เซียวจิ่งสือรู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ใช่หลินหว่าน แต่ตอนเขารับสายยังรับปากมาพบเธอ เพราะเขาอยากรู้เป้าหมายที่แท้จริงของอีกฝ่าย
อี้อวิ๋นฉังอธิบายหน้าตาเฉยว่า “จิ่งสือคะ เมื่อหลายวันก่อนฉันมีธุระต้องออกไปข้างนอกสักหน่อย เลยให้อี้อวิ๋นฉัง อ้อ แสตนอินนั่นช่วยแสดงแทนฉันไปพลางๆ นะค่ะ ฉันไม่ทันได้บอกคุณก่อน คุณคงไม่โกรธนะคะ?”
“จะโกรธได้ยังไงกัน ก็คุณมีธุระนี่ ให้แสตนอินแสดงแทนก็ไม่เป็นไรหรอก ผมจะโกรธคุณได้ไงกัน?” เซียวจิ่งสือพูดเสียงเรียบ ถ้าหากเธอให้อินเสี่ยวเสี่ยวแสดงแทนเพราะเธอเล่นหนังไม่เป็น เซียวจิ่งสือก็ยินดีที่จะให้มันเป็นไป เพราะสุดท้ายแล้วชื่อเสียงก็จะตกเป็นของหลินหว่านอยู่ดี
จากนั้นเขาก็ถามหยั่งเชิงเหมือนไม่สลักสำคัญอะไร “แต่เมื่อหลายวันก่อนคุณมีธุระอะไรเหรอ ไปไหนมาล่ะ?”
เมื่อหลายวันก่อนเขาให้เลขาไปตามรอยหลินหว่านตัวปลอมนี่ แต่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย เขาจึงลองถามดู
“นี่…ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” อี้อวิ๋นฉังพูดปัดไป แล้วเปลี่ยนเรื่องถามว่า “จิ่งสือคะ บ่ายนี้ตอนฉันโทรหาคุณ คุณทำอะไรอยู่คะ?”
เซียวจิ่งสือหรุบตาลง พูดว่า “ไม่ได้ทำอะไรหรอก” จากนั้นเขาก็มองนาฬิกาข้อมือ พูดกับอี้อวิ๋นฉังว่า “สายแล้ว บริษัทยังมีงานต้องทำอีก คุณทานข้าวไปก่อนเถอะ”
พูดจบ เซียวจิ่งสือก็ก้าวยาวๆ จากไป ก่อนที่จะรู้เป้าหมายที่แท้จริงของเธอ เซียวจิ่งสือตัดสินใจว่าจะยังไม่เปิดโปงสถานะตัวปลอมของเธอ
“เอ๊ะ จิ่งสือคะ!” ส่วนอี้อวิ๋นฉังที่มองเงาหลังของเซียวจิ่งสือที่จากไป รู้สึกขัดเคืองใจขึ้นมา ทำไมเซียวจิ่งสือจึงไม่ยอมแม้แต่จะทานข้าวกับเธอสักมื้อนะ?
ต้องเป็นเพราะอินเสี่ยวเสี่ยวแน่!
เฮอะ เธอจะต้องทำลายอินเสี่ยวเสี่ยวให้ย่อยยับ!
ช่วงเวลาต่อจากนั้น อี้อวิ๋นฉังก็คอยพัวพันเซียวจิ่งสือทุกวัน ขณะที่เซียวจิ่งสือก็ไม่คิดจะฉีกหน้ากากเธอ จึงได้แต่รักษาท่าทีเย็นเฉียบเป็นน้ำแข็งขั้วโลกกับเธออยู่ทุกวัน และไม่ได้ห้ามที่อี้อวิ๋นฉังมาปรากฏตัวที่บริษัทเขาตรงเวลาทุกวัน
เซียวจิ่งสือรับมือกับอี้อวิ๋นฉังทุกวัน จึงไปเยี่ยมอินเสี่ยวเสี่ยวที่กองถ่ายน้อยมาก อินเสี่ยวเสี่ยวนั้นแม้ผิดหวังท้อแท้มาก แต่กลับตั้งใจแสดงอย่างเอาจริงเอาจังทุกวัน
หนึ่งเดือนผ่านไป หนังของอินเสี่ยวเสี่ยวกำลังจะปิดกล้องแล้ว อี้อวิ๋นฉังพอรู้ข่าวก็ดีใจมาก ในที่สุดวันที่เธอรอคอยก็มาถึง
วันปิดกล้อง เนื่องจากอินเสี่ยวเสี่ยวแสดงเป็นนางเอก ทางกองถ่ายจึงจัดงานเลี้ยงฉลองที่ไม่เล็กนักให้เธอ
ในงานเลี้ยง อินเสี่ยวเสี่ยวนึกถึงเซียวจิ่งสือที่ติดต่อกับเธอน้อยลงไปทุกที ทำให้อดคิดมากไม่ได้ ด้วยมีความในใจเธอจึงไม่ปฏิเสธเหล้าที่เสนอเข้ามา สุดท้าย อินเสี่ยวเสี่ยวจึงดื่มจนเมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
แต่นึกไม่ถึงว่า พออินเสี่ยวเสี่ยวตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น บนเน็ตก็มีกระแสข่าวลือเรื่องของเธอพร่างพรูกันเข้ามา
เนื่องจาก สถานะ “อี้อวิ๋นฉัง” นี้ เป็นตัวตนที่อี้อวิ๋นฉังสร้างขึ้นเพื่อเหยียบย่ำอินเสี่ยวเสี่ยว ให้เธอใช้ตอนแสดงเป็นแสตนอินของเธอ ดังนั้นตอนนี้ในสายตาฝูงชนที่ไม่รู้ความจริงทั้งหลายบนเน็ตอินเสี่ยวเสี่ยวก็ยังเป็นอินเสี่ยวเสี่ยวอยู่ดี
ส่วนอี้อวิ๋นฉังในสายตาคนอื่นก็คือ “หลินหว่าน” ดังนั้น บนเน็ตและในสายตาของแฟนคลับหลินหว่าน อินเสี่ยวเสี่ยวยังเป็นแค่ตัวสำรองที่หน้าเหมือนเธอทุกประการ แทรกตัวเข้าหาเซียวจิ่งสือช่วงที่หลินหว่านตกลงไปในทะเล
นอกจากนี้ ความจริงเกี่ยวกับตัวตนของหลินหว่าน ก็มีแค่เซียวจิ่งสือกับเลขาของเขา ฮั่วเทียนอวี่และอี้อวิ๋นฉังไม่กี่คนนี้ที่รู้เท่านั้น
บนเน็ตวันนี้จู่ๆ ก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อินเสี่ยวเสี่ยวเกี่ยวกับเรื่องนี้
ตอนเช้า ชื่อของอินเสี่ยวเสี่ยวขึ้นไปเป็นชื่อฮอตติดชาร์ต ด้านหลังยังตามมาด้วยแฮชแท็กประเภท ‘ตัวตนที่แท้จริง’ อีก
พอคลิ๊กเข้าไปดู ที่แท้มีคนขุดคุ้ยเรื่องของอินเสี่ยวเสี่ยวก่อนเข้าวงการแสดงมาเปิดโปงว่า เธอเป็นแค่สาวบ้านนอกจากบนเขา ต่อมาเธอไปทำศัลยกรรมใบหน้าให้เหมือนกับหลินหว่านเพื่อให้ตัวเองโด่งดังเป็นที่รู้จักขึ้นมา ขณะที่เซียวจิ่งสือไม่ทราบเรื่องนี้ จึงเข้าใจว่าเธอเป็นหลินหว่าน ภายหลังเป็นไปตามที่อินเสี่ยวเสี่ยวคาดหวังไว้ เธอใช้ใบหน้าและท่าทางที่คล้ายกับหลินหว่านค่อยๆ เป็นที่รู้จักกันในวงการบันเทิง กลายเป็นตัวแสดงแทนของหลินหว่าน
ในเวยปั๋วมีหลายแอคเคาน์ธุรกิจที่เปิดพื้นที่ให้กับข่าวแฉชิ้นนี้ เห็นได้ชัดว่ามีคนบงการอยู่เบื้องหลังเพื่อมุ่งร้ายต่ออินเสี่ยวเสี่ยว แต่ชาวเน็ตทั้งหลายกลับไม่คิดเช่นนี้ โดยเฉพาะเหล่าแฟนคลับของหลินหว่าน
พวกเขาพากันเฮโลไปที่เวยปั๋วของอินเสี่ยวเสี่ยว ด่าอินเสี่ยวเสี่ยวลงในกล่องแสดงความคิดเห็น
‘แหวะ ที่แท้ก็เป็นสาวบ้านนอกออกมาจากร่องเขานี่เอง เคยได้ยินนิทานเรื่องตงซือเสี้ยวผิน [1] ไหม? ต่อให้โบ๊ะหน้าเหมือนหลินหว่านหล่อนก็ไม่ใช่หลินหว่านอยู่ดี ไสหัวกลับหลังเขาไปเรียนหนังสืออีกหลายปีเถอะ! ’
‘เข้าวงการบันเทิงอยากจะดังก็ไม่ผิดหรอก อยากดังจนต้องพึ่งมีดหมอก็ไม่เห็นเป็นไร แต่หล่อนไม่ควรทำหน้าเหมือนหลินหว่าน มันแปดเปื้อนยอดหญิงของฉัน! จงรีบไสหัวไปจากวงการซะ กลับบ้านนอกไปซะเถอะ! อย่าโผล่หน้าออกมาให้เสียสายตาอีก! ’
……
ด้วยมีอี้อวิ๋นฉังคอยผลักดันอยู่เบื้องหลัง ข่าวแฉอินเสี่ยวเสี่ยวจึงขึ้นเป็นข่าวฮิตติดชาร์ตครองอันดับหนึ่งในเวลาอันรวดเร็ว เธออ่านดูข้อความก่นด่าอินเสี่ยวเสี่ยวในกล่องคอมเมนต์ รู้สึกสาแก่ใจสุดๆ
ใช่เลย ข่าวฉาวของอินเสี่ยวเสี่ยวคราวนี้เป็นฝีมือของเธอเอง เธอตั้งใจไว้แต่แรกว่าต้องทำลายอินเสี่ยวเสี่ยวทิ้งซะ และตอนนี้ก็ปิดกล้องแล้ว อินเสี่ยวเสี่ยวไม่มีประโยชน์อีกต่อไป เธอรอวันนี้มานานแล้ว
ไม่นานนัก ดูเหมือนทุกคนบนเวยปั๋วจะรู้ ‘ตัวตนที่แท้จริง’ และ ‘ข่าวสวยด้วยมีดหมอ’ ของอินเสี่ยวเสี่ยวกันหมด อย่างน้อยก็ก่อนที่อินเสี่ยวเสี่ยวจะสร่างเมา
หลังพลิกดูข่าวแฉที่ว่าบนเวยปั๋ว อินเสี่ยวเสี่ยวจะดูไม่ออกได้ยังไงว่ามีคนสาดโคลนเธออยู่เบื้องหลัง? ส่วนใครเป็นคนทำนั้น ไม่ต้องคิดเลย มีแค่ ‘หลินหว่าน’ คนเดียวเท่านั้น
อินเสี่ยวเสี่ยวไม่เข้าใจว่าทำไม ‘หลินหว่าน’ ต้องสาดโคลนให้เธอเสียชื่อด้วย หรือว่าแค่ต้องการละเลงสีชาติกำเนิดของเธอเท่านั้น?
เรื่องในอดีต อินเสี่ยวเสี่ยวจำไม่ได้แล้วจริงๆ มีเพียงฮั่วเทียนอวี่บอกกับเธอว่าเธอเติบโตมาจากบนเขา แต่อินเสี่ยวเสี่ยวเข้าใจว่า ชาติกำเนิดของคนๆ หนึ่งไม่อาจเป็นจุดด่างของคนเราได้หรอก
ส่วนเรื่องทำศัลยกรรมผ่าหน้า อินเสี่ยวเสี่ยวกล้าสาบานเลยว่าเธอไม่เคยไปทำหน้ามาก่อน ดังนั้นเธอจึงแก้ข่าวในเน็ตว่าเธอไม่เคยทำศัลยกรรมมาก่อน
แต่เธอไม่รู้เลยว่า การกระทำของเธอพอดีตกหลุมพรางของอี้อวิ๋นฉัง
ตอนแรกเพื่อทำความเข้าใจหลินหว่าน อี้อวิ๋นฉังอุตส่าห์ให้คนไปสืบเรื่องราวต่างๆ ของหลินหว่านมาทั้งหมด
เท่าที่อี้อวิ๋นฉังรู้มา หลินหว่านกับบ้านตระกูลอันดูเหมือนจะมีปัญหาขัดแย้งที่พูดไม่ได้อยู่บ้าง เพราะเมื่อก่อนบ้านตระกูลอันเคยให้คนไปทำลายหลินหว่านให้เสียโฉม และนั่นก็คือใบหน้าของอินเสี่ยวเสี่ยว
ต่อมา ก่อนหลินหว่านเข้าวงการ เคยไปทำศัลยกรรมตกแต่งใบหน้ามาก่อน
เพียงแต่ว่า ตอนนี้อินเสี่ยวเสี่ยวจำเรื่องทั้งหมดไม่ได้เท่านั้นเอง ดังนั้นจึงพูดอย่างมั่นใจบนเน็ตว่าตัวเองไม่เคยทำศัลยกรรมมาก่อน
——
[1] ตงซือเสี้ยวผิน เป็นนิทานสุภาษิตจีน เรื่องมีอยู่ว่า หญิงงามไซซีไม่สบาย จึงขมวดคิ้วยกมือกุมอก ตงซือหญิงข้างบ้านรู้สึกว่านางไซซีงามมาก จึงเลียนแบบท่าทางของนาง ปรากฏว่ายิ่งดูน่าเกลียดมากขึ้น ภายหลังใช้เปรียบเชิงเย้ยหยันคนที่เลียนแบบคนอื่นแต่ทำได้ไม่ดี กลายเป็นที่หัวเราะเยาะของผู้อื่นไป