TQF:บทที่ 756 อวสาน (24)

 

พูดจบผู้เฒ่าก็ทอดสายตาไปยังทิศของโถงวิหารสวรรค์มีรอยยิ้มบางๆปรากฏอยู่บนใบหน้าชรา “1 ในนั้นแต่งงานที่นี่ด้วย น่าสนุกๆ ข้าไปขอเหล้ากินสักแก้วดีกว่า”

 

ร่างสีขาวของเขาหายไปก่อนจะมาปรากฏตัวในโถงวิหารสวรรค์

 

ส่วนคู่แต่งงานใหม่ที่อยู่ในห้องวิวาห์ ทั้ง 2 ยกแก้วเหล้าขึ้น ไขว้ไว้กับมืออีกฝ่าย ถือว่าเสร็จพิธีสุดท้าย

 

เหล้าร่วมสามีภรรยา

 

ทั้ง 2 ดื่มจนหมด วางแก้วลงและจ้องมองอีกฝ่ายพลางคลี่ยิ้ม

 

โม่ซวนซุนลุกขึ้นดึงเจ้าสาวตัวเองมารวบไว้ในอ้อมกอดอย่างห้ามใจไม่อยู่ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวจิตใจสั่นไหว คลี่ยิ้มเย้ายวน มีคลื่นซัดเป็นระลอกๆในใจ อิงแอบในอ้อมกอดเขาอย่างสบาย

 

เขายื่นมือไปเชิดคางสวยๆของนางขึ้น แววตาเป็นประกายอย่างมีเสน่ห์ ค่อยๆก้มหน้าลงไปจูบริมฝีปากบางอมชมพูของนางไว้ กลิ่นไอสดใสวนไปมาอยู่ในปากนาง ลิ้นพัวพันกันด้วยความเสน่หา

 

วินาทีต่อมาร่างของทั้ง 2 ก็หายไปจากห้องวิวาห์

 

ก่อนจะมาปรากฏตัวบนชั้นบนสุดในวังสวรรค์ และทั้ง 2 ยังอยู่ในสระน้ำอีกด้วยฝ

 

ทั้ง 2 ที่รู้สึกถึงความผิดปกติได้สติกลับมาทันที และเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น “หยูเฮงน้อย….” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวโกรธจนกัดฟันกรอด ยัยหนูนี่เล่นแรงขึ้นทุกวันๆ

 

โม่ซวนซุนยิ้มเฝื่อนๆอย่างทำอะไรไม่ได้ เจ้าตัวเล็กนี่ซนจริงๆ “อิอิ คุณหนู ท่านเขย ช่วง 1 เดือนนี้เป็นช่วงหวานแหววของพวกท่าน จำไว้นะ ใน 1 เดือนนี้ห้ามออกมาเด็ดขาด พวกท่านวางใจเถอะ ข้าจะกีดกันวังสวรรค์นี้ออกจากภายนอก”

 

สิ้นประโยคสุดท้ายลง ทั้ง 2 ก็รู้สึกได้ว่าวังสวรรค์ถูกกีดกันออกมาจริงๆ ท่าทางเจ้าตัวเล็กจะไม่ได้ล้อเล่นนะ

 

แม้จะไม่รู้จุดประสงค์ของหยูเฮงน้อย แต่ทั้ง 2 ก็ได้แต่ทำตาม

 

ผ่านไปราวๆครึ่งชั่วยาม

 

จู่ๆในวังสวรรค์ก็มีพลังหยินหยางพุ่งทะยานสู่ฟ้า พริบตาเดียวก็ทำให้มิติสั่นคลอน

 

หยูเฮงน้อยที่อยู่ไกลๆเบิกตาโพลง เผยให้เห็นนัยน์ตาเจิดจ้า และกล่าวยิ้มๆ “ต้นหลิวน้อย พวกเราเริ่มได้” “ได้”

 

2 ภูติน้อยรีบลงมือเรียกกฎแห่งฟ้าดินออกมาครอบคลุมทั้งมิติเอาไว้ “ตู้มๆๆๆ…..”

 

เกิดการสั่นสะเทือนรุนแรงในมิติ แสงศักดิ์สิทธิ์ร่ายรำอยู่ทั่วผืนฟ้า โซ่เส้นแล้วเส้นเล่าไขว้หากันในอากาศ เกิดเป็นประกายเจิดจ้า ไม่ว่าจะเส้นไหนก็สามารถตัดขาดยอดเขา ผ่าผืนดินออก

 

คลื่นอันน่าสยดสยองระเบิดออก พริบตาเดียวก็กลายเป็นดอกไม้ไฟอันเฉิดฉาย สะเทือนนภาราวกับกำลังเบิกฟ้าพลิกดิน

 

ทั่วทั้งมิติมีแสงศักดิ์สิทธิ์อุบัติขึ้นแสงแล้วแสงเล่า ถักเข้าหากัน อักขระอันลึกล้ำกระจายไปทั่วผืนฟ้า ลมปราณแห่งเต๋าหมุนเวียนอยู่ด้านในไม่หยุด กระจายออกเป็นพลังยากจะหยั่งถึง

 

พลังลมปราณที่ราวกับเป็นของทั้งโลกหล้ากลายเป็นแสงสีทองวาดผ่านฟ้าไป แตกออกเป็นนานาสี เจิดจ้างดงาม

 

แสงต่างๆถูกพ่นออกมาราวกับเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ มีแสงสีม่วงร้อยเข้าหากันอย่างเป็นระเบียบเกิดขึ้น อุบัติเป็นโครงสร้างโลกเล็กๆที่มีอักขระอยู่เต็มฟ้า น่าตะลึงและน่าเกรงขาม

 

เสียงแห่งเต๋าแปลงเป็นอักขระลึกลับต่างๆที่มีสีเหลืองสว่างกระพริบอยู่ตามอักขระ เป็นประกายสว่างสดใส พลังแห่งแสงสว่างอันยิ่งใหญ่แผ่กระจายออก ไม่จนว่าฟ้าจะสูงแค่ไหน ไม่สนว่าดินจะหนาแค่ไหน “พี่หยูเฮง เหมือนจะเกิดการเปลี่ยนแปลง” จู่ๆต้นหลิวน้อยก็เอ่ยขึ้น

 

หยูเฮงน้อยมองไปตามเสียง ก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของฟ้าดิน ฟ้ามืดลงเรื่อยๆ พริบตาเดียวกลางคืนก็เข้ามาบดบังทุกอย่างจนมิด “ในที่สุดก็จะมีดินฟ้าอากาศอุบัติขึ้นแล้ว” หยูเฮงน้อยไม่ตกใจแต่กลับดีใจ มองท้องฟ้าสีดำที่เหมือนจะถล่มลงมา อากาศแข็งตัวเกิดเป็นบรรยากาศอันกดดัน “ตู้มม ตู้มมม….

 

ท้องฟ้าไกลๆส่งเสียงฟ้าร้องต่ำๆที่ทำให้รู้สึกหวาดกลัว

 

ไม่นานนักฟ้าก็ผ่าถล่มลงมา ร้อยเข้ากับสายฟ้า แสงอันแยงตาส่องท้องฟ้าและพื้นดินจนสว่างวาบ เสียงฟ้าผ่าดังตามขึ้นอีก ฟ้าแลบอีกครั้งจนความกว้างใหญ่ตรงหน้าเป็นดั่งสายผ้าสีขาว เกิดเป็นแสงอันเจิดจรัสภายใต้สายฟ้า

 

เผ่าอสูรในป่ากลับถ้ำตัวเองกันหมดแล้ว พวกมันไม่กล้าอยู่ในป่าต่อ เผ่าอสูรกลัวสายฟ้าโดยสัญชาตญาณ ไม่กล้าเปิดเผยตัวท่ามกลางฟ้าร้องฟ้าแลบ “ฟิ้วๆๆๆ….”

 

จู่ๆก็มีพายุพัดกระหน่ำมา ต้นไม้ส่ายอย่างรุนแรง ฟ้าแลบส่งแสงราวกับคมดาบสีขาวที่ร่ายรำอยู่ในท้องฟ้าอันมืดมิด รอบๆมีหมอกลอยอยู่บางๆ เพิ่มความเศร้าให้กับบรรยากาศ

 

แสงฟ้าแลบสว่างขึ้นเรื่อยๆวาดผ่านท้องฟ้ากลายเป็นแสงสว่างนับไม่ถ้วน เสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้นเรื่อยๆอย่างสนั่นหูด้วยจังหวะอึมครึม และเป็นดั่งแส้เถาวัลย์ที่ตวัดไปมาอย่างแรงตามฟ้าแลบ เพียงแค่วาดผ่านฟ้าไปก็เกิดร่องรอยแห่งแสงบนท้องฟ้า ราวกับสัตว์ประหลาดที่อ้าปากกว้างพร้อมจะเขมือบสรรพสิ่ง “……”

 

จากนั้นเม็ดฝนเท่าเมล็ดถั่วก็ตกลงมา ราวกับสวมม่านให้กับฟ้าดิน ทำให้ภาพไกลๆมัวลง

 

เสียงฝน เสียงลม เสียงฟ้าร้องผสานเข้าด้วยกัน บวกกับฟ้าที่แลบอยู่แปลบๆ ในที่สุดเหตุการณ์ธรรมชาติที่เฝ้ารอมานานก็อุบัติขึ้น

 

ฟ้าฝนมาไวและไปไว ไม่นานนักฝนก็หยุด

 

พระอาทิตย์เผยรอยยิ้มอีกครั้ง อากาศสดชื่นโชยเข้าหน้าทำให้ผู้คนจิตใจปลอดโปร่ง ต้นไม้หยุดการสั่นไหวแล้ว ต้นหญ้าก็ยืนยืดอกอยู่ตรงนั้น ดอกไม้ก็แลดูมีชีวิตชีวา แผ่ซ่านพลังชีวิตออกมา “จบแค่นี้แล้วใช่มั้ย”

 

ต้นหลิวมองท้องฟ้าที่ดูเหมือนจะกลับสู่สภาพปกติถามขึ้นอย่างแปลกใจ

 

หยูเฮงน้อยส่ายหัวเบาๆ “ครั้งนี้กฎแห่งฟ้าดินจะสมบูรณ์แบบโดยแท้จริง และบังเกิดเป็นผืนดินจริงๆในต่างมิติ ยังมีเรื่องต้องทำให้สมบูรณ์อีก”

 

ราวกับตอบรับคำพูดของนาง ท้องฟ้าค่อยๆเกิดการเปลี่ยนแปลง ดูเหมือนอากาศกำลังค่อยๆเปลี่ยนไป “เอ๋ เหมือนจะหนาวขึ้น”

 

เจ้าต้นหลิวเอ่ยขณะที่ลมเย็นๆพัดผ่านท้องฟ้าไป หยูเฮงน้อยพยักหน้า “ถ้าข้าเดาไม่ผิดละก็ ครั้งนี้น่าจะมีฤดูกาลทั้ง 4 อุบัติขึ้น”

 

และก็จริง มีลมปราณแห่งฤดูใบไม้ผลิออกมาทำให้ทั้งผืนดินมีชีวิตชีวาขึ้น เกิดเป็นกลิ่นไอสดชื่น สวมชุดใหม่ให้กับผืนดินอย่างเงียบงัน โดยไม่ทันจะรู้ตัว ต้นหญ้าก็เขียวขึ้น กิ่งก้านแตกใบ พืชพรรณต่างๆมีใบงอกออกมาและเกิดเป็นดอกไม้ มีหญ้าอ่อนขึ้นตามพื้นดินราวกับดวงดาวที่ประดับประดา

 

ลมอ่อนๆพัดมา ดอกไม้และหญ้าวิเศษต่างๆออกดอกออกผลอย่างงดงาม กลิ่นดินสดใหม่ที่หอมอ่อนๆโชยเข้าหน้า แสงแดงอาบน้ำให้กับตอนเช้าของฤดูใบไม้ผลิ มีกลิ่นหอมชวนหลงใหลลอยไปตามลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ

 

นี่แหละ กลิ่นไอแห่งฤดูใบไม้ผลิ

 

หยูเฮงน้อยและเจ้าต้นหลิวเพิ่งรู้สึกถึงกลิ้นไอฤดูใบไม้ผลิ มันก็หายไปซะแล้ว

 

จากนั้นไอร้อนก็มา ลมเย็นเริ่มอบอ้าวขึ้น ลมที่โชยเข้าหน้ากลายเป็นคลื่นความร้อน

 

แสงแดดที่เป็นดั่งไฟร้อน ความอบอ้าวลอยอยู่ในอากาศ ครอบคลุมไปยังป่าไม้ไกลๆ ที่ตรงนั้นมีกลิ่นไอโดนเผาไหม้อยู่

 

บนท้องฟ้าไม่มีเมฆสักก้อน มีเพียงดวงอาทิตย์อันเร่าร้อน ไม่มีลม ต้นไม้พืชพรรณต่างๆยืนอยู่ตรงนั้นอย่างขี้เกียจและไม่มีชีวิตชีวา

 

“นี่น่ะเหรอฤดูร้อน” ต้นหลิวพูดขึ้นอีกครั้ง

 

หยูเฮงน้อยพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็เห็นป่าไม้ตรงหน้าเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีเหลือง

——————————————–