ภาคที่ 4 บทที่ 190 แทรกซึม

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 190 แทรกซึม

ซูเฉินใช้ผ้าสีขาวเช็ดเอาฝุ่นบนเนื้อโลหะออก ก่อนจะมองผ้าในมือที่เลอะอยู่หลายจุด จากนั้นโยนมันทิ้ง หยิบอีกผืนขึ้นมาเช็ดต่อ

อารามพลังมีความต้องการ ‘การทำความสะอาด’ สูงมากจนคนเถื่อนที่ปกติหยาบโลนและเกียจคร้าน อาบน้ำหลายเดือนครั้ง กลับต้องมาทำความสะอาดอย่างเคร่งครัด ทั้งทุกครั้งที่ทำความสะอาดยังต้องสวมชุดสีขาวที่เมื่อเลอะแล้วจะถูกโยนทิ้งทันที ไม่นำกลับมาใช้ใหม่

ทำเช่นนี้ไม่ใช่เพียงเพราะอารามมีความสำคัญเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะมีการปรับปรุงในเชิงปฏิบัติด้วย

ขั้นตอนการเจิมน้ำมนต์ของอารามพลังจะต้องให้สภาพแวดล้อมสะอาดเอี่ยมอ่อง ด้วยพลังจะหมุนวนบีบอัดพลังต้นกำเนิดในเครื่องสกัดพลังและค่ายกลซับซ้อนทั้งหลายเข้าสู่ร่าง ทำให้ผู้รับถูกชำระล้าง จากนั้นจึงสามารถใช้พลังต้นกำเนิดได้

ในระหว่างกระบวนการนี้ สิ่งปนเปื้อนใด ๆ ที่เข้าไปจะส่งผลต่อความบริสุทธิ์ของพลังต้นกำเนิด และเป้าหมายก็จะได้รับผลกระทบ จึงมีการเจิมน้ำมนต์ได้แค่ 6 ครั้ง เมื่อครบแล้ว สิ่งปนเปื้อนที่สะสมมาเรื่อยจะทำให้เกิดผลข้างเคียงหนัก ไม่สามารถรับมือพลังต้นกำเนิดได้อีก จริง ๆ แล้วคนเถื่อนส่วนมากผ่านกระบวนการเพียงแค่ 4-5 ครั้งก็เพราะเหตุผลนี้

ด้วยเหตุนั้น คนเถื่อนจึงต้องพยายามทำบริเวณนี้ให้สะอาดอยู่เสมอ แต่ก็แค่น้อยนิด

น้อยนิดจนเกินไป !

“อย่างน้อยควรมีที่ขนาดใหญ่ขึ้นและมีสภาพแวดล้อมที่ปราศจากฝุ่นสักหน่อย ให้ทุกคนที่เข้ามาควรทำความสะอาดชำระล้างสักหลายครั้ง รวมถึงเสื้อผ้าด้วย การใช้ไฟทำความสะอาดพวกสิ่งปนเปื้อนขนาดเล็กต่าง ๆ ได้จะลดความสกปรกของสถานที่รอบข้างได้มากทีเดียว แล้วก็หาคนเถื่อนที่ใช้ไฟมารับหน้าที่ทำความสะอาด ไม่ใช่คนธรรมดาที่ทำผิด แต่นี่ก็คงจะมากที่สุดของพวกเขาแล้วกระมัง แต่สำหรับข้า มันแย่จนไม่อาจแย่ไปกว่านี้ได้แล้ว” ซูเฉินทำงานเสร็จจึงกลับที่พักไปแล้วเอ่ยแล้วแนะ

“ไปวันเดียวก็พบปัญหาแล้วหรือ ?” ตานปาที่รอเขามาทั้งวันชะงักไป

ซูเฉินมุ่นคิ้ว “โทเทมทั้งหลายก็ไม่ได้ใช้เวลาพัฒนานานนี่ ไม่ใช่ว่าข้าดูเบาพวกเจ้านะ แต่ก็เพราะสติปัญญาของพวกเจ้า ไม่ว่าจะสร้างอะไรขึ้นมาก็ถอดรหัสได้ไม่ยากเลย”

“……”

ตานปาไม่รู้ว่าควรโกรธหรือควรเห็นด้วยกับความคิดเห็นน่ารังเกียจเช่นนั้นดี

“แต่ดูจากน้ำเสียงเหมือนเจ้าจะรู้อยู่แล้ว ?” ซูเฉินถาม

ตานปาถอนใจ “มันไม่ใช่ความลับอะไร เคยมีคนเถื่อนพูดถึงมาแล้ว แต่เจ้าน่าจะรู้ว่ามันยากเกินไปสำหรับพวกเรา การทำความสะอาดทุกวันทุกซอกทุกมุม ใส่ชุดตัวใหม่ตลอด ใช้น้ำสะอาดทำงาน อารามศักดิ์สิทธิ์ใช้เวลาเป็นร้อยปีเพื่อผลักดันเรื่องนี้ให้สำเร็จ นี่เป็นเพียงข้อจำกัดทางวัฒนธรรมและเชื้อชาติของเรา ไม่ว่าอารามศักดิ์สิทธิ์จะบีบบังคับอย่างไรแต่ก็ไร้ผล”

“พวกเจ้าสร้างภูเขา 2 ลูกขึ้นจากแรงงานได้ แต่สร้างสิ่งก่อสร้างครอบอารามพลังไว้ไม่ได้ ?” ซูเฉินถามด้วยความตกตะลึง

ตานปายักไหล่ “ก็นี่ล่ะคนเถื่อน”

“……” ซูเฉิน

ถูกต้องแล้ว นี่ล่ะคือคนเถื่อน

แน่นอนว่าปัญหาที่ซูเฉินเพิ่งค้นพบเป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็ง ยังมีความลับในอารามพลังรอให้เขาค้นหาอีกมาก มีความรู้อีกมากมายให้ได้รู้

ซูเฉินจึงเริ่มชีวิตที่ต้องทำความสะอาดอารามพลังนับจากวันนั้น

ทุกวัน ซูเฉินเดินตามข้ารับใช้คนเถื่อนคนหนึ่งเพื่อไปทำความสะอาดอารามพลังจากยอดสู่พื้นวันละครั้ง ขณะทำงาน ซูเฉินก็วางค่ายกลตามผนังเพื่อเป็นสัญลักษณ์จดจำ และคอยสังเกตการทำงานของอาราม

กระบวนการสังเกตของเขาตรงไปตรงมาเป็นพิเศษ ความหยาบโลนโดยกำเนิดของคนเถื่อนทำให้พวกเขาหย่อนยานอย่างเหลือเชื่อ การปลอมตัวอันไร้ที่ติของซูเฉินทำให้แทรกซึมเข้ามายังอารามศักดิ์สิทธิ์อย่างง่ายดาย

แม้คนเถื่อนจะมีผู้ที่มองการปลอมตัวออกอยู่บ้าง แต่ก็มีไม่กี่คน อีกทั้งยังเป็นพวกมีฐานะสูงส่ง ไม่มีใครมาสนใจคนตัวเล็กอย่างซูเฉินสักนิด

หลังผ่านไปเพียงครึ่งเดือน ซูเฉินก็ได้สัมผัสภาพรวมของอารามพลัง คัดลอกอักขระค่ายกลทั้งหลายลงเศษกระดาษ เป็นขั้นตอนเรียบง่ายราบรื่นจนแทบไม่อยากเชื่อ

เหมือนกับทุกวันที่ซูเฉินทำงานเสร็จจนกลับที่พัก เห็นตานปานั่งอยู่ตรงนั้น กำลังตรวจดูอักขระค่ายกลที่เขาวาดไว้

เมื่อเห็นเขากลับมาจึงเอ่ยว่า “น่าจะเติมส่วนที่ขาดสุดท้ายได้ภายในวันนี้กระมัง ?”

“อืม” ซูเฉินเดินเข้าไปหาแผนที่อักขระแล้วเริ่มลงมือวาดอย่างบรรจง

ครู่ต่อมา ส่วนสุดท้ายก็เสร็จสมบูรณ์

“ความจำของเจ้านี่น่าเหลือเชื่อจริง ๆ” ตานปาเอ่ยด้วยความประหลาดใจแล้วมองภาพค่ายกลที่ซูเฉินถอดรหัสออกมาได้สำเร็จ

อักขระเหล่านี้ซับซ้อนมาก ต้องมีความแม่นยำสูง ไม่มีทางที่ซูเฉินจะสามารถวาดเทียบอักขระจากหลายที่ได้ ดังนั้นจึงได้แต่วาดจากความจำ ซึ่งก็สามารถจดจำและวาดตามได้อย่างถูกต้องภายในช่วงเวลาสั้น ๆ หากตานปาไม่ได้เห็นด้วยตาตนเองก็คงจะไม่เชื่อว่ามีคนทำเช่นนี้ได้

ซูเฉินหัวเราะ “คนที่อยากประสบความสำเร็จก็ต้องมีความสามารถช่วยผลักดันด้วย”

เมื่อเขามีผลึกวิญญาณ ความสามารถในการจดจำจึงเพิ่มสูงขึ้นพร้อมกับความสามารถในการคิดคำนวณ หากไม่ใช่เพราะยังระแวงตานปา ก็คงจดจำอักขระได้ภายในวันเดียวไปแล้ว กระนั้นตานปาก็ยังตะลึงงานกับความสามารถในการจดจำอันน่าเหลือเชื่อของเขาอยู่ดี

“ไม่แปลกที่เจ้าประสบความสำเร็จมากมาย” ตานปาพยักหน้าไม่หยุด ราวกับได้รับคำตอบแล้ว ดูประทับใจกับคำพูดของซูเฉิน

“ใช่แล้ว ตอนนี้ค่ายกลสมบูรณ์ เราก็ออกไปได้แล้วกระมัง ?” ตานปาถาม เขายังมีงานให้ต้องไปจัดการที่เผ่าอีกมาก รั้งอยู่นานเกินไปไม่ใช่เรื่องดี

ซูเฉินสายหน้า “ไม่ใช่ว่าเราต้องสร้างอารามพลังขึ้นใหม่ แต่ต้องเข้าใจความลับในการทำงานของมันมากกว่า และหาทางรวมมันเข้ากับวิชาที่ข้าสร้างให้พวกเจ้า”

ตานปาเอ่ยเสียงฉุนเฉียว “เท่านี้ยังไม่พออีกหรือ ? เจ้าต้องการอะไรอีก ? จะให้ทำลายทั้งอารามเลยหรือไม่ ?”

ซูเฉินหัวเราะ “ไม่ต้องถึงขนาดนั้น เพียงแต่อยากวิเคราะห์ให้ละเอียดมากกว่านี้สักหน่อย ใช้เวลาไม่นานหรอก ทั้งยังต้องการข้อมูลระหว่างการทำงานจริงด้วย”

“คิดจะทำอะไร ?”

“ข้าอยากดูวิธีการการเจิมน้ำมนต์”

“อยากไปเห็นเองอย่างนั้นหรือ ?” แม้จะเดาคำตอบได้ แต่พอได้ยินก็ยังตกใจ

คำขอของซูเฉินไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

หากแต่ในตอนนั้น ตานปาจ้องอีกฝ่ายเขม็งแล้วพยักหน้าตอบรับ

เขารู้ดีว่าในตอนนี้เขามีทางเลือกเพียงเดินหน้าต่อไปเท่านั้น ไม่อาจหันหลังกลับได้อีก

แม้คำขอจะยากลำบาก แต่ก็ยังมีหนทาง

ฟ้ายังไม่ทันสว่างเมื่อมีคนเถื่อนขี้เมาหลายคนเข้ามาอยู่ที่หน้าประตูอารามศักดิ์สิทธิ์

คนเฝ้ายามสองคนด้านหน้าหยุดพวกเขาเอาไว้ “นี่คืออารามพลังต้นกำเนิด ไม่ว่าใครก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป”

“สหาย ดูให้ดี ข้ามาผ่านการเจิมน้ำมนต์” คนเถื่อนว่าพลางหยิบเหรียญกระดูกออกมา

เหรียญเหล่านี้คือบัตรผ่านสำหรับการเจิมน้ำมนต์ เขียนเวลาการเจิมน้ำมนต์เอาไว้ คนเฝ้ามีความสามารถในการตรวจสอบว่าเป็นของจริงหรือไม่ ทำให้ไม่มีใครใช้ของปลอมแอบเข้าไปได้

คนเฝ้าทั้งสองตรวจดูเหรียญดีแล้วเห็นว่าเป็นของจริงจึงพยักหน้า “เจ้าเข้าไปได้ ส่วนคนอื่นโปรดออกไป”

“ขอร้องล่ะ น้องชายข้ากำลังจะได้ก้าวผ่านประสบการณ์สำคัญที่สุดในชีวิตครั้งหนึ่ง ข้าอยากอยู่เห็นเขาทดสอบชะตาด้วยตาตัวเอง” คนเถื่อนด้านข้างเอ่ย

มีแต่ตานปาที่สามารถพูดอะไรเช่นนี้ออกมาได้

พูดจบก็ส่งหินพลังให้ “พวกเราจะอยู่แค่ตรงนั้น ไม่ไปตรงอื่น”

คนเถื่อนเป็นคนหุนหันพลันแล่น ป่าเถื่อน และงี่เง่า ไม่ได้หมายความว่าไม่เป็นพวกโลภมาก

คนเฝ้าทั้งสองเลือกมองกันแล้วรับหินพลังมา

คนหนึ่งเอ่ย “อยู่นี่ อย่าไปไหน”

“แน่นอน” ตานปาหัวเราะ

ขณะที่พวกเขาพูดกัน คนที่ทำความสะอาดอารามก็เริ่มถอยห่างออกไป

“เหมิง ไปกันได้แล้ว” ข้ารับใช้คนหนึ่งพูดกับซูเฉิน เหมิงคือปลอมชื่อที่เขาใช้

ซูเฉินมองอีกฝ่าย “เช่นนั้นข้าจะไปกับพวกเจ้า”

ข้ารับใช้คนเถื่อนสะดุ้งเล็กน้อยก่อนพยักหน้าแล้วหันหลังไป

จังหวะนั้น ริ้วสีดำพลันปรากฏอยู่นอกอารามพลังแล้วพุ่งเข้ามาด้านใน

“ระวัง !” ตานปาตะโกนแล้วขยับเคลื่อน ริ้วแสงซัดใส่เงาดำ

“อย่า !” คนเฝ้าทั้งสองร้องขึ้นพร้อมกัน

เงาดำหันกลับกลางอากาศ หลบการโจมตีของตานปาก่อนกระโจนเข้ามาแทน

“ใครกล้าบุกรุกอารามพลัง…… ไร้วิญญาณงั้นหรือ ?” ตานปาสีหน้าระบายไปด้วยความกลัวเหมือนกับได้เจอผู้แข็งแกร่ง เขาไม่กล้าโจมตีอีก ได้แต่ถอยและหลบเลี่ยง

เงาดำนี้คือผู้ปกป้องจิตของคนเถื่อน ไร้วิญญาณนั่นเอง

อารามพลังเป็นสถานที่สำคัญมากของคนเถื่อน ไม่ว่าจะสะเพร่าเพียงไหน แต่ที่นี่ก็มีการป้องกันทั่วถึง นอกจากคนเฝ้าก็ยังมีไร้วิญญาณคอยรับมือคู่ต่อสู้ที่มีพลังจิตสูงที่อาจเข้ามาภายในด้วย

ไร้วิญญาณเป็นตัวรำคาญหนักของซูเฉินที่มีทั้งร่างแปลงและใช้วิชามายา

ที่ตานปามาด้วยก็เพื่อหยุดยั้งไร้วิญญาณ

แม้จะสามารถรับรู้ความผันผวนพลังจิตได้รวดเร็ว แต่สัญชาตญาณไม่ได้สั่งให้โจมตีคนจิตแกร่งเท่านั้น หากโดนใครโจมตีก็จะหันเหไปซัดพลังใส่อีกฝ่ายทันที

ตานปาใช้จุดนี้แล้วโจมตีดึงความสนใจมันมาทางเขา

แต่พริบตาต่อมา คนเฝ้าทั้งสองก็หยุดยั้งไร้วิญญาณไว้ได้

เมื่อเห็นว่าตานปาไม่โจมตีมันแล้ว ไร้วิญญาณจึงหันไปสนใจอารามพลังอีกครา

แต่ความผันผวนพลังจิตที่มันจับได้พลันหายไป เหลือเพียงน้อยนิดเท่านั้น

ไร้วิญญาณติดตามรอยพลังจิตไปยังข้ารับใช้คนหนึ่งที่กำลังเดินออกจากอาราม

พริบตาต่อมา มันก็หายวับไป ปรากฏตัวขึ้นใกล้ข้ารับใช้ผู้นั้นแล้วซัดกรงเล็บใส่ศีรษะ สังหารทิ้งทันที

“เกิดอะไรขึ้น ?”

ความวุ่นวายที่ไร้วิญญาณก่อได้ดึงความสนใจจากคนเถื่อนผู้เฝ้าอารามคนอื่น

เข็มขัดหยกสีเขียวหลุดออกจากร่างของคนรับใช้ ร่วงลงกับพื้นอย่างเห็นได้ชัดเจน

“หือ ?” บรรพชนที่เห็นเหตุการณ์แล้วรีบเข้ามาหยิบมันขึ้นมาดู “เป็นเครื่องมือต้นกำเนิดพังแล้วที่มีเสี้ยววิญญาณของปีศาจตาหยกนี่เอง ดูท่าจะใช้จนหมดประโยชน์ คงเป็นของที่มีแต่ในตลาดมืด เจ้านี่คงโชคดีได้มันมา แต่ก็โชคร้ายที่เอาเข้ามาในอารามพลัง หึ ๆ ไม่แปลกที่ไร้วิญญาณจะโจมตี คงเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันเท่านั้น ทุกคนแยกย้ายได้”

บรรพชนวิเคราะห์สถานการณ์และเชื่อว่าคงไม่ผิดพลาดแน่นอน ที่ไม่รู้คือเขาตกหลุมพรางของซูเฉินและตานปาเข้าอย่างจัง

ได้ตานปายื่นมือเข้าแทรก และได้เข็มขัดหยกสีเขียวดึงความสนใจ ไร้วิญญาณจึงพลาดเป้าหมายเดิมไป

ประตูหลักสู่อารามพลังถูกปิดลงหลังจากข้ารับใช้คนเถื่อนเดินเข้าไป ตอนนี้แผนสำเร็จไปกว่าครึ่งแล้ว