บทที่ 553 เขารังเกียจเธอถึงก้นบึ้งของหัวใจ

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

เขากะพริบตารัว ๆ พลางจ้องเค้กอย่างดวงตาวาวโรจน์“คุณแม่ซื้อเค้กมาเหรอครับ?”

เมื่อเห็นแววตาร่งเริงของลูกชาย เธอก็ไม่ได้อธิบายอะไรมากมาย เพียงแต่พยักหน้ารับ

เธอละทิ้งความเจ็บปวดจากการขายหน้าในค่ำคืนนี้ กล่าวว่า“อยากกินไหม?เดี๋ยวแม่ตัดให้”

“รอพ่อก่อนครับ พ่อกลับมาแล้วค่อยกินด้วยกันครับ”

หมีพูลอยากกินมาก ทว่ากลับพูดแบบนี้

ได้ยินดังนั้น พนาวันส่ายหัว พูดตรง ๆ ว่า“ลูกกินเลย คืนนี้พ่อเขาไม่กลับมานอนที่นี่แล้ว”

ถึงแม้เขาไม่เคยใส่ใจหมีพูลมาก่อน แต่หมีพูลกลับคิดถึงแต่เขาอยู่ในใจตลอด เด็กมักจะไม่จำความแค้น มีหัวใจกว่าผู้ใหญ่หรือเปล่า?

คืนนี้เขามัวแต่อยู่กับผู้หญิงอื่น จะมีเวลากลับมาได้ยังไง?

ไม่แน่ว่าตอนนี้อาจจะเล่นอยู่บนเตียงกับผู้หญิงอื่นก็เป็นได้

เมื่อนึกถึงจุดนี้ หัวใจพนาวันคล้ายกับถูกบีบจนหายใจไม่สะดวก

“คุณพ่อไม่กลับมาแล้วเหรอครับ?”

ดวงตาเด็กน้อยเศร้าหมองทันที

เขาเงยหน้ามองประตู ความผิดหวังเขียนอยู่บนใบหน้าอย่างเด่นชัด

พนาวันไม่ได้ปลอบใจเขา

เขาไม่กลับมาที่นี่ประจำ ความผิดหวังเช่นนี้เคยเกิดขึ้นนับร้อยครั้งแล้ว

หมีพูลคุ้นชินแล้ว แม่จะผิดหวัง แต่ก็จะให้มีความรู้สึกเช่นนี้เพียงไม่กี่วินาที

ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ความสัมพันธ์สองพ่อลูกจะพัฒนาขึ้นอีกขั้น

ดังคาด ผ่านไปชั่วครู่ อารมณ์ของหมีพูลก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม

เขากลัวคุณแม่จะเสียใจตามเขา“คุณแม่พวกเรากินเค้กกันเถอะครับ”

เธอตัดเค้กก้อนใหญ่ให้หมีพูล ส่วนตัวเองก็เลือกกินชิ้นนิดเดียว

รสชาติไม่เลวเลย หวานแต่ไม่เลี่ยน เนยก็พอดี

“ปัง ปัง ปัง”

ทันใดนั้นประตูก็ดังขึ้น

พนาวันลุกขึ้นไปเปิดประตู

วินาทีต่อมาอาคิระก็ปรากฏตัวตรงหน้าประตู

เธออึ้งอยู่กับที่

ทำ……ทำไมเขากลับมาแล้วเหรอ?

“คุณพ่อ คุณแม่ซื้อเค้กมาครับ คุณพ่อจะกินไหมครับ?” หมีพูลดีใจร่าเริงขึ้นมาทันควัน

“ลูกกินเลย”

เมื่อคุยกับลูก เมื่อน้ำเสียงอาคิระจะไม่อ่อนโยน แต่ก็ยังดีที่ความโกรธจางหายเล็กน้อยแล้ว

จากนั้นก็มองไปยังพนาวัน พร้อมกับกล่าวเสียงเย็นเยียบ“ใครอนุญาตให้คุณกลับมา?”

พนาวันรู้สึกเหนื่อยล้ามาก เหนื่อยทั้งกายและใจ

เธออยากต่อต้านเป็นครั้งแรก

เธอไม่ได้ตอบ พนาวันวางเค้กในมือลง

พึ่งเดินได้ไม่กี่ก้าว แขนของเธอก็ถูกผู้ชายบีบเต็มแรง“ไม่ได้ยินที่ผมพูดเหรอ?แกล้งเป็นใบ้แกล้งหูหนวกเหรอ?หรืออยากท้าทายความอดทนของผม?”

ทันใดนั้นบรรยากาศในห้องพลันตึงเครียดขึ้นมา

หมีพูลวางเค้กลง เขานั่งเก้าอี้วีลแชร์ ดวงตาก็มองผู้เป็นพ่อและแม่

“ดึกแล้วแม่พาลูกเข้านอนนะ”

พนาวันมองหมีพูล ทว่าอาคิระไม่ได้ปล่อยมือ

เธอพูดเสียงต่ำและแหบพร่า“ฉันไม่อยากทะเลาะต่อหน้าลูก”

ได้ยินดังนั้นอาคิระก็ลับสายตาไปอีกทาง

หมีพูลมองพวกเขาสองคนด้วยความเครียด

เขาจึงปล่อยมือ

เขาเข็นหมีพูลเข้าห้องนอน แล้วอุ้มขึ้นเตียง จากนั้นก็ห่มผ้าให้ ก่อนจะส่งนมวัวให้ดื่ม ซึ่งสีหน้าเป็นปกติมาก

หมีพูลเอ่ยปากพูด“คุณแม่ครับ คุณพ่อจะทะเลาะกับคุณแม่ไหมครับ?”

“ไม่หรอกลูก เขาแค่โกรธนิดหน่อย นอนอย่างสบายใจได้เลยนะลูก” พนาวันจับผ้านวม ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไป

อาคิระยืนอยู่ในห้องนอน ก่อนจะโยนเสื้อสูทไว้บนเตียง ต่อด้วยปาเนคไทลงพื้น “ใครอนุญาตให้คุณออกไปโดยพลการ?”

เธอเคยใส่ใจ เจ็บปวดรวดร้าวมาแล้ว ตอนนี้จึงรู้สึกเฉย ๆ นิ่งดั่งสายน้ำ

เธอไม่อยากทะเลาะและไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องในงาน

ถึงจะเอ่ยปากพูดกับเขาก็ไม่มีประโยชน์ ไม่แน่ว่าอาจโดนซ้ำเติมอีกรอบก็เป็นได้

และอาจจะหงุดหงิดเธอที่ทำให้เขาขายหน้า จนพูดจาถากถางเธอ หรืออาจถึงขั้นทำร้ายร่างกายเธอ วันนี้เธอเจอมาเยอะแล้ว ไม่สิ่งเหล่านั้นไม่ไหว

เขามีแต่ความรังเกียจและเกลียดชังเธอ ไม่เคยสงสารเธอเลยสักครั้ง

ดังนั้นทำไมต้องเล่าเรื่องแบบนั้นให้เขาฟังด้วย?

เมื่อก่อนยังเจอบทเรียนไม่มากพอหรือ?

เธอกล่าวเสียงเรียบ“ฉันเหนื่อยแล้ว คุณกับผู้หญิงคนนั้นอยู่แต่ชั้นบน ไม่ลงมาสักที ฉันคิดว่าพวกคุณมีธุระต้องคุยกันยาวเลยกลับมาก่อน”

“คุณรู้จักจัดการมากเลยนี่ เหนื่อยเหรอ?วันนี้คุณทำอะไรบ้างถึงได้เหนื่อยขนาดนี้”เพลิงโกรธอาคิระดุเดือดขึ้น พลางเกิดเปลิวไฟขยายใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ

พนาวันหลับตา ไม่ได้ตอบ

หมีพูลนอนห้องด้านข้าง เขาเป็นความรู้สึกไว คงยังไม่ได้นอน

หากเสียงดังหน่อย ลูกต้องได้ยินแน่ เธอจึงไม่อยากทะเลาะกัน

“ฉันกลับมาแล้ว คุณคิดจะทำยังไง?” เธอกล่าว

“นิสัยเสียและใจกล้ามากขึ้นแล้วนะ เมื่อก่อนกลัวผมมากไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้ไม่กลัวแล้วเหรอ?”

ท่าทางของเธอมีแต่จะทำให้อาคิระโกรธเป็นฟืนเป็นไฟหนักกว่าเก่า

ไม่ได้บอกอะไรสักคำก็กลับมาก่อน ตอนนี้ยังมาอารมณ์นี้อีก บังอาจเกินไปแล้ว?

ลืมสถานะตัวเองเร็วเกินไปหรือเปล่า?

พนาวันเน้นย้ำอีกครั้งว่า“ฉันเหนื่อยแล้วจริง ๆ”

“เหนื่อย ๆ ๆ?”

ตอนนี้อาคิระไม่อยากฟังคำนี้มากที่สุด

เขาส่งเสียงฮึดฮัด คว้าข้อมือเธอมา จากนั้นก็พูดอย่างเย็นชาว่า“ผมยังไม่ได้ระบายความโกรธเลย คุณบอกว่าเหนื่อยเหรอ งั้นผมก็ไม่ถือสาให้คุณเหนื่อยตายบนเตียง”

เขาอุ้มเธอขึ้นมา

พนาวันดิ้นและเบือนหน้าหนี ทว่ากลับต้านทานแรงผู้ชายไม่ไหว

เจ็บไหม?

เจ็บ ร่างกายเธอเจ็บจนขดตัวเป็นรูปโค้ง ทว่าหัวใจกลับด้านชา

ไม่นาน เสื้อผ้าก็ถูกปลดออกจนหมด

พนาวันจับชายเสื้อ“อาคิระ อย่าแตะต้องฉัน ฉันรู้สึกสกปรก”

พึ่งไปนอนกับผู้หญิงอื่นมา กลับมาก็จะนอนกลับเธอต่อ จะไม่ให้รู้สึกสกปรกได้ยังไง?

“สกปรกเหรอ?”

นัยน์ตาอาคิระเปี่ยมไปด้วยความฉุนเฉียว“ถ้าจะพูดถึงความสกปรก ใครจะสู้คุณได้?ตอนนั้นใช้กลอุบายปีนขึ้นเตียงผม ไม่รู้สึกสกปรก ตอนนี้กลับมารู้สึกสกปรก?เป็นกะหรี่แล้วยังเล่นตัวอีก คุณขยะแขยงใครกัน?”

พนาวันขยุ้มผ้าปูที่นอน เสียงเย็นยะเยือกและแดกดันเข้าใบหูเธอ

ดวงตาเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา จากนั้นก็ไหลพรากลงมา

เขาเริ่มปฏิบัติการ ส่วนเธอก็นอนแน่นิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่ให้ความร่วมมือและไม่ต่อต้าน นอนเหมือนท่อนไม้อันด้านชา

มีเพียงกัดริมฝีปากเท่านั้น พนาวันจึงจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง

เขาทำต่อไปครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ยอมหยุดสักที

เธออดทนกับความรู้สึกปั่นป่วนบริเวณท้อง

จากนั้นก็ทนไม่ไหว อาเจียนออกมา

ในที่สุดอาคิระก็ทำหน้าบึ้งแล้วปล่อยเธอ

เธอเข้าไปอาเจียนต่อในห้องน้ำ เมื่อเห็นมีเลือดปนออกมาด้วย เธอก็ทำอะไรไม่ถูก สับสนวุ่นวายเหมือนเด็กคนหนึ่ง

……

อาจเป็นเพราะอาคิระเหนื่อยแล้วจริง ๆ ตอนนี้จึงหลับแล้ว

พนาวันไม่ได้นอน ยังคงลืมตากลมโต

เธอเงยหน้ามองเพดานห้องด้วยความตะลึง

เขาไม่ได้พูดจาเสียดสีหรือทารุณร่างกายเธอด้วยกามต่อ มันเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของเธอมาก

เขาไม่ต้องพูด แต่เธอรู้ดีว่าเขารังเกียจและชิงชังเธอมากแค่ไหน

ตอนนี้ยอมปล่อยเธอง่าย ๆ แบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกอ่านใจไม่ออก

อีกอย่างเธอต้องไปที่โรงพยาบาลแล้ว

เธอต้องรู้ว่าตัวเองจะอยู่ได้นานแค่ไหน

หลังถูกทรมานมาครึ่งคืน เธอก็เหน็ดเหนื่อย หลับตาและค่อย ๆ เข้าสู่นิทรา