จวินอู๋เสียคิดไม่ถึงเลยว่าสิ่งที่อูจิ่ววางแผนไว้จะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่แค่โลกวิญญาณแห่งเดียวจะสามารถต่อต้านได้!
“ในการสร้างวงเวทย์บูชายัญ จะต้องสร้างเสาโทเทมขึ้นมา 108 อัน เสาโทเทม 108 อันนี้จะกระจายไปทั่วอาณาจักรกลาง เมื่อเสาทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์และสื่อกลางสำหรับการสังเวยเตรียมพร้อมแล้ว หายนะจะบังเกิด” จ้าววิญญาณยิ่งเล่าก็ยิ่งจนปัญญา หลังจากถูกขังมาหลายปี ความนิ่งสงบของเขาไม่ได้มาจากความเฉยชาต่ออิสรภาพ แต่มาจากหายนะสิ้นโลกต่างหาก
จวินอู๋เสียสูดลมเข้าหน้าอก นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย…….novel-lucky.
“ทางเดียวที่จะหยุดแผนของพวกเขาก็คือทำลายเสาโทเทม จวินอู๋เสียใช่ไหม? ข้าช่วยเจ้าให้หลุดจากโซ่พวกนี้ได้ เจ้าจะได้ออกไปจากที่นี่ ถ้าทำได้ เจ้าช่วยทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายหอคอยโยวหลิงในโลกวิญญาณได้ไหม? ข้าไปยุ่งกับที่อื่นๆในอาณาจักรกลางไม่ได้ว่ามีเสาโทเทมอยู่รึเปล่า แต่หอคอยโยวหลิงถูกสร้างขึ้นเพราะความเลินเล่อของข้า ถ้าข้าเดาไม่ผิด อูจิ่วกับจ้าววิญญาณตัวปลอมนั่นต้องมาจากอาณาจักรบนแน่ เป้าหมายของพวกเขาคือการสร้างเสาโทเทม” จ้าววิญญาณมองจวินอู๋เสียอย่างจริงจัง เขาเลือกจวินอู๋เสียก็เพราะเขาสัมผัสได้ว่าจวินอู๋เสียมีพลังมหาศาล และจากบทสนทนาระหว่างจวินอู๋เสียกับอูจิ่ว เขาก็ได้รู้ว่าจวินอู๋เสียไม่ได้อยู่คนเดียว นางยังมีเพื่อน และพวกเขาก็น่าจะไม่อ่อนแอเช่นกัน
แต่จวินอู๋เสียกลับส่ายหน้า
จ้าววิญญาณถึงกับผงะ
“เจ้าไม่อยากช่วยหรือ?”
จวินอู๋เสียตอบว่า “ไม่ใช่ข้าไม่อยากช่วย แต่มันยังไม่ถึงเวลา”
“ยังไม่ถึงเวลา?” จ้าววิญญาณสับสนเล็กน้อย
จวินอู๋เสียกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “ต่อให้เจ้าช่วยข้าให้เป็นอิสระตอนนี้ และข้าสามารถช่วยเพื่อนๆข้าได้สำเร็จ แต่ด้วยพลังที่พวกเรามี เราไม่สามารถต่อต้านเจ้าตัวปลอมนั่นได้เลย เจ้าก็เห็นแล้วนี่ พวกเราไม่สามารถต่อต้านพลังของเขาได้ ถึงได้ถูกขังอยู่ที่นี่ ดังนั้น แม้ว่าข้าจะหนีไปตอนนี้ เกรงว่ายังไม่ทันที่ข้าจะได้แตะหอคอยโยวหลิง ข้าคงถูกพวกเขาจับมาอีกครั้ง และหากถูกพวกเขาจับเป็นครั้งที่สอง ข้าไม่คิดว่าข้าจะถูกปล่อยให้มีชีวิตอยู่ต่อหรอก”
ไม่ใช่ว่าจวินอู๋เสียไม่เต็มใจช่วย เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องแค่โลกวิญญาณเท่านั้น แต่เกี่ยวข้องไปถึงสามอาณาจักร รวมทั้งตัวนางและคนที่นางห่วงใยด้วย ดังนั้นนางจะอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไรได้ยังไง?
แต่ไม่ใช่ตอนนี้ มันยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม
จ้าววิญญาณรู้ว่าเขารีบร้อนเกินไป แต่……
“จากที่เจ้าพูด เวลานั้นคงไม่มีวันมาถึง” จ้าววิญญาณหัวเราะขมขื่น ถ้าจวินอู๋เสียมีหนทางอื่น ทำไมนางถึงตกอยู่ในสภาพนี้?
“ก็ไม่เชิง” จวินอู๋เสียยักไหล่ นางถูกจับในอาณาเขตของวิญญาณสัตว์อสูร ถ้าเป็นอีกที่หนึ่งล่ะก็……
จวินอู๋เสียหรี่ตาเล็กน้อย แล้วจู่ๆนางก็เอ่ยถามจ้าววิญญาณว่า
“ตอนที่จักรพรรดิแห่งความมืดมาที่โลกวิญญาณ เจ้าได้สู้กับเขาหรือเปล่า?”
จ้าววิญญาณไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆจวินอู๋เสียจึงพูดถึงจักรพรรดิแห่งความมืด เขาคิดว่านางแค่อยากรู้ จึงไม่ได้คิดมากและตอบไปว่า “ข้าย่อมได้สู้กับเขาอยู่แล้ว”
“แพ้หรือชนะ?” จวินอู๋เสียถามต่อ
จ้าววิญญาณไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ใบหน้าเล็กๆที่ดูไร้เดียงสานั้นเผยรอยยิ้มอับอายและขมขื่น
“ถ้าข้าชนะ ทำไมโลกวิญญาณต้องยอมจำนนต่อจักรพรรดิแห่งความมืดในตอนนั้นด้วยล่ะ?”
“โอ้” จวินอู๋เสียพยักหน้า จากนั้นก็ถามต่อ “แพ้ยับเยินเลยไหม?”
“………” จ้าววิญญาณอยากจะร้องไห้ ขุดแผลเก่าของคนอื่นแบบนี้มันเหมาะสมแล้วหรือ!
“ยับเยินมาก สู้ไม่ได้เลยสักนิด”
อย่าถามอีกได้ไหม? เขารู้สึกสงสารตัวเองขึ้นมาแล้ว