ลูกสมุนของเขาได้หันหลังกลับไป
ผู้อาวุโสโม่เองก็มองพวกนั้นด้วยสายตาเหยียดหยาม เขาได้ส่งสัญญาณผ่านทางสายตาให้แก่มู่เฉียนซี จากนั้นก็ได้หันหลังกลับไป
ผู้นำหลานกล่าว “เจ้าเด็กบ้า เจ้ากล้าทำเรื่องที่ทำให้ลูกสาวข้าเสียหาย แล้วเจ้ายังไม่รีบปล่อยตัวลูกสาวข้าอีก”
นี่เป็นสงครามแห่งการด่าทอกัน? ว่าแล้วไป๋อวี้ฉิงก็ลุกขึ้นมาร่วมเล่นเป็นเพื่อนด้วยอีกคนหนึ่ง
“ลูกสาวของเจ้ามีอะไรให้ต้องเสียหาย? แม้นุ่งห่มเสื้อผ้าก็ยังมองไม่ออก เมื่อไร้ซึ่งเสื้อผ้าอาภรณ์ก็ล้วนแต่เป็นหนังหุ้มกระดูก หากถามหาความสัมผัสด้วยมือก็ไร้ซึ่งสัมผัสใด จะมองที่หัว..ก็ไร้ซึ่งหัว.. เจ้าคิดว่าเฉียนซีจะคิดว่ามันหาดูได้ยากรึ!” ไป๋อวี้ฉิงนั้นเป็นสตรีนางหนึ่ง ฉะนั้นแล้วจึงไม่มีอะไรที่จะต้องหลีกเลี่ยง สายตาของนางนั้นมองกวาดไปทั่วทั้งตัวของหลานเยว่หรู แล้วกล่าววิจารณ์ออกมาประมาณหนึ่ง
ดวงตาทั้งสองข้างของหลานเยว่หรูนั้นโกรธราวกับไฟลุกโชน และอยากที่จะฉีกไป๋อวี้ฉิงให้เป็นชิ้นๆ สีหน้าของผู้นำหลานเองก็ไม่น่าดูเช่นกัน เจ้าเด็กน้อยสมควรตายนี่!
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้านั้นมีเงื่อนไขอยู่เพียงข้อเดียวเท่านั้น ผู้นำหลานไม่ลงมือโจมตีและส่งพวกเราออกไปจากป่าเชียนโยวอย่างปลอดภัย และผลหวายมหาจักรพรรดินั้นก็มิได้เป็นของพวกท่าน”
“เจ้า……เจ้ายังเป็นลูกผู้ชายอยู่หรือไม่ กลับทำเรื่องน่าอัปยศให้ผู้หญิงนางหนึ่งเช่นนี้” หลานเยว่หรูกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว
“ไม่ถือว่าเจ้าเป็นสตรีก็สิ้นเรื่องแล้ว” มู่เฉียนซีกล่าวออกมาอย่างเย็นชา
น้ำเสียงที่เรียบสงบของมู่เฉียนซี ทำให้หลานเยว่หนูอยากจะกระอักเลือดออกมา
มู่เฉียนซีกล่าว “ผู้นำหลาน หากท่านยังครุ่นคิดอยู่ต่อไป ลูกสาวของท่านก็จะเป็นหวัดเอาแล้ว”
ผู้นำหลานหันไปมองบุตรสาวของตนอย่างเจ็บหัวใจ เขากล่าว “ข้าตอบรับเจ้า เจ้าปล่อยตัวนางได้แล้ว!”
มู่เฉียนซีกล่าว “สำหรับนิสัยความเป็นคนของผู้นำหลานแล้วนั้น ข้าไม่ค่อยจะเชื่อถือสักเท่าไร เช่นนั้นแล้วเมื่อพวกข้าจะออกจากป่าเชียนโยวนี้ไปแล้วข้าจึงจะยอมปล่อยตัว”
“เจ้าจะให้ลูกสาวของข้าเดินออกจากป่าเชียนโยวไปโดยตัวเปล่าเปือยเช่นนี้ นั่นไม่ได้อย่างแน่นอน ไม่ได้….”
มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวอวี้ เอาเสื้อผ้ามาชุดหนึ่งแล้วสวมใส่ให้นาง”
“นางจะสบายเกินไปหน่อยแล้วกระมัง!” ไป๋อวี้ชิงบ่นออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็ได้เอาเสื้อผ้าชุดที่โทรมที่สุดออกมาแล้วสวมใส่ให้แก่หลานเยว่หรู
แต่ด้วยแรงของการสวมใส่เสื้อผ้านั้น เหมือนจะอดไม่ได้ที่จะถลกหนังของหลานเยว่หรูออกมา ใครใช้ให้นางมาลอบโจมตีไป๋อวี้ฉิงเล่า
หลานเยว่หรูแสยะปากด้วยความเจ็บปวด สายตาของนางนั้นมองไป๋อวี้ฉิงราวกับจะกลืนกินนางเข้าไปทั้งเป็น
มู่เฉียนซียิ้มขึ้นบางๆแล้วกล่าว “ตอนนี้คุณหนูใหญ่หลานก็จะไม่หนาวเย็นแล้ว แต่หากมือข้ากระตุกขึ้นมา เกรงว่าคุณหนูใหญ่หลานจะมีอันตรายถึงแก่ชีวิต เช่นนี้แล้วพวกเรายังไม่รีบเดินทางกันอีกหรือผู้นำหลาน”
“ทางที่ดีเจ้าจงระวังให้มาก ถ้าหากว่าทำให้ลูกสาวของข้าได้รับบาดเจ็บละก็ ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่” ผู้นำหลานกล่าวออกมาอย่างโหดร้าย
ทั้งสองฝ่ายที่เดิมทีต่อสู้กันอยู่นั้น บัดนี้ได้รวมกลุ่มด้วยกันและเดินทางออกจากป่าเชียนโยว
แน่นอนว่ามู่เฉียนซีเองก็มิได้เอาดาบจี้ที่คอของหลานเยว่หรูอยู่ตลอดเวลา เข็มยาเข็มหนึ่งได้ทิ่มเข้าไปในผิวหนังของหลานเยว่หรูอย่างไม่เกรงใจ
“อ๊า!” หลานเยว่หรูร้องเสียงแหลมออกมา
ผู้นำหลานพลันกล่าวขึ้นอย่างดุร้าย “เจ้าทำอะไรกับลูกสาวของข้าอีก?”
“วางยาพิษเล็กๆน้อยๆกับลูกสาวของท่าน นี่เป็นพิษของหมอปีศาจ ท่านนั้นไม่สามารถที่จะแก้พิษเองได้ หากอยากที่จะให้คุณหนูใหญ่หลานยังอยู่ดีละก็ ขอให้ท่านผู้นำหลานอย่าได้ทำการวู่วาม ลูกสาวของท่านข้าจะคืนตัวให้”
มู่เฉียนซีได้ผลักตัวหลานเยว่หรูออกไป จากนั้นนางก็เก็บกระบี่
ปึก! ผู้นำหลานได้รับตัวบุตรสาวของตนเอาไว้
เมื่อเห็นใบหน้าของบุตรสาวที่ได้รับความลำบากเป็นอย่างมาก ผู้นำหลานก็โกรธจัด
“เจ้าเด็กบ้า ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ผู้นำหลานคิดที่จะพุ่งตัวเข้าไป แน่นอนว่าเขาได้ถูกผู้อาวุโสโม่ขวางเอาไว้
“อ๊าก!” แต่ในตอนนี้เอง หลานเยว่หรูก็ได้กรีดร้องออกมาดั่งหัวใจจะแหลกสลาย
“ท่านพ่อ ช่วยข้าด้วย! ช่วยข้าด้วย!”
ใบหน้าของหลานเยว่หรูบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ผู้นำหลานจึงทำได้เพียงเอาความสนใจทั้งหมดไว้ที่ตัวของบุตรสาว
“ลูกสาว เจ้าเป็นอะไร?”
“เจ้าทำอะไรกับลูกสาวข้ากันแน่?”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างหยอกล้อ “ผู้นำหลาน ท่านขี้ลืมยิ่งนัก! มิใช่ว่าได้บอกท่านไปแล้วหรือว่าข้านั้นวางยาพิษลูกสาวของท่านไปแล้ว แต่ท่านยังกลับทำอะไรวู่วาม แค่เพียงพวกเจ้ากล้าลงมือ เช่นนั้นข้าก็กล้าที่จะทำให้นางทรมานอย่างอยู่มิสู้ตายไป”
“เจ้า…..” ผู้นำหลานอยากที่จะสับนางเป็นหมื่นชิ้นยิ่งนัก แต่ทว่าอย่างไรเสียก็ไม่กล้าที่จะลงมือ
“ไปต่อเถอะ!”
ผู้นำหลานมิได้ลงมือโจมตี แน่นอนว่าหลานเยว่หรูก็จะไม่ต้องรับเคราะห์
ผู้นำหลานไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินทางต่อไป และตลอดทางนั้นก็จะปลอดภัยไร้ซึ่งเรื่องราวต่อกัน
ถึงแม้ว่าผู้นำหลานอยากที่จะลอบโจมตีมู่เฉียนซี แต่เพราะมีชิงอิ่งอยู่ด้วย การที่เขาคิดจะลอบโจมตีนั้นจึงเป็นแค่เรื่องที่ฝันไป และนั่นยังแต่จะทำให้บุตรสาวของตนเองต้องเจ็บปวดอีกครั้งหนึ่ง
ในที่สุด ผู้นำหลานก็ยอมแพ้
แต่ทุกครั้งที่มู่เฉียนซีเห็นสายตาของผู้นำหลานส่องประกายอันมืดมิดออกมา มู่เฉียนซีรู้สึกว่าเขายังไม่เลิกล้มความตั้งใจอย่างหมดสิ้น
เอาผลหวายมหาจักรพรรดิกลับไปที่สำนักศึกษาอันดับหนึ่งแห่งทวีปเหลยโจวก่อนแล้วค่อยว่ากัน อย่างไรก็ไม่เชื่อว่าผู้นำหลานนั้นจะสามารถตะลุยฝ่าไปได้ถึงสำนักศึกษาอันดับหนึ่งแห่งทวีปเหลยโจว
แต่เมื่อพวกเขาเพิ่งออกมาจากป่าเชียนโยว ก็พลันเกิดเรื่องขึ้น
ที่ด้านหน้านั้นได้มีคนกลุ่มหนึ่งมุ่งเข้ามา พวกนั้นใส่ชุดคลุมยาวสีขาวของนักปรุงยา ช่างเป็นสิ่งที่มู่เฉียนซีคุ้นเคยที่สุดจนมิอาจจะคุ้นเคยไปได้มากกว่านี้แล้วจริงๆ
ชายชราผมขาวที่เป็นหัวหน้านั้นกล่าวขึ้น “ได้ยินมาว่าพวกเจ้าสำนักศึกษาอันดับหนึ่งแห่งทวีปเหลยโจวได้ผลหวายจักรพรรดิมาผลหนึ่ง ช่วงก่อนหน้านี้ไม่นานพวกเราหุบเขาหมอเทวดาได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก กำลังต้องการใช้ผลหวายจักรพรรดินี้ในการรักษาอยู่พอดี มิทราบว่าจะสามารถยอมยกให้แก่พวกเราหุบเขาหมอเทวดาได้หรือไม่?”
ผู้มาเยือนนั้นคือรองผู้อาวุโสสูงสุดนามว่าซางเวิง พลังความสามารถของเขานั้นไม่ต่ำเลย
ผู้อาวุโสโม่กล่าวอย่าโกรธเคือง “ผู้นำหลาน เจ้ากลับลอบส่งข่าวให้กับพวกหุบเขาหมอเทวดา”
“จะไปนับว่าเป็นการส่งข่าวได้อย่างไร พวกเรากลุ่มกองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรได้ตกลงกับหุบเขาหมอเทวดาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะช่วยหาผลหวายมหาจักรพรรดิ แต่พวกเจ้าได้ใช้กำลังแย่งชิงผลหวายมหาจักรพรรดิไป ซ้ำยังวางยาพิษลูกสาวของข้า แน่นอนว่าข้าจะต้องบอกกล่าวแก่หุบเขาหมอเทวดา” ผู้นำหลานกล่าว
แววตาของมู่เฉียนซีหม่นคล้ำลง ในเมื่อได้ให้หุบเขาหมอเทวดาเข้ามาผสมโรงด้วย เช่นนั้นก็สมควรตาย!
“อ๊า!” อย่างที่คิดเอาไว้ หลานเยว่หรูได้ร้องออกมาอย่างเจ็บปวดอีกครั้งหนึ่ง
ผู้นำหลานกล่าวอย่างร้อนรน “ซางเวิง พิษที่ลูกสาวข้า!”
ซางเวิงกล่าว “เป็นแค่เพียงพิษเล็กน้อยเท่านั้น ให้สาวน้อยอดทนเสียหน่อย หุบเขาหมอเทวดาจะไม่สามารถแก้พิษเล็กๆน้อยๆเช่นนี้ได้อย่างไร”
ปากก็กล่าวไปเช่นนั้น แต่ซางเวิงนั้นรู้ดีเป็นอย่างมากว่าพิษของเด็กหนุ่มประหลาดนั้น แม้แต่ท่านผู้เฒ่าของพวกเขาก็ไม่มีทางแก้มันได้ แล้วพวกเขาจะไปมีหนทางอันใด?
เอาผลหวายจักรพรรดิมาให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน เขานั้นมิได้สนว่าสาวน้อยผู้นั้นจะเป็นหรือตาย
“แต่…”
หลานเยว่หรูยังคงร้องตะโกนอยู่ ปรากฏว่าซางเวิงนั้นรู้สึกรำคาญขึ้นมา จึงได้ตีนางให้สลบไปทันที
“ซางเวิง เจ้า….” ผู้นำหลานตะลึงค้าง
“ผลหวายมหาจักรพรรดินั้นสำคัญนัก” ซางเวิงกล่าว
“ได้!” คราวนี้ผู้นำหลานได้พุ่งออกไปด้วยใจที่หวังผล
ตูม! เมื่อมีพวกหุบเขาหมอเทวดามาเข้าร่วมด้วย ทางด้านของมู่เฉียนซีก็อันตรายขึ้นมาเสียแล้ว
พวกเขานั้นไม่อาจที่จะต้านทานศัตรูทุกคนเอาไว้ ผู้นำหลานกล่าวขึ้น “เจ้าเด็กนั่น ผลหวายมหาจักรพรรดิอยู่กับมัน”
ผู้นำหลานนั้นทำสำเร็จในการลากความเกลียดชังมาให้มู่เฉียนซีอย่างล้นหลาม คนของหุบเขาหมอเทวดาทั้งหมดได้มุ่งไปจับตัวมู่เฉียนซี
เงาร่างสีเขียวเงาหนึ่งปรากฏขึ้น ชิงอิ่งได้หยุดพวกเขาเอาไว้
ผู้ที่สวมเสื้อผ้าสีเขียวและใส่หน้ากากผู้นี้ ไม่มีคลื่นของพลังวิญญาณเลยแม้แต่น้อย ทั้งพลังและความรวดเร็วของเขาก็น่ากลัวเป็นอย่างมาก
ปัง!
ทางด้านนั้นแม้แต่เพียงจับตัวเด็กน้อยเพียงคนเดียวก็ยังไม่สามารถทำได้ ซางเวิงนั้นตะลึงงันเมื่อเห็นเงาร่างสีเขียวนั้น ความรวดเร็วเช่นนั้นอีกทั้งยังไม่มีพลังวิญญาณ นั่นทำให้เขานึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมา
ซางเวิงกล่าวขึ้น “ไอ้หนู เจ้ามีความสัมพันธ์อะไรกับมู่เฉียนซี”