ตอนที่ 41 เจ้ายังบริสุทธิ์อยู่หรือ Ink Stone_Fantasy
“หลิวหลีเป็นยังไงบ้าง”
หลังจากถอนตัวออกมาจากวงล้อมอย่างเงียบๆ ทันทีที่เท้าของหวังลู่สัมผัสพื้น สายตาที่เย็นชาในตอนแรกก็แปรเปลี่ยนเป็นกังวลอย่างไม่อาจปิดบังได้ในทันที
เสี่ยวชีมองมาที่ชายหนุ่ม “เจ้าจำนางได้แล้วเรอะ สงสัยจังว่าอะไรที่ทำให้เจ้าได้สติขึ้นมา คิดว่าเจ๋งนักรึไงถึงตรงไปหาฝูงศัตรูแบบนั้น โง่เง่าสิ้นดี! เจ้าชอบคุยโม้นักหนาว่าตัวเองเป็นนักผจญภัยมืออาชีพที่ดีอย่างโน้นอย่างนี้… แต่กลับมัวเสียเวลากับเศษสวะพวกนั้นอยู่ได้ ทำตัวเด็กชะมัด!”
หวังลู่เร่ง “เลิกพล่ามแล้วเข้าเรื่องสักทีเถอะ สถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”
“…ยังกล้าดีมาบอกให้ข้าเข้าเรื่องอีกนะ” เสี่ยวชีส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ “สถานการณ์ไม่ดีเท่าไร การต้านฤทธิ์ของหลิวหลีถือว่าดี แถมยังได้ยาถอนพิษมาช่วย พิษจึงสิ้นฤทธิ์อย่างรวดเร็ว แต่มีดสั้นแทงเข้าที่อวัยวะสำคัญ ทั้งยังมีความเสียหายที่เกิดขึ้นตอนที่พิษเข้าสู่ร่างกายช่วงแรกด้วย และความเสียหายมันค่อนข้างจะ…”
พูดถึงตรงนี้เสี่ยวชีก็ก้มลงและพลิกตัวหลิวหลีที่ยังไม่ได้สติ จากนั้นก็ยื่นมือไปเปิดด้านหลังของชุดจนเผยให้เห็นหลังที่ขาวละเอียด รอยแผลสีดำอยู่ตรงกลางหลังพอดี มีเส้นสีดำแพร่กระจายจากแผลไปทั่วร่างของนาง…
เมื่อเห็นบาดแผลหวังลู่ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ จากความรู้ที่ร่ำเรียนมาจากหอเถิงอวิ๋น เมื่อศิษย์แห่งสำนักกระบี่วิญญาณบรรลุตบะขั้นพิสุทธิ์ ร่างของพวกเขาจะถูกขัดเกลาเสียใหม่ พลังปราณในกายจะมีมากกว่าผู้บำเพ็ญเซียนทั่วไปอยู่โข
แม้แต่หลิวหลีที่รู้กันว่าเก่งกาจด้านโจมตีแต่ย่ำแย่ด้านตั้งรับ แต่ความแข็งแกร่งของร่างกายก็ควรจะทนทานใกล้เคียงผู้บำเพ็ญเซียนตบะขั้นสร้างแกนทั่วไป… ในทางทฤษฎีแล้ว ต่อให้ถูกแทงที่หัวใจตรงๆ นางก็ไม่ตายด้วยซ้ำ โดยเฉพาะเมื่อมีเสี่ยวชีซึ่งเป็นอาจารย์เซนมาช่วยรักษาอาการ ต่อให้นางถูกตัดศีรษะ ถ้ามันถูกต่อคืนในทันทีนางก็ย่อมรอดชีวิตแน่
ทว่าตอนนี้ทั้งที่ร่างของนางถูกแสงแห่งเซนโอบล้อมไว้ แต่กลับไม่มีสัญญาณว่าอาการจะดีขึ้นเลย… มันอธิบายได้อย่างเดียวว่าอาการบาดเจ็บของนางรุนแรงมากเสียจนร่างกายไม่อาจเข้าสู่วงจรการฟื้นฟูตามธรรมชาติได้
มันก็เหมือนกับหากมีบาดแผลเล็กน้อย ร่างกายก็จะเยียวยาบาดแผลเองได้ ทว่าหากอาการบาดเจ็บรุนแรงเกินไป อัตราการสูญเสียชีวิตจะสูงเกินกว่าที่ร่างกายจะทำอะไรได้ หากอัตราดังกล่าวสูงกว่าอัตราการฟื้นฟูจากการรักษา ยาอะไรก็ช่วยไม่ได้ สถานการณ์ของหลิวหลีในตอนนี้ใกล้เคียงกับอัตราดังกล่าว นั่นคือแม้บาดแผลจะไม่ใหญ่มาก แต่อาการบาดเจ็บภายในรุนแรงสาหัสจนอาจถึงขั้นรักษาไม่ได้ด้วยซ้ำ
“มีดสั้นเล่มนั้นเป็นของโบราณหายาก นอกจากพิษที่เคลือบมาด้วยนั้น โครงสร้างของมีดสั้นเองก็อันตรายไม่น้อย เจ้าดูที่ปลายมีดสิ มันมีแง่งเล็กๆ อยู่ แต่ละแง่งทำให้เกิดแผลฉีกขาดซึ่งจะทำให้เสียพลังปราณไปอย่างรวดเร็ว ไม่ต่างจากคำสาปชั่วร้ายเลย”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เสี่ยวชีก็กัดฟันและกล่าวอย่างขมขื่น “เจ้าสารเลวนั่นชั่วช้าจริงๆ ต่อให้นางได้ยาถอนพิษแล้ว แต่มีดสั้นนี่ก็ทำให้ข้าต้องพยายามอย่างหนักเพื่อไม่ให้นางตาย หละหลวมไม่ได้เลยสักนิด… อำมหิตจริงๆ!”
หวังลู่โบกมือ “ไม่ต้องสนคนที่ตายไปแล้วหรอก สนใจปัญหาตรงหน้าก่อนดีกว่า”
ขณะพูดหวังลู่ก็ขมวดคิ้วพลางคิดถึงสรรพความรู้ต่างๆ ที่ร่ำเรียนมาในหอเถิงอวิ๋น ตำราการรักษาที่เขาอ่านมาในสิบปีนี้ผุดขึ้นมาในหัวทีละเล่มทีละเล่ม…
ผ่านไปพักใหญ่หวังลู่ก็กล่าวขึ้น “ปัญหาของหลิวหลีคืออาการบาดเจ็บของนางรุนแรงมาก และนางสูญเสียพลังปราณมากเกินไป ส่วนอาคมรักษาของเซนโดยแก่นแล้วจำลองพลังปราณของมนุษย์ หากพลังปราณในร่างกายของเราไม่เพียงพอ วิถีแห่งเซนเองก็ไม่อาจสร้างก้อนอิฐขึ้นจากฟางได้ ในเมื่อเป็นแบบนี้…”
“ถ้าใช้การถ่ายพลังปราณโดยกำเนิดล่ะ” หวังลู่เอ่ยขึ้น “แม้พลังปราณโดยกำเนิดของแต่ละคนยากที่จะแบ่งปันกัน แต่วิถีแห่งเซนมีวิชาที่ช่วยบรรเทาบาปของทุกสรรพสิ่ง ก็น่าจะมีอาคมเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่นะ”
เสี่ยวชีขมวดคิ้ว “ก็ใช่…แต่ตอนนี้ข้าเป็นเพียงร่างอวตาร แม้จะมีพลังและกายเนื้อของขั้นสร้างแกน แต่ไม่มีพลังปราณแต่กำเนิดหรอก”
“อืม ข้ารู้ แต่เรื่องแค่นี้ไม่ต้องพึ่งพลังปราณแต่กำเนิดของท่านหรอก ข้าจะไปลากคนของสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์มาหลายๆ คนแล้วก็ใช้พลังปราณของคนพวกนั้นเอง”
หวังลู่ลุกขึ้นพร้อมที่จะออกไปมีเรื่องอีกครั้ง แต่เสี่ยวชีกลับหยุดเขาไว้
“เดี๋ยวก่อน จิตกระบี่กระจ่างใจของหลิวหลีทำให้นางมีร่างที่บริสุทธิ์ ดังนั้นพลังปราณโดยกำเนิดของคนทั่วไปก็ไม่ต่างอะไรกับอากาศสกปรกสำหรับนาง ถ้าเข้าไปในร่างของนางมันจะยิ่งเป็นอันตรายไปใหญ่”
หวังลู่ถามกลับ “งั้นพลังปราณโดยกำเนิดแบบไหนถึงจะเข้าข่ายเล่า ค่ามาตราฐานของฝุ่น 2.5 ต้องต่ำกว่า 50 ไหม หรือท่านจะเอาเครื่องฟอกอากาศด้วย”
เสี่ยวชีมองหวังลู่ด้วยสายตาลังเล “นอกจากจะมีขั้นตบะที่สูงพอ มีวิชาที่บริสุทธิ์พอ…ยังต้องบริสุทธิ์อีกด้วย”
“บริ…” หวังลู่อึ้งไป จากนั้นก็มองขึ้นไปยังกลุ่มคนของสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์ที่ส่งเสียงเอะอะอยู่บนยอดเขายอดเมฆา แล้วพอหันกลับมามองที่เสี่ยวชีอีกครั้ง สีหน้าของเขาก็ดูสับสนเป็นอย่างยิ่ง หวังลู่ถอนหายใจ “ตอนนี้ข้ากำลังรู้สึกลำบากใจมากเลย”
เสี่ยวชียิ้มหยัน “ข้าเข้าใจ พลังปราณแต่กำเนิดที่หลิวหลีต้องการไม่ใช่มีเพียงเท่านั้น มันยังต้องบริสุทธิ์มากพอ และยังต้องมีปริมาณที่มากพอด้วย เพราะหากเกิดหมดลงกลางคันระหว่างที่กำลังถ่ายพลังกันอยู่ มันจะยิ่งทำให้…”
หวังลู่ขัดขึ้น “ช่างเถอะ ช่วยชีวิตคนสำคัญกว่า ข้าจ่ายไหวอยู่น่า”
เสี่ยวชีปรายตามองอีกฝ่าย จากนั้นก็กล่าวเสียงนุ่ม “ต่อให้เจ้าต้องจ่ายด้วยอายุขัยหนึ่งร้อยปีน่ะหรือ”
หวังลู่ตกใจ “หนึ่งร้อยปี? นี่ท่านพูดเกินจริงไปหน่อยรึเปล่า” แต่แล้วเขาก็พูดต่ออย่างไม่ลังเล “หนึ่งร้อยปีก็หนึ่งร้อยปี เอาไปเลย”
ขณะพูดเขาก็ยื่นมือไปสัมผัสบาดแผลของหลิวหลีซึ่งให้ความรู้สึกที่เย็นเยียบและแข็งทื่อจนทำให้หวังลู่ต้องย่นคิ้ว ครั้งหนึ่งร่างของหญิงสาวตรงหน้าเคยอุ่นและนุ่มมือราวกับหยก แต่ตอนนี้มันเหมือนมีไอแห่งความตายเจือปนอยู่
สำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์ เรื่องไม่จบแค่นี้แน่! หวังลู่คำรามอยู่ในใจ
ทว่าแม้หวังลู่พร้อมที่จะสังเวยอายุขัยหนึ่งร้อยปีของตัวเอง แต่เสี่ยวชีไม่
“เจ้าเป็นคนหลักแหลม ดังนั้นเจ้าย่อมรู้ว่าสังเวยอายุขัยหนึ่งร้อยปีหมายความว่าอะไรตอนนี้เจ้าบรรลุตบะขั้นพิสุทธิ์และมีอายุขัยสามร้อยปี แม้วิชาไร้ลักษณ์จะมีความสามารถในการขยายอายุขัย จนทำให้เจ้ามีอายุขัยรวมทั้งหมดห้าร้อยปี แต่การที่อายุขัยหายไปหนึ่งในห้าย่อมกระทบกับการบำเพ็ญเซียนของเจ้าอย่างมากแน่ อย่างเช่นถ้าต่อไปเจ้าต้องเจอปัญหาคอขวดขนานหนัก”
หวังลู่กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “หากเจอกับคอขวด ข้าย่อมทะลวงมันได้แน่ รากวิญญาณนภาของข้าต้องเกรงกลัวกับแค่ปัญหาคอขวดด้วยหรือ”
“แต่การเสียอายุขัยหนึ่งร้อยปีไปภายในอึดใจเดียว ไม่แน่ว่า…มันอาจจะลดทอนคุณภาพรากวิญญาณของเจ้า ทำให้เกิดความเสียหายที่ไม่อาจแก้ไข แล้วแบบนี้จะยังไม่เป็นไรอยู่อีกหรือเปล่า”
“ก็ยังไม่เป็นไรอยู่ ช่วยชีวิตหลิวหลีสำคัญที่สุด ข้าน่ะเป็นถึงนักผจญภัยมืออาชีพ มีอะไรให้ต้องเกรงกลัวด้วยหรือ อีกอย่างรากวิญญาณนภาถือเป็นหนามยอกอกของข้า ดังนั้นต่อให้คุณภาพของมันลดลงก็ช่างสิ ในโลกบำเพ็ญเซียนยังมีเส้นทางอีกมากมาย ท่านไม่ต้องกังวลไปหรอก”
“เจ้า…” เมื่อเห็นว่าหวังลู่ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เสี่ยวชีก็อดถอนใจไม่ได้ ศิษย์และอาจารย์แห่งยอดเขาไร้ลักษณ์นี้หลอมออกมาจากเบ้าเดียวกันจริงๆ
ในเวลาปกติ เราจะคันไม้คันมืออยากกำจัดพวกเขาใจแทบขาด ทว่าในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน พวกเขากลับเป็นคนที่พึ่งพาได้มากกว่าใครๆ เด็กคนนี้ยังหนุ่มนัก ทว่ากลับสืบทอดพฤติกรรมของผู้เป็นอาจารย์ไปเรียบร้อยแล้ว
ไม่แน่ว่าอายุขัยที่ลดลงหนึ่งร้อยปีนี้อาจกลายเป็นโอกาสในการฝ่าทะลวงของเด็กหนุ่มคนนี้ก็ได้
ทว่าตอนที่นางกำลังจะลงมือ พวกเขากลับได้ยินเสียงแผ่วๆ ของเด็กสาวดังขึ้น
“ใช้ของข้าเถอะ”
เสี่ยวชีหันไปมองด้วยความประหลาดใจ แล้วก็ได้เห็นเด็กสาวหูแมวที่ก่อนหน้านี้หมดสติไปหลังจากที่ถูกฉวนโจวฮวาโจมตีลืมตาขึ้น
หลิงเยียนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงแต่หนักแน่น “เรื่องนี้ข้าผิด ดังนั้นข้าควรเป็นคนที่ต้องชดใช้ หากพลังปราณโดยกำเนิดสามารถช่วยนางได้ ข้าก็เต็มใจที่จะมอบให้ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร”
เสี่ยวชีมีสีหน้าสับสน “เจ้า…”
เด็กสาวหูแมวกล่าว “แม้ข้าจะถูกอาเซี่ยทรมานมาหลายสิบปี แต่หากวัดตามมาตรฐานมนุษย์ของพวกเจ้า ข้า…ยังบริสุทธิ์อยู่”
หวังลู่อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “นี่มันเรื่องบ้าบออะไร เห็นได้ชัดว่าเจ้าถูกอาเซี่ยย่ำยีมาเป็นสิบๆ ปี รูบนร่างกายเจ้าที่ยังบริสุทธิ์คงมีแค่รูจมูกกับรูหูเท่านั้น เจ้า…”
“อาเซี่ยไร้สมรรถภาพ”
“…” รอยยิ้มของหวังลู่แข็งค้างไป จากนั้นเขาก็ถูจมูกตัวเองอย่างนึกละอาย “พูดต่อสิ ข้าจะไม่ขัดเจ้าแล้ว”
“ใช้ของข้าเถอะ พลังปราณโดยกำเนิดของข้าตรงตามที่ต้องการ ให้โอกาสข้าได้ไถ่โทษด้วย” ยิ่งเด็กสาวหูแมวพูด น้ำเสียงของนางก็ยิ่งน่าเวทนาขึ้น เต็มไปด้วยความสำนึกผิดและตำหนิตัวเอง “ข้าทำร้ายคนที่ข้าชอบมากที่สุด ข้าอยากจะตายให้พ้นๆ ไปเสียเดี๋ยวนี้”
เสี่ยวชีกล่าว “เจ้าทำลงไปโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นย่อมไม่ใช่ความผิดของเจ้า หนำซ้ำในเมื่อเจ้าคิดได้เช่นนี้ ข้าเชื่อว่าหลิวหลีต้องยกโทษให้แน่… ส่วนพลังปราณโดยกำเนินของเจ้านั้น คุณภาพพลังปราณของเจ้ากับหวังลู่แตกต่างกันมาก หากเขาต้องสังเวยอายุขัยหนึ่งร้อยปี เจ้าอาจต้องสังเวยมากกว่านั้น ต่อให้เจ้าเป็นสัตว์ภูตที่เปลี่ยนร่างสมบูรณ์แล้วและโดยธรรมชาติมีอายุขัยยาวนานกว่ามนุษย์ แต่เจ้าสู้ไม่ไหวหรอก”
โชคร้ายที่วาจาปลอบประโลมของเสี่ยวชีไม่เป็นผล เด็กสาวหูแมวย้ายร่างไปอยู่ข้างๆ หลิวหลีในชั่วพริบตา นางกดแขนสองข้างที่ยังหักและมีเลือดไหลซึ่งเกิดจากการที่ถูกฉวนโจวฮวากัดไปบนหลังของหลิวหลี เพื่อให้เลือดของนางเข้าสู่บาดแผลของอีกฝ่ายโดยตรง อึดใจหนึ่งผ่านไป เลือดก็เรืองแสงสีทองออกมาราวกับถูกเผาไหม้
“เจ้า!?” เสี่ยวชีตกใจ เด็กสาวหูแมวกำลังผลาญพลังปราณโดยกำเนิดของนาง! การกระทำเช่นนี้เป็นการป้องกันไม่ให้คนอื่นห้ามนาง เพราะพวกเขาย่อมไม่อาจปล่อยให้นางเสียพลังปราณโดยกำเนิดอย่างเสียเปล่า นอกจากจะยอมให้นางถ่ายพลังปราณไปให้หลิวหลีโดยเร็วที่สุดเท่านั้น
เห็นเช่นนั้นเสี่ยวชีก็รีบร่ายอาคมเซนและใช้วิชาทุกสรรพสิ่งเท่าเทียมกันเพื่อถ่ายพลังปราณโดยกำเนิดของหลิงเยียนไปยังหลิวหลี ทันทีที่พลังปราณเข้าไปในร่าง เส้นสีดำที่กระจายออกไปจากบาดแผลก็หดลงอย่างรวดเร็ว ร่างกายที่แข็งทื่อของหลิวหลีก็ค่อยๆ กลับมาอุ่นขึ้นอีกครั้ง
กำลังของหลิวหลีฟื้นคืนอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันร่างของเด็กสาวหูแมวก็อ่อนแรงลงไปอย่างน่าตกใจ
พลังปราณโดยกำเนิดของผู้บำเพ็ญเซียนเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามาก แม้เด็กสาวหูแมวจะมีตบะถึงขั้นสร้างแกนช่วงปลาย แต่นางก็ไม่อาจใช้พลังปราณโดยกำเนิดได้ตามใจชอบ นอกจากการสูญเสียพลังอย่างรวดเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแล้ว รูปลักษณ์มนุษย์ในตัวของนางก็ค่อยๆ เสื่อมลงไปด้วย และรูปลักษณ์ของแมวก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น อึดใจถัดมาร่างของนางก็หดลงไปเกือบครึ่ง หนวดที่อยู่บนแก้มยาวขึ้น หูแมวแหลมๆ สองข้างปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด หางปุกปุยค่อยๆ งอกออกมาจากกระดูกก้นกบ
นี่คือการเปลี่ยนร่างย้อนกลับของสัตว์ภูต… หากแกนชีวิตพร่องลงอย่างหนัก สัตว์ภูตจะกลับคืนสู่สภาพเดิมโดยสัญชาตญาณเพื่อเป็นการยืดอายุขัย ทว่าเมื่อขั้นตอนนี้เกิดขึ้น มันจะหมายความว่าการบำเพ็ญเซียนนับร้อยๆ ปีก่อนหน้านั้นสูญเปล่า หากย้อนคืนเป็นสัตว์อย่างสมบูรณ์แล้ว ก็จะไม่มีวันเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้อีกชั่วชีวิต
เด็กสาวหูแมวมุ่งมั่นสำนึกผิดถึงขั้นไม่ลังเลที่จะสังเวยแกนชีวิตด้วยซ้ำ เสี่ยวชีไม่อาจทนดูอะไรเช่นนี้ได้ แต่จะให้นางทำอย่างไรได้เล่า
นางจะยอมให้หวังลู่สังเวยอายุขัยหนึ่งร้อยปีจริงๆ หรือ นางจะเปิดปากพูดได้อย่างไร!
ทว่าตอนนั้นเองหวังลู่ก็ส่ายศีรษะแล้วเอื้อมมือออกมา “พอที ดูเจ้าสิ ถ้านางฟื้นขึ้นมาแล้วพบว่าเจ้ากลายเป็นแบบนี้ เจ้าว่านางจะรู้สึกยังไง”
ขณะพูดหวังลู่ก็วางมือลงบนไหล่ของเด็กสาวหูแมวอย่างแผ่วเบา ร่างของเด็กสาวสั่นสะท้านไปพร้อมลำแสงสีทองที่สว่างไสว การถ่ายพลังปราณโดยกำเนิดของนางถูกหยุดเสียแล้ว!
จากนั้นหวังลู่ก็ส่งพลังปราณของตนไปยังร่างของเด็กสาวรวดเร็วราวกระแสน้ำในมหาสมุทร เพื่อดับไฟที่นางจุดขึ้นมา
ก่อนที่เด็กสาวหูแมวจะจุดพลังปราณของตัวเองอีกครั้ง เสี่ยวชีก็ใช้ไม้เท้าทุบนางลงไปกองกับพื้น จากนั้นหวังลู่ก็ก้าวเข้ามาแทนที่ตำแหน่งของเด็กสาวหูแมว
“หึ เรื่องนี้ต้องเป็นหน้าที่ของข้าสิ หากยอมให้เด็กแมวจอมทึ่มนั่นช่วยชีวิตนาง แล้วข้าที่เป็นศิษย์พี่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
ขณะพูดเหงื่อก็ไหลซึมออกจากหน้าผากของเขา เห็นได้ชัดว่าการถ่ายพลังปราณโดยกำเนิดไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับหวังลู่เลย
ทว่าตอนนั้นเอง คนที่พวกเขาต่างละเลยไปพักใหญ่ก็ส่งเสียงออกมา
“ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะข้า ดังนั้นข้าควรเป็นคนจัดการเรื่องนี้”
ท่ามกลางความตกตะลึงของหวังลู่และเสี่ยวชี ลำแสงก็สว่างขึ้นจากรังไหมแห่งแสงที่อยู่ไม่ไกล