บทที่ 189 คนงานพิเศษ
อารามพลังต้นกำเนิดตั้งอยู่ที่ทิศตะวันตกของปราการกู่หลาน ตรงข้ามกับวังเค่อเท่อหลู่พอดี และอยู่ติดกับอารามแสงศักดิ์สิทธิ์
และมันถูกสร้างรวมเข้ากันกับอารามแสงศักดิ์สิทธิ์
อารามแสงศักดิ์สิทธิ์เป็นอารามหลักของอาณาจักรเหล็กเลือด โครงสร้างแยกเป็นสามส่วนคือ อารามอาทิตย์ อารามสงวน และอารามพลังต้นกำเนิด
จุดประสงค์หลักของอารามอาทิตย์คือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เพื่อมอบสิ่งบูชาให้กับบรรพชน พื้นที่ภายในถูกแบ่งออกเป็น แท่นบูชา แท่นแสวงบุญ และแท่นคำสอน ต่อมาคืออารามสงวนใช้เก็บสมบัติล้ำค่าต่าง ๆ และยังเป็นสถานที่สำหรับฝึกอบรมเฉพาะทาง กระดูกต้นกำเนิดคลั่งและโทเทมผู้พิทักษ์ล้วนถูกเก็บไว้ที่นี่ และนักพยากรณ์กระดูก ไร้วิญญาณ ผู้พิทักษ์ ต่างเป็นอาชีพผู้เชี่ยวชาญของคนเถื่อนที่ถูกฝึกฝนบ่มเพาะที่นี่เช่นกัน สุดท้ายคืออารามพลังต้นกำเนิดใช้ในการเจิมน้ำมนต์ ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่ทำให้คนเถื่อนสามารถใช้พลังต้นกำเนิดได้
แม้จะเป็นเพียงหนึ่งในสามองค์ประกอบ แต่อารามพลังต้นกำเนิดก็เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดอารามศักดิ์สิทธิ์
ตัวอารามสูงกว่า 200 ฉื่อ ให้บรรยากาศอย่าโอ่อ่าสง่างาม อารามหลักสร้างขึ้นจากโลหะหายากหลายชนิด เสาสร้างขึ้นจากโลหะที่สามารถเป็นฉนวนพลังต้นกำเนิดได้ถึงสองเท่า ชื่อทองอีการาตรี ทองชนิดนี้แทบจะไม่อาจทำให้พลังต้นกำเนิดไหลผ่านได้เลย ทำให้เป็นเกราะป้องกันวิชาต้นกำเนิดได้เกือบทุกอย่าง เกาะที่สร้างขึ้นจากทองอีการาตรีเพียงชิ้นหนึ่ง อาจใช้หินพลังได้ถึง 10 ล้านก้อน แต่ที่นี่ มันถูกใช้เป็นเพียงเสาอารามพลังต้นกำเนิดเท่านั้น เพื่อไม่ให้พลังภายในเล็ดลอดออกมาแล้วสลายไป
ตัวอารามสร้างจากเมฆดารา ใจสีเงิน แก้วสีรุ้ง และตัวนำพลังหลายชนิด เมฆดาราทนทานเป็นพิเศษ มักใช้ในอาวุธหนักเพื่อเสริมวิชาต้นกำเนิดของผู้ใช้ ใจสีเงินนั้นนุ่มและสามารถขึ้นรูปได้ ปกติใช้ในเครื่องมือต้นกำเนิดที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ อาทิเช่น ดาบหั่นภูผาของซูเฉินก็มีใจสีเงินอยู่จำนวนหนึ่ง เป็นเหตุผลที่ทำให้มันมีราคาแพง แก้วสีรุ้งนั้นหายากกว่า เป็นตัวนำพลังที่ดีที่สุดในตอนนี้ ปรมาจารย์อาร์คาน่าทั้งหลายชอบใช้เหมือนมากเมื่อครั้งอาณาจักรยังรุ่งเรือง ตัวเนื้อหินใสเหมือนแก้ว จึงมักใช้ฝังในไม้เท้าวิเศษ วิชาต้นกำเนิดที่ปลดปล่อยผ่านหินนี้จะมีพลังมากกว่าเดิมหลายเท่า
กระทั่งตอนนี้ แก้วสีรุ้งก็ยังเป็นตัวนำพลังที่หาได้ยาก
ไม่ว่าจะเป็นวัสดุชิ้นไหนต่างก็มีราคาสูงทั้งสิ้น แต่กลับถูกนำมาใช้สร้างอารามพลังขนาดใหญ่เท่านั้น ความร่ำรวยที่ซูเฉินเคยภาคภูมิใจกลายเป็นเพียงเศษฝุ่นเมื่อเทียบกับอารามอันเต็มไปด้วยสิ่งมีค่าตรงหน้า หากจะเอาของที่มีทั้งหมดออกมา ก็อาจจะเอาชิ้นส่วนในอารามชิ้นหนึ่งกลับบ้านไปก็ได้
ที่จุดสูงสุดของอารามคือพลังสีทองเป็นลูกกลมส่องแสงจ้าราวกับดวงอาทิตย์
นี่คือเครื่องรวมพลัง
อารามพลังต้นกำเนิดใช้เครื่องนี้เพื่อรวบรวมพลังต้นกำเนิด จากนั้นก็จะใช้ร่วมกับเครื่องมือล้ำค่า และยังมีค่ายกลซับซ้อนเพื่อทำการเจิมน้ำมนต์
ซูเฉินยืนอยู่หน้าอารามพลังต้นกำเนิด ทอดสายตามองอารามสูงใหญ่แล้วอดถอนหายใจอย่างชื่นชมไม่ได้
และเพราะมันถูกสร้างด้วยทองอีการาตรีนับไม่ถ้วน กระทั่งคนด่านมหาราชันจึงยังไม่อาจขนย้ายมันได้ คงมีแต่คนเถื่อนที่จะสามารถทำเรื่องโง่เขลาอย่างการสร้างภูเขาทั้งลูกด้วยโลหะ ที่จะสามารถขนย้ายได้สำเร็จ
โดยรอบอารามพลังต้นกำเนิดมีคนเฝ้าอยู่มากมาย ทั้งยังมีบรรพชน นักรบอาราม ผู้เชี่ยวชาญพิเศษและทหารธรรมดา ทุกคนล้วนกำลังเดินตรวจตราอย่างเคร่งครัด
แต่เพราะสถานะของตานปา ซูเฉินจึงสามารถเข้าอารามพลังต้นกำเนิดมาอย่างง่ายดาย
“ครั้งหนึ่งข้าเคยอยากแกร่งถึงขนาดมีอำนาจเหนือ 7 อาณาจักรมนุษย์ จากนั้นก็ต่อสู้ฟันฝ่ามาจนถึงอารามพลังในตำนาน ไม่คิดเลยว่าความฝันครึ่งหนึ่งจะเป็นจริงทั้งที่ความฝันครึ่งแรกยังไม่ทันสำเร็จเลยด้วยซ้ำ” ซูเฉินถอนใจ
“เช่นนั้นที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว” ตานปาตอบ
ซูเฉินคิดครู่หนึ่ง “แค่มองยังไม่อาจรู้ได้ ต้องเข้าใจหลักการและการทำงานเบื้องหลังของมันอย่างถี่ถ้วน จะต้องมีแผนที่กลไกภายใน และหากเป็นไปได้ให้ข้าได้เห็นการทำงานเองจะดีกว่า”
ตานปาส่ายหน้าทันที “เป็นไปไม่ได้ ข้าช่วยให้เจ้านายยืนอยู่ตรงหน้าอารามพลังต้นกำเนิดได้ ให้เจ้าได้รับการเจิมน้ำมนต์สักครั้งเป็นขวัญตาก็ยังได้หากเจ้าทนพลังรุนแรงและผลข้างเคียงอื่น ๆ ไหว แต่ที่เหลือขึ้นอยู่กับเจ้า”
“เราจะบอกว่าข้าสามารถผ่านการเจิมน้ำมนต์ได้ แต่ไปดูคนอื่นไม่ได้งั้นหรือ ?”
“ใช่แล้ว” ตานปาตอบ “ถ้ามีอำนาจเสนอชื่อลูกน้องเพื่อเข้ารับการเจิมน้ำมนต์ แต่ไม่สามารถทำให้เจ้าไปดูคนอื่นผ่านการเจิมน้ำมนต์ได้”
ซูเฉินเกาศีรษะ รู้สึกเหมือนจะปวดหัวขึ้นมา
การเจิมน้ำมนต์มีความหมายแค่กับคนเถื่อน ผลข้างเคียงที่มีต่อพลังจิตก็มากพอที่จะทำให้เขาปฏิเสธมันอย่างสุภาพได้แล้ว ซูเฉินเพียงแต่อยากเห็นการทำงานและทำความเข้าใจมัน แต่อีกฝ่ายกลับไม่อาจช่วยเขาได้
“พวกเจ้ามายืนมองอะไรอยู่ตรงนี้ ?”
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดหาวิธีอยู่นั้นเอง คนเถื่อน 2-3 คนที่ยืนเฝ้าอยู่ก็สังเกตเห็นแล้วตะโกนเข้ามา
ตานปามุ่นคิ้ว “ข้าคือหัวหน้าชนเผ่ากิ้งก่ากรวด ตานปา อะไรกัน พวกเรามายืนตรงนี้ก็ไม่ได้หรือ ?”
เมื่อได้ยินว่าเป็นหัวหน้าเผ่า น้ำเสียงจึงสุภาพขึ้นมาก แต่ก็ยังยืนยันคำเดิม “อารามพลังต้นกำเนิดไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะมายืนมองได้ หากท่านมีคนที่อยากเสนอเพื่อเข้ารับการเจิมน้ำมนต์ โปรดมาตามวันเวลาที่กำหนดไว้กับบรรพชน ไม่เช่นนั้นขอให้รีบจะไปโดยทันที”
คนเฝ้าอารามพลังต้นกำเนิดมีตำแหน่งสูงอยู่บ้าง กระทั่งตานปายังไม่อยากล่วงเกินโดยไม่จำเป็น
ในตอนที่กำลังจะคว้าซูเฉินแล้วออกไป ซูเฉินกลับถามขึ้น “แล้วทำไมคนนั้นถึงเข้าไปในอารามได้ ?”
ตานปามองไปตามทางที่ชี้ เห็นชายชราชาวคนเถื่อนกำลังหิ้วถังน้ำแล้วเดินขึ้นอารามไป
“นั่นเป็นคนงานพิเศษของอาราม ต้องมาทำความสะอาดทุกวัน” คนเฝ้าตอบ
“เช่นนั้นหรือ ข้าเข้าใจแล้ว” ซูเฉินพยักหน้า
พวกเขาจากไปแล้ว ซูเฉินยังเงียบอยู่
หลังจากออกจากอารามแสงศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว ซูเฉินจึงเอ่ยว่า “เจ้าพอมีทางให้ข้า……”
“เจ้าอยากเป็นคนงานพิเศษ จะได้แอบเข้ามาโดยอ้างว่ามาทำความสะอาด ?” ตานปาถาม
ซูเฉินหัวเราะ “คุยกับคนฉลาดนี่ง่ายกว่าจริง ๆ เดิมทีคิดว่าจะแปลงเป็นคนเฝ้า แต่เป็นคนงานพิเศษดูจะง่ายกว่า เป็นพวกทหารเฝ้ามีข้อต้องการเยอะกว่า แต่คนทำความสะอาดย่อมรอดพ้นสายตาได้ง่าย อีกทั้งการทำความสะอาดจะทำให้ข้าได้ไปสถานที่ต่าง ๆ ในอารามได้ อย่างน้อยก็ต้องได้เดินทั่วอารามสักครั้งหนึ่ง…… เป็นจุดประสงค์ข้าพอดี”
ตานปาพยักหน้า “ข้าก็คิดเช่นนั้น ข้าน่าจะจัดหาให้เจ้าได้โดยง่าย แต่คำถามคือเราจะมั่นใจได้ยังไงว่าเราจะถูกส่งไปทำความสะอาดได้โดยไม่เกิดปัญหานัก ไม่แน่ว่าอาจลองเช่นนี้……”
ทุกเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้น อารามแสงศักดิ์สิทธิ์จะยุ่งวุ่นวายเป็นพิเศษเมื่อศิษย์อารามพากันมารวมตัว
พวกเขาแบกนม น้ำผึ้ง หนังอสูรที่พึ่งถลก และกระดูกเข้ามาที่นี่ แล้วสวดมนต์ทางเดินเข้ามาในอารามศักดิ์สิทธิ์ด้วยท่าทางสูงส่ง
คนเถื่อนนับถือเทพเจ้าแห่งความโกรธและการสังหาร หลงป๋อซือ เทพผู้เป็นตัวแทนแห่งกำลังและความดุร้ายป่าเถื่อนไร้ที่สิ้นสุดของเผ่าคนเถื่อน
ลู่ปี่ซือมีพระเจ้าทั้งหมดเก้าองค์ โดยมีสัญลักษณ์คือโทเทมทั้งเก้า
อาจเพราะเป็นพวกคิดอะไรเรียบง่าย ระบบความเชื่อของคนเถื่อนเองจึงเรียบง่ายเช่นกัน ซับซ้อนน้อยกว่าของเผ่าปักษามาก
ส่วนมนุษย์ สถานะทางโลกและแรงจูงใจล้วนทรงพลังมากกว่าความเชื่อในศาสนา ศาสนาหลักทั้งหลายถูกนับเป็นสำนัก ไม่มีที่ใดมีสถานะสูงเป็นพิเศษ กลับกันแล้ว สำหรับคนเถื่อน ความสำคัญของสถานที่นี้มีไม่น้อยไปกว่าหัวหน้าเผ่าของพวกเขาเลย
มองในบางมุม กรอบทางสังคมของคนเถื่อนประกอบด้วยการผสมผสานระหว่างทางโลกและทางธรรม หากหัวหน้าเผ่าไม่ได้รับแรงสนับสนุนจากอารามศักดิ์สิทธิ์ ก็ไม่อาจปกครองได้
ยกตัวอย่างเช่น ตานปาเพิ่งจะสำเร็จโทษหัวหน้าเผ่าคนเก่า และขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่าคนใหม่ได้ ก็เพราะอารามศักดิ์สิทธิ์ของชนเผ่ากิ้งก่ากรวดให้แรงสนับสนุนเขา
สถานะและอิทธิพลของอารามศักดิ์สิทธิ์มีเหนือกว่าสำนักหรือกลุ่มใด ๆ เสียอีก
ไม่ว่าอย่างไร อารามศักดิ์สิทธิ์ก็มีสถานะพิเศษมากในหมู่คนเถื่อน ทำให้คนเถื่อนจำนวนมากเดินทางมายังอารามศักดิ์สิทธิ์หลังจากออกเดินทางแสวงบุญเพื่อแสวงหาความรุ่งโรจน์
หัวหน้าเผ่าย่อมมาที่นี่เพื่ออารามพลังต้นกำเนิด ส่วนคนธรรมดาก็มักให้ความสำคัญกับการเดินทางแสวงบุญมายังอารามแสงศักดิ์สิทธิ์อย่างน้อยสักครั้งหนึ่งในชีวิต
ในทุกปี คนเถื่อนต่างถิ่นจำนวนมากจะเดินทางมายังอาราม ทำให้อารามแสงศักดิ์สิทธิ์มักจะยุ่งวุ่นวายอยู่ตลอด
ศิษย์คนเถื่อนจำนวนมากเดินเข้าออกอาราม วางของบูชาที่มีมูลค่าสูงที่สุดไว้และรับพรจากบรรพชนชุดขาว รับน้ำมนต์ แล้วจากไปด้วยความรู้สึกจงรักภักดีและความรู้สึกขอบคุณ
นมและน้ำผึ้งอันล้ำค่าถูกโปรยลงสระศักดิ์สิทธิ์ ค่อย ๆ ผสมรวมกันเป็นธารน้ำ
หนังและกระดูกสัตว์อสูรกองพะเนินราวกับภูเขาลูกเล็ก
เสียงระฆังดังขึ้น เสียงร่ายมนตร์และบทเพลงดังขึ้นถึงชั้นฟ้า แทรกซึมอยู่ทุกซอกทุกมุม
ในโอกาสอันศักดิ์สิทธิ์นี้ ทุกคนประพฤติตนอย่างเคร่งขรึมให้เกียรติ กระทั่งคนเถื่อนที่ดุร้ายป่าเถื่อนที่สุดยังบำเพ็ญตนตามสมควร ปฏิบัติตามพิธีการ
แต่อย่างไรก็มีข้อยกเว้นเสมอ
ทั้งยังเป็นข้อยกเว้นที่กล้ามาทำลายพิธีของอารามศักดิ์สิทธิ์อีก
“หลีกไป ! หลีกทางไปเสีย ! เจ้าบัดซบนี่ ข้าอยากเข้าพบหลงป๋อซือ หลงป๋อซือข้ามาหาท่าน !!!”
เสียงร้องของคนเถื่อนคนหนึ่งดังเข้ากระทบหูคนทั้งหลายในอาราม
‘ใครกันที่กล้าเสียมารยาทอย่างเปิดเผยเช่นนี้ ?’ คนเถื่อนทั้งหลายได้แต่ถามในใจ
ผู้นำบรรพชนกำลังอยู่ระหว่างการให้พรคนเถื่อนผู้หนึ่ง ทว่าเสียงรบกวนกลับทำให้เขาจำต้องเงยหน้าขึ้นดูสถานการณ์
คนเถื่อนผู้หนึ่งกำลังดันตัวออกมาจากฝูงชน
เขาสวมชุดหนังอสูร ในมือถือเหยือกเหล้า เดินโซซัดโซเซขึ้นมา
“ขี้เมาหรือ ?” ผู้นำบรรพชนชุดขาวมุ่นคิ้ว
คนเถื่อนชอบดื่ม แต่ดื่มแล้วน้อยคนจะมาอารามศักดิ์สิทธิ์
โดยเฉพาะยามเมาหนักเช่นนี้
อืม ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มาที่นี่กระมัง ?
ไม่ได้มีสหายติดตามมาหรือ ? ที่เกิดเรื่องขึ้นก็เพราะไม่มีใครกล้าหยุดยั้งเขา ผู้นำบรรพชนชุดขาวครุ่นคิด
ในตอนนี้ผู้คุ้มกันอารามศักดิ์สิทธิ์หลายคนมาถึงตัวเขาแล้ว ต่างคว้าขี้เมาเอาไว้ แล้วลากมาไว้ตรงหน้าบรรพชนชุดขาว
“ผู้นำบรรพชนฉาเหอ พวกเราจับเจ้าขี้เมามาแล้ว ให้จัดการอย่างไรดี ?”
ผู้นำบรรพชนชุดขาวนามฉาเหอเอ่ย “ความมึนเมาทำให้เจ้าทำตัวเสียมารยาท ก่อเรื่องส่งเสียงดัง ไม่ให้ความเคารพพระเจ้าด้วยการเอ่ยนามท่านตรง ๆ…… ว่ากันตามกฎแล้ว ต้องถูกปรับเป็นหินพลัง 3,000 ก้อน”
“หินพลัง…… มันแพงเกินไป ข้าไม่มีหรอก” ขี้เมาพูดเสียงสั่น “ท่านไม่เห็นหรือว่าข้าไม่มีของมาไหว้ด้วยซ้ำ ? ข้ายังรอให้คนอื่นนำอาหารมาให้ข้าอยู่เลย นี่ บ่อนั่นมีน้ำนมเยอะเลยไม่ใช่หรือ ? บนแท่นยังมีเนื้ออยู่อีก…… ข้าอยากกินเนื้อ ! ข้าอยากดื่มเหล้า !”
ผู้นำบรรพชนชุดขาวมองขี้เมา “เจ้าไม่มีหินพลัง และยิ่งขาดความซื่อสัตย์ เจ้าเพียงอยากจะมาเอาอาหารและน้ำไปเท่านั้น จะต้องถูกสั่งสอนสักหน่อย ดังนั้นบทลงโทษให้เป็นการใช้แรงงาน……”
ในตอนที่กำลังคิดว่าจะมอบงานหนักอะไรให้อยู่นั้น นักบวชชุดเทาที่ยืนอยู่ด้านข้างจึงเกิดขึ้น “ผู้นำบรรพชน คนงานพิเศษที่มีหน้าที่ทำความสะอาดอารามเมื่อวานไม่ทันระวังแล้วเกิดล้มจนได้รับบาดเจ็บสาหัส นอนติดเตียงอยู่”
“ถ้าเช่นนั้นจะให้เขาไปทำความสะอาดอารามเถอะ” ผู้นำบรรพชนชุดขาวสั่ง