เมื่อเจ้าหน้าที่ศาลตุลาการได้ยินสิ่งนี้ เขาก็ตอบขึ้นทันที“ขอให้ผู้นำตระกูลเมิ่งมั่นใจได้เลยว่าเราจะจัดการคดีนี้ด้วยความยุติธรรม”
คดีนี้ยังคงดำเนินต่อไป หลังจากเสร็จสิ้นกรณีของผู้อาวุโสเมิ่งแล้ว ผู้นำตระกูลเมิ่งก็ไม่ได้เปิดปากของเขาอีก แต่ชายชราผมสีเงินและหมอเทวดาโม่ก็ยังถกเถียงกันต่อไป หมอเทวดาโม่ยอมรับว่าเขาทำบาปต่อตระกูลเมิ่ง แต่เขาก็ไม่ยอมรับข้อกล่าวหาอื่น ๆอีก
เกี่ยวกับภรรยาของลูกศิษย์ของเขา เกี่ยวกับการฆ่าลูกศิษย์ของเขา เกี่ยวกับการใช้คนเพื่อทดสอบยาของเขา การใช้เลือดของผู้คนในการพัฒนายาของเขา หมอเทวดาโม่ยอมรับแม้แต่น้อย เขาสาบานว่าเขาไม่เคยทำสิ่งนี้มาก่อน
หมเทวดาโม่กล่าวว่าเขามีความผิดในการตายของผู้อาวุโสเมิ่ง เมื่อ 20 ปีก่อน แต่เขาก็ยังเป็นหมอที่ซื่อตรง ในหัวใจของเขาชีวิตมนุษย์ทุกคนมีความสำคัญ เขาจะไม่ทำผิดอย่างชั่วร้ายต่อมนุษย์เช่นนั้น
20 ปีที่แล้ว เขาใช้ยานั้นและไม่ได้ทดลองกับผู้อาวุโสเมิ่งก่อน แต่เพราะเขากระตือรือร้นที่จะช่วยเขา อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุดผู้อาวุโสเมิ่งก็เสียชีวิต เขากลัวที่จะกล่าวโทษว่าเป็นเพราะลูกศิษย์ของเขา แต่ลูกศิษย์ของเขาก็ไม่เคยกลับมา……
เนื่องจากประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมของหมอเทวดาโม่ ในคำสารภาพของเขาก่อนหน้านี้ ความร้อนแรงต่อข้อกล่าวหาอื่น ๆ ของชายชราที่มีผมสีเงินจึงเบาลง เจ้าหน้าที่ศาลยุติธรรมและผู้นำตระกูลเมิ่ง ที่มีอคติต่อหมอเทวดาโม่ เพียงเล็กน้อยประกอบกับพยานด้วยวาจาเท่านั้น ข้อกล่าวหาอื่น ๆ ของชายชราที่มีผมสีเงินจึงไม่สามารถทำอะไรหมอเทวดาโม่ได้
ชายชราที่มีผมสีเงินอยากจะจบชีวิตหมอเทวดาโม่ด้วยคดีนี้ แต่เขาก็ไม่สามารถหาหลักฐานใด ๆ มาได้อีก
“ ถึงแม้ว่าข้าจะได้ทำสิ่งเลวร้ายบางอย่างลงไป แต่ข้าก็ยังรู้ว่าข้าได้ทำอะไรลงไปบ้าง ข้าจะไม่ยอมรับกับสิ่งที่ข้าไม่เคยทำ” หลังจากคดีของผู้อาวุโสเมิ่ง หมอเทวดาโม่ก็ดูเหมือนราวกับว่าได้เกิดใหม่อีกครั้ง ภาระอันหนักอึ้งที่สุดในชีวิตของเขาดูเหมือนจะถูกวางลงแล้ว ดังนั้นตอนนี้เขาจึงไม่กลัวโลกอีกต่อไป
ในขณะนี้ ผู้นำตระกูลเมิ่งจึงช่วยไม่ได้ที่จะเชื่อคำพูดของหมอเทวดาโม่
“ เจ้าคนบาป เจ้ามันน่ารังเกียจ ไร้ยางอาย!” ชายชราผมสีเงินรู้ถึงความตั้งใจของหมอเทวาดาโม่ เขาเกือบจะกระอักเลือดออกมา
เขาน่ารังเกียจจริง ๆ น่ารังเกียจจริง ๆ … ถ้าเขาสารภาพบาป การลงโทษของเขาก็จะไม่หนัก แม้ว่าชื่อเสียงของเขาจะหายไป แต่ความผิดของเขาก็เกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีก่อน ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ แต่ทักษะของหมอเทวดาโม่ นั้นก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ และถ้าหากว่าไม่มีหมอที่ดีกว่าเขาอีกแล้ว แม้ว่าโลกจะเกลียดเขา แต่ความผิดของเขาก็จะถูกลืมหลังจากหนึ่งหรือสองปี
หมอเทวดาโม่ ยังคงเพิกเฉยต่อข้อกล่าวหาอื่น ๆ ของชายชราที่มีผมสีเงิน ใบหน้าที่ไม่มีชีวิตของเขา ดูเหมือนจะฟื้นคืนกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ทำให้เจ้าหน้าที่ของศาลยุติธรรมสงสัยชายชราผมสีเงิน ชายชราผมสีเงินแผดเสียงออกมาด้วยความโกรธซ้ำแล้วซ้ำ ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ศาลยุติธรรมถึงกับตีค้อนขึ้นเสียงดัง ทำให้ชายชราผมสีเงินเงียบลง
“ สวรรค์ไม่ยุติธรรม สวรรค์ไม่ยุติธรรม!” ชายชราผมสีเงินไม่กล้าที่จะก่อปัญหาอีกครั้ง เขาจึงได้แต่พึมพำกับตัวเอง
เขาประเมินความร้ายกาจของหมอเทวดาโม่ ต่ำเกินไป และเขาก็ประเมินอำนาจของศาลมากเกินไป เขาคิดว่าศาลจะส่งคนไปสอบสวนเรื่องนี้ แต่ผลก็คือศาลไม่ได้สนใจที่จะตรวจสอบเลยแม้แต่น้อย พวกเขาต้องการให้เขานำหลักฐานมาด้วยตัวเองหรือ เขาเป็นชายชราที่พิการ เขาจะหาหลักฐานอื่นๆมาได้อย่างไร
เพื่อหาหลักฐานในการเสียชีวิตของผู้อาวุโสเมิ่ง เขาต้องใช้เวลาอยู่ถึง 20 ปี!
ไม่มีหลักฐานต่อความผิดอื่นๆ ของหมอเทวดาโม่ นอกเหนือจากคำให้การทางวาจาของชายชรา ดังนั้นหมอเทวดาโม่ จึงไม่สามารถถูกตั้งข้อหากับความผิดเหล่านั้นได้ และเจ้าหน้าที่ของศาลตุลาการก็ไม่กล้าดึงหมอเทวดาโม่ลงต่ำได้
หมอเทวดาโม่จับของเขาเข้าด้วยกันแล้วก้มศีรษะลง แต่ก่อนที่เขาจะจากไป เขาก็เผชิญหน้ากับผู้นำตระกูลเมิ่งอีกครั้งและกล่าวขึ้น“ข้าได้ยินมาว่าผู้นำตระกูลเมิ่ง พาบุตรชายของท่านมาที่เมืองหลวง แม้ว่าข้าจะมีความสามารถไม่มากนัก แต่ข้าก็สามารถที่จะพยายามรักษาเขาได้ ข้าอยากจะขอให้ผู้นำตระกูลเมิ่ง ให้โอกาสข้าได้ทำดีลบล้างกับสิ่งที่ข้าได้ทำผิดไป ข้าทำผิดพลาดในครั้งนั้น แต่คราวนี้ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”
ในสุดท้าย หมอเทวดาโม่ก็มองผู้นำตระกูลเมิ่ง ด้วยสายตาที่อ้อนวอน
ไม่มีหลักฐานความผิดอื่น ๆ ของเขา พวกเขาไม่สามารถบังคับให้เขาสารภาพมันออกมาได้ ตราบใดที่ศาลได้ประกาศถึงความบริสุทธิ์ของเขา โลกก็จะเห็นอกเห็นใจเขามากขึ้น
สำหรับตระกูลเมิ่ง?
ตราบใดที่ผู้นำตระกูลเมิ่งขอให้เขารักษาบุตรชายของเขา ก็หมายความว่าตระกูลเมิ่งได้ให้อภัยเขาแล้ว คนอื่นอาจจะยังคงพูดถึงมันต่อไป แต่ก็เพียงแค่ปีหรือสองปีเท่านั้น… .