ตอนพิเศษ 1-11 ฮาแบค

วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์

“นายท่าน”

 

 

แม้จะเริ่มวันตั้งแต่เช้าตรู่ แต่กว่าจะเตรียมนู่นนี่เสร็จก็คล้อยเข้าช่วงกลางวันแล้ว นางกอดขวดยาจำนวนสามขวดและเดินไปอยู่หน้าห้องผู้มีพระคุณ แต่ก็ไม่มีคำตอบจากด้านใน

 

 

“นายท่าน ข้าทำเสร็จแล้วเจ้าค่ะ”

 

 

ลองเรียกดูอีกรอบด้วยเสียงดังกว่าเดิม แต่ก็มีแต่ความเงียบอย่างที่คิด คนรับใช้เดินผ่านมาพบเห็นท่าทีสับสนว่าควรทำอย่างไรดีของนางเข้าพอดี

 

 

“เมื่อครู่นี้นายน้อยบอกว่าจะนอนกลางวันสักหน่อย เข้าไปปลุกสิขอรับ”

 

 

“เจ้าคะ? ข้าน่ะหรือ”

 

 

“จริงๆ ตอนนี้น่าจะได้เวลาตื่นแล้ว สงสัยว่านายน้อยคงจะเหนื่อยมาก ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าห้องนายน้อยได้ คุณหนูช่วยไปปลุกเถิดขอรับ”

 

 

ระหว่างกำลังเหม่อเพราะตกใจก็โดนผลักเข้ามาในห้องทันที จนเห็นเจ้าของห้องกำลังหลับสนิทอยู่จริงๆ ท่านอนเหยียดตัวตรงสมกับเป็นเขา ภายในห้องก็เหมือนกับวันแรกที่นางลืมตาตื่นขึ้นมาไม่เปลี่ยน โต๊ะหนังสือไร้ฝุ่นเกาะ ไม่มีของจุกจิกไร้สาระ ชุดขุนนางพับอย่างเรียบร้อยบนตู้เตี้ยๆ ร่างบางกวาดสายตามองรอบห้องขณะเดินตรงไปที่เตียงช้าๆ

 

 

ขนตาหนาเป็นแพยาว เนื่องจากเวลาพบกันมันยกขึ้นอยู่ตลอดนางจึงไม่เคยสังเกต แม้แต่ตอนหลับ สันจมูกเป็นคมและริมฝีปากปิดสนิทก็ยังดูสุภาพ นางนั่งลงข้างๆ พร้อมก้มมองราวกับหลังเสน่ห์ และตอนนั้นเอง

 

 

แพขนตาที่ปิดอยู่ก็ค่อยๆ ปรือขึ้นช้าๆ เผยดวงตาง่วงงุนเล็กน้อยจ้องมองผู้บุกรุกอย่างอ่อนเพลีย

 

 

งานที่สั่งเสร็จหมดแล้วเจ้าค่ะ นางต้องกล่าวเช่นนี้ แต่ปากกลับไม่ยอมขยับเหมือนทากาวติดแน่น และต้องกลั้นหายใจไม่รู้ตัวเมื่อบุรุษตรงหน้ายกมือขึ้นมา มือใหญ่สัมผัสแก้มอย่างนุ่มนวลและอบอุ่น ริมฝีปากปิดสนิทก่อนหน้านี้เปิดขึ้นจนเห็นฟันขาว

 

 

“เดินไปไหนมาไหน ทั้งๆ ที่มีไอ้นี่เปื้อนอยู่หรือ”

 

 

แม้แต่เสียงพูดก็ยังเปล่งออกมาอย่างเชื่องช้า คราบสีดำบางอย่างเปื้อนมืออีกฝ่ายหลังจากถูกบนแก้มนางสองสามที

 

 

“หือ?”

 

 

“เดี๋ยวก่อน มันกำลังจะหมดแล้ว”

 

 

ฮาแบคตีความว่าสตรีผู้นี้หน้าแดงเพราะเขินอายกับการเดินทั่วจวนพร้อมควันเขม่าเปื้อนหน้า ก่อนจะยันตัวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม แล้วยกผ้าห่มจากหน้าอกมาเช็ดหน้าให้นางและเช็ดมือตนเองด้วย

 

 

“เดี๋ยวข้าเอาไปซักให้เจ้าค่ะ”

 

 

“เอางั้นหรือขอรับ”

 

 

เขายื่นผ้าให้อย่างว่าง่ายแล้วก้าวลงจากเตียง พอเห็นเงาของลูกกรงบนพื้นจึงรู้ว่าเป็นช่วงเที่ยงแล้ว

 

 

“งานที่ข้าฝากให้ทำเป็นอย่างไรบ้าง”

 

 

“อ๋อ นี่เจ้าค่ะ”

 

 

ขวดสีขาวสามขวดวางอยู่บนโต๊ะหนังสือ ฮาแบคหยิบมาขวดหนึ่งและลองเทลงบนฝ่ามือ ก่อนจะผงกศีรษะด้วยความพึงพอใจ

 

 

“ข้าจะเอาไปใช้สองขวด ส่วนขวดนี้เป็นส่วนแบ่งของแม่นาง เอาไปเก็บไว้ที่ห้องนะขอรับ”

 

 

“ส่วนแบ่งของข้าหรือเจ้าคะ”

 

 

“หญ้าแส้ม้ามีไว้ใช้ตรงจุดใด”

 

 

การย้อนถามอย่างมึนงงกลับได้รับเป็นคำถามกลับมา นางจึงตอบตามสิ่งที่ได้เรียนรู้พร้อมรับขวดสีขาวมาถือด้วยความลังเล

 

 

“บรรเทาอาการปวดศีรษะ ขับพิษในร่างกายด้วยการช่วยขับปัสสาวะเจ้าค่ะ ทั้งยังสามารถใช้ล้างเชื้อโรคและซ่อมแซมผิวหนังได้ด้วย”

 

 

“เก่งมากขอรับ”

 

 

ฮาแบคฝ่ามือข้างที่เทน้ำหญ้าแส้ม้าใส่เมื่อครู่มาแตะเบาๆ บนแก้มสตรีตรงหน้า แก้มแดงระเรื่อเหมือนลูกท้อจึงเป็นเงาวาวชุ่มชื้นขึ้น

 

 

“มันเป็นเครื่องประทินผิวด้วย นำกลับไปที่ห้อง แม่นางทาสิ่งนี้และจัดการเปลี่ยนชุดเตรียมตัวออกไปข้างนอกนะขอรับ ข้าต้องไปตลาดเพื่อซื้อสมุนไพรจำเป็นสักหน่อย”

 

 

เมื่อกลับมาถึงห้องของตนพร้อมขวดสมุนไพรประทินผิว ก็เห็นเสื้อคลุมกับหมวกวางอย่างเรียบร้อยอยู่บนเตียง กลิ่นดอกหญ้าลอยฟุ้งจากเครื่องประทินผิวที่เพิ่งทำขึ้น ชุดที่เตรียมให้มีขนาดใหญ่กว่าตัวนางเล็กน้อย แต่อุ่นและงดงามที่สุดเท่าที่นางเคยใส่ในทั้งชีวิตเลย ทั้งยังชื่นชอบหมวกคลุมเส้นผมด้วย

 

 

“มัวทำอะไรเนี่ย ก็แค่ไปซื้อสมุนไพรเอง”

 

 

นางบ่นตัวเองที่กำลังส่องกระจกหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง แต่กระนั้นก็ไม่อาจควบคุมความรู้สึกล่องลอยได้

 

 

“ไยถึงออกมารอล่ะเจ้าคะ”

 

 

หลังจากเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยก็ก้าวออกจากห้อง ทว่าก็ต้องเอ่ยถามคล้ายตำหนิ ฮาแบคไม่ได้ตอบอะไร แต่กลับใช้ผ้าคลุมในมือปิดบังหน้านางและเอื้อมผูกปกจนแน่น กลิ่นกายอบอุ่นจากอ้อมกอดเขาลอยมากับสายลม

 

 

“ลมหนาวจะทำให้ระบบทางเดินหายใจเย็นและแห้งได้ ดังนั้นหากต้องอยู่ข้างนอกเป็นเวลานานจึงต้องปิดจมูกและปากเอาไว้นะขอรับ”

 

 

โกหก ลมวันนี้ไม่ได้หนาวขนาดนั้นหรอก ทว่าสตรีผู้นี้ก็ตามจับอยู่ แม้นางจะไร้เดียงสาคิดว่าสามารถซ่อนตัวได้หากเข้ามาอยู่ในเมืองหลวงแสนวุ่นวายก็ตาม

 

 

เหล่าคนใช้ด้านหลังต่างมองตามพร้อมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ นายน้อยฮาแบคออกไปข้างนอกกับแขกของจวนเพียงสองคนโดยไม่ให้ผู้ใดติดตามไปถือของ คนครัวเองก็วิ่งออกมาพร้อมเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อน ในหัวกำลังคิดคำนวณว่าจะต้องเตรียมอาหารสำหรับงานเลี้ยงฉลองอย่างไรดีด้วยความใจร้อน

 

 

 

 

“นายน้อย! ไม่ได้เจอกันนานเลยขอรับ หือ?”

 

 

“นายน้อยออกมา… หือ?”

 

 

“ใต้เท้า ลองเอาอันนี้… หือ?”

 

 

รู้สึกแปลกจัง นางรู้ว่าบุรุษผู้นี้เป็นนายท่านผู้สูงศักดิ์ ทุกคนตั้งแต่พ่อค้าในตลาดจนถึงผู้คนที่สัญจรไปมาต่างเข้ามาโค้งเคารพทักทายทันทีเมื่อเห็นจากไกลๆ แต่ที่แปลกก็คือเมื่อทุกคนเห็นนางเดินตามหลัง ล้วนมีปฏิกิริยาเช่นเดียวกันหมด ร่างบางจึงพยายามก้าวช้าลงโดยไม่ให้เขาสังเกตเห็น ทั้งๆ ที่ยังรู้สึกสับสน กระทั่งห่างถึงห้าหกก้าว

 

 

ฮาแบคเองก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายเริ่มออกห่างทีละนิด เขาจึงฝ่าฝูงคนที่พยายามยัดบางอย่างให้เขาไม่จบสิ้นออกมาเพื่อย้อนกลับทางเดิม

 

 

“แม่นาง”

 

 

ทันทีที่ร่างสูงจับมือสตรีข้างกาย เสียงเอะอะโวยวายก็ดังขึ้นจากผู้คนที่รอบตัว แต่คราวนี้ทุกคนกลับหลีกทางให้แทนการคว้าตัวเฉกเช่นคราแรก ถึงแม้จะอยากตอบแทนบุญคุณที่อีกฝ่ายเคยให้ยาและรักษาโรค แต่ตอนนี้การส่งหนุ่มโสดออกเรือนน่าจะเร่งด่วนกว่า

 

 

“เถ้าแก่อยู่หรือไม่”

 

 

สถานที่ที่ฮาแบคลากนางเข้ามาคือร้านขายผ้า เจ้าของร้านที่นั่งสัปหงกอยู่ด้านในรีบวิ่งออกมาต้อนรับด้วยความยินดีเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหู

 

 

“ใต้เท้ามาแล้วหรือขอรับ จะตัดชุดขุนนางใหม่ใช่หรือไม่ ใช่ๆ ตอนนี้ก็เข้าฤดูหนาวแล้วคงต้องตัดชุดหนาใหม่สินะขอรับ”

 

 

“ของข้าเอาไว้ก่อน วันนี้ขอดูผ้ากระโปรงหน่อย มีอะไรดีๆ มาบ้างหรือเปล่า”

 

 

ขณะนั้นเองเจ้าของร้านขายผ้าจึงสังเกตเห็นสตรีรูปร่างเล็กเป็นพิเศษยืนอยู่ด้านหลัง ความปลาบปลื้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าอ้วนท้วนเช่นเดียวกับเหล่าคนรับใช้ของจวน

 

 

“แน่นอนสิขอรับ ข้ามีของเก็บไว้เฉพาะลูกค้าผู้สูงศักดิ์อยู่แล้ว”

 

 

“ข้าขอดูหน่อยได้หรือไม่”

 

 

“ถ้าไม่ให้ใต้เท้าดู แล้วข้าน้อยจะเอาให้ใครดูได้เล่าขอรับ เชิญทางนี้เลย”