เบื้องหลังที่ยากหยั่งถึง

เบื้องหลังที่ยากหยั่งถึง

 

ซูจิ้งพอนึกถึงความเอาแต่ใจตัวของหลี่ฉินแล้ว พอเขาได้เห็นความอยากมีลูกของเธอเข้าไปด้วย ทำให้เขาเริ่มคิดไปว่าเขาเองควรจะปฏิบัติตนต่อทารกต้นไม้นั่นยังไงดี

 

“คุณนายหลี่ครับ นี่คุณต้องการเป็นเพราะคุณอยากมีลูกจริงๆงั้นหรอเนี่ย” ซูจิ้งได้ถามย้ำออกมาอีกครั้ง ถ้าเธอพยายามโกหกเพื่อจะได้ทารกรากไม้นั่นล่ะก็เขาจะไม่สนใจเธอซักนิดเดียว

 

“แน่นอนค่ะ อย่าหัวเราะฉันเลยนะคะ ถ้าคุณอายุล่วงเลยมาจนถึงอายุสามสิบไม่ก็สี่สิบแบบฉันล่ะก็ เรื่องการมีลูกไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาพูดกันเล่นๆได้หรอก” หลี่ฉินพูดออกมา

 

“ถ้าคุณต้องการจะมีลูกจริงๆ คุณก็ควรจะหาทางอื่นที่จะเอาแต่จ้องทารกรากไม้นี่นะครับ ผมไม่คิดว่าแค่นี้จะทำให้คุณท้องได้หรอก” ซูจิ้งพูดออกมา

 

“แต่ฉันคิดอย่างนั้นจริงๆนะคะ” หลี่ฉินพูดออกมา

 

“คุณนายหลี่ครับ ฟังผมดีๆนะ อย่างแรกทารกรากไม้นั้นไม่สามารถช่วยคุณได้หรอก ที่ผมไม่ยอมขายให้นั่นก็เพราะว่าผมนั้นไม่อยากให้คุณต้องเสียเงินไปเหล่า

ต่อให้ผมยอมขายให้คุณโดยไม่นำออกประมูลล่ะก็ ยังไงซะมันก็ไม่ดีกับเราทั้งสองฝ่ายอย่างแน่นอน อีกอย่างผมก็มียาจีนดีๆที่ช่วยให้คุณตั้งท้องได้ คุณคิดว่าอยากจะลองหน่อยรึเปล่า” ซูจิ้งพูดออกมา

 

หลี่ฉินและหลิวชานเฟิงเองได้แต่นิ่งเงียบไป ยาจีนที่ช่วยให้ตั้งท้องได้งั้นรึ นี่เขารู้ใช่รึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา พวกเขาเองก็เลยลองพูดหยั่งเชิงดูนิดหน่อยโดยหลิวชานเฟิงได้พูดขึ้นมาว่า “คุณซู พวกเราเองก็ได้ทานยาจีนไปหลายขนานแล้วแต่มันก็ไม่ช่วยอะไรเลย”

 

“ยาจีนของผมนั้นไม่เหมือนยาจีนทั่วไปอย่างแน่นอนครับ ผมเคยลองใช้มาสองรอบแล้วมันได้ผลดีเกิดคาดด้วยซ้ำ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้มอย่างมั่นใจ

 

“จริงๆหรอคะ” หลี่ฉินจ้องมองด้วยสายตาอันเป็นประกาย

 

“ผมก็ไม่แน่ใจว่าคุณจะพอรู้จักกันรึเปล่านะ คนหนึ่งนั้นก็คือเจียงหนี่ อีกคนเป็นป้าของฉีหยู” ซูจิ้งพูดออกมาอย่างเรียบง่าย

 

“เจนนี่งั้นหรอ ฉันรู้จักเธอนะ พระเจ้า เธอท้องเพราะว่ายาของคุณนี่เอง” หลี่ฉินรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันที

เธอนั้นได้เข้าไปอยู่ในกลุ่มแชทของผู้หญิงที่มีบุตรยากทำให้เธอได้รู้จักเจียงหนี่

เธอรู้ว่าเจียงหนี่นั้นหมดหวังในเรื่องการมีลูกยิ่งกว่าเธอซะอีก

ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือสภาพร่างกายของเธอไม่พร้อมมีลูกเลยที่สุดในกลุ่มแล้ว แต่หลังจากนั้นไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้ตั้งท้องขึ้นมาแถมยังเป็นครรภ์ที่สมบูรณ์อย่างดีด้วยซ้ำ

นั่นทำให้เธออิจฉาจนเธอและทุกคนต่างถามเจียงหนี่เป็นการใหญ่ถึงความลับที่ทำให้เธอท้องขึ้นมา

แต่เจียงหนี่เองก็ปฏิเสธที่จะบอก นั่นทำให้หลายๆคนคิดจะเลิกเป็นเพื่อนกับเธอไปเลย

แต่เจียงหนี่ก็ยังยืนกรานว่าจะไม่บอก ไม่ใช่ว่าเธอไม่เข้าใจในความรู้สึกที่อยากมีลูกแต่ไม่มีหรอก

เธอเองก็อยากจะนำเรื่องนี้ไปป่าวประกาศให้ทุกคนที่อยากตั้งครรภ์ได้รู้ไว้แต่เป็นซูจิ้งที่ไม่ยอมให้เธอบอกเรื่องนี้กับใคร เธอจึงทำอะไรไม่ได้ได้แต่เก็บงำไว้ในใจ

แม้แต่ป้าของหลินฉีหยูที่มีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับซูจิ้งยิ่งกว่าเธอก็ยังถูกสั่งห้ามพูดเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด

 

“งั้นผมจะวิดีโอคอลไปยังเจียงหนี่ก็แล้วกันเพื่อจะได้ทำให้คุณเชื่อขึ้นมาบ้าง” ซูจิ้งพูดพร้อมทำการวิดีโอคอลไปยังเจียงหนี่

เจี่ยงหนี่เองที่ตอนนี้ท้องโตมากแล้วพร้อมด้วยใบหน้าที่เปี่ยมสุข เมื่อเธอเห็นซูจิ้งโทรไปรีบรับสายทันที

เมื่อเขาถามเธอเธอก็กล่าวขอบคุณซูจิ้งเรื่องทำให้ร่างกายของเธอตั้งท้องอยู่พักใหญ่

เธอประหลาดใจในทันทีเมื่อสังเกตุเห็นหลี่ฉินอยู่ข้างๆซูจิ้ง เธอทำการขอโทษหลี่ฉินในทันทีพร้อมอธิบายเหตุผลที่ต้องปิดบังเพราะว่าซูจิ้งไม่ต้องการให้ใครรู้

ด้วยบุญคุณที่เขาช่วยเธอนั้นใหญ่หลวงมากเธอจึงไม่สามารถบอกใครได้

 

“คุณซู คุณยังมียาจีนที่ช่วยให้ตั้งครรภ์ได้อยู่รึเปล่าคะ” หลี่ฉินถามด้วยความตื่นเต้น

 

“คุณซู ได้โปรดเถอะครับ โปรดช่วยผมเรื่องนี้ที” หลิวชานเฟิงเองก็ได้แสดงท่าทีตื่นเต้นแบบนี้ออกมา นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้แสดงสีหน้าออกมาเช่นนี้ เพราะเขานั้นไม่ได้เชื่อว่าทารกรากไม้จะช่วยให้เขามีลูกได้จริงเลยไม่มีอารมณ์ที่จะมา แต่เมื่อได้ยินหนทางที่จะมีลูกขึ้นมาเขาเองก็ไม่สามารถทำเป็นเฉยชาได้อีกต่อไป

 

“ด้วยของในขวดนี้จะทำให้คุณต้องครรภ์ได้อย่างง่ายดาย คุณอาจจะไม่เชื่อหรอกนะจนกว่าคุณจะได้ใช้มันจริงๆ” ซูจิ้งพูดพร้อมนำขวดเล็กๆขวกหนึ่งออกมามอบให้

 

หลี่ฉินเองได้ค่อยๆรับขวดยามาอย่างถนุถนอมประดุจดั่งสมบัติล้ำค่าที่สุดในชีวิต หลิวชางเฟิงก็ได้ถามออกไปว่า “คุณซูครับ ยานี่ราคาเท่าไหร่กัน”

 

“ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเงินหรอกครับ เอาแค่ความเป็นเพื่อนก็พอแล้ว” ซูจิ้งได้ยิ้มออกมาเล็กน้อย

ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะเรียกเงินจำนวนมหาศาลอย่างแน่นอน

แต่ด้วยปัจจุบันนี้ด้วยเงินแค่นี้สำหรับเขาไม่ได้มีค่าอะไรแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นในวันเปิดงานพิพิธภัณฑ์ดูเหมือนไคจิ้งเองก็ยังเคารพหลี่ฉินไม่น้อยเลย

เธอสมควรจะมีเบื้องหลังที่ดีเหมือนกัน สำหรับมนุษย์แล้วสายสัมพันธ์นั้นมีค่ายิ่งกว่าเงินทองเป็นไหนๆ

 

“ถ้าอย่างนั้นขอบคุณมากครับคุณซู ถ้าภายภาคหน้าคุณต้องการอะไรหล่ะก็โทรมาหาผมได้ทุกเมื่อ” หลิวชานเฟยและหลี่ฉินเองต่างรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณซูจิ้งอย่างมาก

แถมความชื่นชอบในตัวซูจิ้งยังเพิ่มขึ้นสูงมากตามไปอีก ทั้งสองคนได้พยายามประคับประคองยาขวดนี้ไปอย่างดีเหมือนกับกลัวว่าจะเกิดอุปสรรคทำให้เขาพลาดโอกาสมีลูกไปอีกตลอดชีวิตก็ไม่ปาน

หลังจากซูจิ้งได้อธิบายวิธีการใช้ยาให้ทั้งสองฟังแล้ว อยู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ได้ดังขึ้น

พอเห็นว่าเป็นหวังจ้าวเขาได้รีบรับสายในทันที หวังจ้าวได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “อาจิ้ง ฉันเพิ่งจะประชุมเสร็จน่ะเมื่อกี้ติดประชุมอยู่เลยรับสายไม่ได้ นายโทรมาเช้าขนาดนี้มีเรื่องอะไรหรอ”

 

“ก็นิดหน่อยนะ คุณได้ยินข่าวเรื่องไคจิ้ง นาลันเฟย และเลาชงรึเปล่า” ซูจิ้งถามออกไปนั่นทำให้ทั้งหลิวชานเฟยและหลี่ฉินเองก็ได้ยินเช่นกัน ทำให้พวกเขาต้องมองหน้ากันในเรื่องนี้เลยทีเดียว

 

“อ้อ ได้ข่าวมาแล้วเหมือนกัน ใช่เรื่องมนุษย์แมงมุมนั่นรึเปล่า ทำไมหรอ” หวังจ้าวถามกลับมา

 

“นาลันเฟย เลาชง กับผมต่างก็ล้วนรู้จักกันดี พวกเขามีสิทธิที่จะพูดเรื่องนี้อยู่แล้วพวกเขาเองก็ไม่ได้ทำผิดอะไร แต่ตระกูลไคนั่นเห็นคนเป็นตัวอะไรถึงได้ทำเรื่องแบบนั้นกัน ผมเลยอยากจะช่วยพวกเขาน่ะแต่ไม่อยากจะเป็นจุดสนใจ คุณพอมีจะมีทางช่วยได้บ้างรึเปล่า”

ซูจิ้งได้ถามออกไป ความจริงนั้นหวังจ้าวกระหายที่ยากจะช่วยเรื่องนี้อยู่แล้วสำหรับเข้านั้นเรื่องนี่ง่ายยิ่งกว่าการฆ่าวัวเชือดคอไก่ซะอีก แต่ถ้าจะออกตัวแรงไปก็กลัวจะเสียหน้าเลยต้องวางท่าเล็กน้อย

 

“เดี๋ยวขอฉันคิดก่อนนะว่าตระกูลหวังพอจะมีธุรกิจร่วมกับบริษัทพวกวงการบันเทิงมั่งรึเปล่า เออ” หวังจ้าวทำทีเหมือนกำลังคิดออกมา

 

“คุณซู ให้พวกเราจัดการเรื่องนี้เองดีกว่าครับ” หลิวชานเฟิงได้แอบกระซิบออกมา

 

“ห้ะ คุณหลิวจะจัดการเอง” ซูจิ้งถึงกับงงในทันที

 

“ฮ่าฮ่า ฉันเองก็ลืมแนะนำตัวพวกเราไปเลย สามีของฉันเป็นผู้อำนวยการของ SARFT น่ะคะ” หลี่ฉินยิ้มออกมา

 

“ห้ะ” ซูจิ้งอุทานออกมาเบาๆพร้อมด้วยท่าทางตกตะลึง มิน่าไคจิ้งถึงได้ทำตัวนอบน้อมขนาดนั้น หลิวชานเฟิงเป็นถึงผู้อำนวยการองค์การวิทยุและโทรทัศน์นี่เอง เธอเองนั้นถือได้ว่าเป็นคุณผู้หญิงหมายเลขหนึ่งของวงการดาราเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าพวกเขานั้นมีอิทธิพลมากพอที่จะสั่งปิดบริษัทในวงการบันเทิงได้ง่ายๆ ไม่ว่าบริษัทนั้นจะใหญ่แค่ไหนก็ตาม เพียงแค่ทั้งสองออกมาพูดในทีวีและวิทยุเท่านั้นทุกอย่างก็จบ

 

ถ้านึกภาพไม่ออกให้ลองนึกถึงดาราเกาหลีทั้งหลาย ไม่ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะโด่งดังคับฟ้าในโลกแค่ไหนก็ตาม แต่เมื่อเข้ามาในจีนแล้ว น้อยคนนักที่จะเด่นดังขึ้นมาได้ ไม่ว่าจะทำตัวเด่นดัง เข้าร่วมงานหนักหักโหมแค่ไหนก็ตาม ถ้าไม่ได้ออกทีวีหรือวิทยุ ทำได้แค่เพียงม้วนเสื่อกลับเกาหลีเท่านั้นเอง

 

“เฮ้พี่น้องคุณไม่ต้องทำอะไรแล้วล่ะ ผมมีเพื่อนที่อยู่ที่นี่ที่น่าจะพอช่วยผมได้แล้ว” ซูจิ้งพูดเสร็จก็รีบตัดสายไป

 

“เฮ้อออ นี่ก็ยังไม่ถึงเวลาที่ฉันต้องออกโรงอีกแล้วหรอเนี่ย” หวังจ้าวได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเองด้วยรอยยิ้มเซ็งๆ

 

“คุณหลิว เรื่องนี้จะไม่เป็นการรบกวนคุณเกินไปหรอครับ” หลังจากเขาวางสายไปก็ได้หันไปถามทางหลิวชานเฟิงทันที

 

“ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหาเลยแม้แต่น้อย เรื่องพวกนี้ช่างเล็กน้อยมากจริงๆ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงนาลันเฟยและเลาชงที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ พวกเขาแค่พูดในสิ่งที่เขาคิดแค่นั้น แต่กลายเป็นว่าทางบริษัทซ่งเตียนเอนเตอร์เทนเมนต์กลับเล่นงานซะขนาดนี้ ไม่มีเหตุผลเลยสักนิด” หลิวชานเฟิงได้พูดออกมาอย่างหนักแน่น

 

“อย่ากังวลไปเลยค่ะคุณซู ที่สามีของฉันพูดมาถูกต้องแล้ว พวกเราไม่มีปัญหาในการจัดการเรื่องนี้แน่นอน” หลี่ฉินเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

 

“ถ้างั้นผมคงต้องรบกวนพวกคุณด้วยนะครับ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม เขาเองก็เห็นด้วยแล้วเหมือนกัน สำหรับผู้อำนวยการขององค์การวิทยุและการสิ่อสารแล้ว เรื่องนี้ถือว่าเป็นเพียงเรื่องขี้ผงแค่นั้นเอง