้อาวุโสชิงเมี่ยวเรียบร้อยแล้ว “ซั่งกวนอวิ๋นเฮ่า! เจ้าทำอะไรน่ะ!”
“ข้าทำอะไรน่ะหรือ” เสียงของซั่งกวนอวิ๋นเฮ่าฟังดูมืดหม่น “แน่นอนว่าข้ากำลังจะฆ่าพวกเจ้าไง!”
ภายในห้องปรุงยา ทุกคนตกตะลึง ผู้อาวุโสชิงซีตกใจมากเสียจนมือของนางสั่นทำให้นางกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
“ผู้อาวุโสชิงซี!” เว่ยเฮ่าหลานและซย่าชิงอุทานด้วยความตกใจและรีบเข้ามาหา
โม่เทียนเกอได้ยินเสียงดังปังอู้อี้มาจากภายในเตาหลอม นางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ตอนช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสุดท้าย พวกเขาก็ปรุงยาฟ้ากระจ่างไม่สำเร็จ
แต่ถึงอย่างนั้น ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลามาใคร่ครวญกับเรื่องนี้ นางหยิบเอายาวิเศษรักษาอาการออกมาจากในชุดคลุมแล้วจึงส่งต่อให้เว่ยเฮ่าหลาน “ให้ยานี้กับท่านผู้อาวุโสชิงซีเร็วเข้า! แล้วก็ให้ยาบำรุงครอบจักรวาลกับนางด้วย!”
ในเมื่อคนพวกนั้นสามารถวางแผนหักหลังผู้อาวุโสชิงอี้ได้ พวกนางต้องรักษาพละกำลังของผู้อาวุโสชิงซีไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในตอนนี้
“ซั่งกวนอวิ๋นเฮ่า!” เสียงของผู้อาวุโสชิงอี้ฟังดูค่อนข้างอ่อนแอแต่รุนแรงอย่างมาก “พวกเราทั้งสามคนดูแลเจ้าอย่างดีมาโดยตลอด ทำไมเจ้าถึงเนรคุณกับผู้มีบุญคุณแก่เจ้า!”
“ท่านดูแลข้าอย่างดีมาโดยตลอด” น้ำเสียงของซั่งกวนก่อนหน้านี้ยังสุภาพและยั้งไว้ แต่บัดนี้มันเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย “ถ้าพวกท่านดูแลข้าดีจริง ทำไมข้าถึงยังก่อขุมพลังไม่ได้อีก ข้าอายุร้อยเจ็ดสิบปีเข้าไปแล้ว!”
“เจ้าก็รู้ว่าหลินไห่ขาดแคลนทรัพยากร!” ผู้อาวุโสชิงเมี่ยวพูดอย่างเย็นชา “แต่ตั้งแต่เรารับเจ้าเข้ามาในกลุ่ม เราก็มักจะปล่อยให้เจ้าได้เลือกเป็นคนแรกทุกครั้งที่เราได้ยาวิเศษมา! เมื่อเจ้าเพิ่งสร้างฐานแห่งพลังงานได้ เราก็ยอมให้เจ้าเข้ามาในเจดีย์บรรลุเต๋าแล้ว! เมื่อเจ้าเข้าถึงขั้นสูงสุดของดินแดนการสร้างฐานแห่งพลังงาน เราส่งศิษย์ออกไปที่คุนอู๋เพื่อตามหายาไร้ธุลีอยู่เรื่อยๆ! สภาปี้เซวียนเป็นแค่กลุ่มการฝึกตนเล็กๆ แต่เราก็ดูแลเจ้าด้วยดีเสมอดีกว่าที่เราดูแลศิษย์คนอื่นเป็นสิบเท่า! ยังมีอะไรที่เจ้าไม่พอใจอีก”
“ไม่พอใจ แน่นอนข้าไม่พอใจ!” ซั่งกวนอวิ๋นเฮ่าส่งเสียง “ฮึ่ม” ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ผู้อาวุโสชิงเมี่ยวพูดอย่างชัดเจน “จริงอยู่ เมื่อเข้ามาในกลุ่มตอนแรก พวกท่านคอยสอนข้า เมื่อข้าเข้าถึงระดับสิบของดินแดนการหลอมรวมพลังงานวิญญาณ พวกท่านก็ให้ยาสร้างฐานแห่งพลังกับข้าทันที อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่ท่านดูแลข้าอย่างดีก็แค่เพราะข้ามีต้นทุนดีที่สุดในหมู่ศิษย์ที่สภาปี้เซวียนรับเข้ามาภายในช่วงหลายร้อยปีหลัง! แต่เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น หลังจากข้าเข้าถึงขั้นสูงสุดของดินแดนการสร้างฐานแห่งพลังงาน พวกท่านกลับมัวแต่ชักช้าเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ท่านไม่ให้ยาไร้ธุลีกับข้าและท่านก็ไม่ปล่อยให้ข้าก่อขุมพลัง ท่านทำให้ข้าติดอยู่ในขั้นสูงสุดของดินแดนการสร้างฐานแห่งพลังงานอย่างนั้นมาห้าสิบปี ห้าสิบปี!”
“ห้าสิบปีที่แล้ว ข้าขอท่านว่าให้ปล่อยข้าไปที่คุนอู๋ ปล่อยให้ข้าตามหายาไร้ธุลีด้วยตัวเอง หรือบางทีอาจจะตามหาชะตาลิขิตบางอย่าง แต่ท่านทำอะไรน่ะรึ พวกท่านยิ่งกว่ายินดีที่จะส่งศิษย์ที่ไม่มีแววในอนาคตออกไปที่คุนอู๋แทนข้า! พวกท่านทำเช่นนั้นเพราะกลัวว่าข้าจะไม่กลับมาเมื่อข้าไปถึงคุนอู๋แล้วอย่างนั้นหรือ แค่เพราะท่านกลัวว่าท่านจะไม่สามารถควบคุมข้าได้อีกต่อไป ท่านทำให้ข้าไม่สามารถก่อขุมพลังของข้าได้ถึงห้าสิบปี!”
สีหน้าเว่ยเฮ่าหลานเปลี่ยนไปอีกครั้งเมื่อได้ยินคำพูดของซั่งกวนอวิ๋นเฮ่า จากนั้นนางยืนขึ้นและเดินออกจากห้องปรุงยา “ซั่งกวนอวิ๋นเฮ่า! จิตสำนึกของท่านหายไปไหนหมด! ท่านผู้อาวุโสไม่เคยปล่อยให้ท่านออกจากกลุ่มเพราะพวกนางเป็นห่วงความปลอดภัยของท่าน! พวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้องผู้หญิงมักจะออกเดินทางเคลื่อนไหวอยู่ตลอด พยายามตามหายาไร้ธุลีของท่าน! ตั้งแต่ท่านเข้ามาในกลุ่ม เราเคยบอกให้ท่านทำอะไรบ้างไหม ไม่เคย! ไม่เพียงแต่เราจะไม่เคยทำอย่างนั้น แต่เรายังถึงขนาดจัดหาทุกสิ่งที่ท่านต้องการสำหรับการฝึกตนให้ด้วยซ้ำ! มันไม่เป็นไรหรอกถ้าท่านไม่รู้สึกสำนึกบุญคุณของเรา แต่ท่านยังกล้ามาโทษเราอีก!”
“เพื่อข้า” ซั่งกวนอวิ๋นเฮ่าเยาะเย้ย “เว่ยเฮ่าหลาน เจ้าไม่รู้สึกผิดรึเมื่อเจ้าพูดเช่นนั้น สี่สิบปีก่อนเมื่อท่านเจ้าสำนักคนก่อนลาออก ข้าต้องการเป็นเจ้าสำนัก แต่ถึงแม้จะมีคุณสมบัติและระดับการฝึกตน ทำไมตำแหน่งนั้นถึงตกไปอยู่ในมือของเจ้าได้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเจ้าก็ยังไม่ยอมอนุญาตให้ข้าก้าวขาออกจากกลุ่มแม้แต่ก้าวเดียวด้วยซ้ำ แอบกักขังข้าไว้อย่างลับๆ!”
“ซั่งกวนอวิ๋นเฮ่า!” เว่ยเฮ่าหลานระเบิดอารมณ์โกรธ “สภาปี้เซวียนของเราเป็นกลุ่มการฝึกตนสำหรับผู้ฝึกตนหญิง! เจ้าสำนักหลายต่อหลายรุ่นเป็นผู้ฝึกตนหญิงมาโดยตลอด คนเขาจะพูดอย่างไรถ้าเราปล่อยให้ท่านกลายเป็นเจ้าสำนัก”
“ถูกต้อง ประโยคนี้ล่ะ!” ซั่งกวนอวิ๋นเฮ่าพูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียน “เพียงเพราะข้าเป็นผู้ฝึกตนชาย พวกเจ้ามักจะระแวงข้าในทุกทาง! อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ ที่จริงแล้วพวกเจ้าได้รับยาไร้ธุลีมาตั้งแต่สองสามปีก่อน! เจ้าแค่ไม่อยากให้ข้าก้าวหน้าไปอย่างราบรื่น!”
“ระแวงเจ้า” ผู้อาวุโสชิงอี้พูดออกมาในที่สุด แต่นางไออย่างต่อเนื่องก่อนที่นางจะพูดต่อ “จริง ที่จริงแล้วข้าระแวงเจ้า!”
“ท่านผู้อาวุโสชิงอี้” เว่ยเฮ่าหลานเรียกด้วยความงุนงง
“เมื่อเจ้าและเฮ่าหลานแข่งขันกันเพื่อตำแหน่งเจ้าสำนัก ข้าสังเกตเห็นแล้วว่าจิตใจของเจ้าไม่ได้อยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง! เพราะเหตุนั้นข้าจึงไม่ปล่อยให้เจ้าออกจากลุ่มและข้าก็ยังไม่ให้ยาไร้ธุลีกับเจ้าทันที อย่างไรก็ตาม เจ้าคิดว่าข้าทำทั้งหมดนั้นไปเพื่ออะไร ถ้าเจ้าไม่ละทิ้งความโลภมากและไม่ฝึกสภาวะจิตของเจ้า เจ้าก็จะตกต่ำลงเมื่อเผชิญกับมารภายในจิตใจในระหว่างการก่อขุมพลังของเจ้า!”