ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล


เมื่อพวกแมลงองค์รักษ์แห่งแซลทูร่าบินออกมาจากใต้ดิน พวกดราก้อนแฟร์รี่ก็พ่นหมอกหนาออกมาปกคลุมพวกคิเมร่าเอาไว้ ในอดีต เซียวอวี๋เพียงคิดว่าหมอกเหล่านี้เอาไว้ใช้รบกวนประสาทสัมผัสของศัตรู หากแต่ต่อมาเขาก็ได้ทราบว่ามันสามารถใช้ได้หลากหลายรูปแบบ ที่จริงแล้วหมอกเหล่านี้กลับไม่ค่อยส่งผลกับศัตรูโดยตรงเท่าใดนัก และเนื่องเพราะที่ผ่านมาเซียวอวี๋ไม่เคยเผชิญกับศัตรูประเภทบินมาก่อน เขาจึงคิดเพียงแต่ว่ามันได้ผลกับศัตรูประเภทบิน แต่ไม่ค่อยได้ผลกับศัตรูที่อยู่บนพื้น เมื่อพวกแมลงบินเข้าไปในม่านหมอก พวกมันก็พลันสูญเสียการรับรู้ทิศทางไป อันที่จริงแล้ว พวกแมลงประเภทบินเหล่านี้แข็งแกร่งอย่างมาก พวกมันมุ่งเน้นโจมตีแลกชีวิตอย่างไม่หวาดกลัวความตาย ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าต่อศัตรูอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม หมอกเหล่านี้กลับแก้สถานการณ์น่าปวดหัวนี้ไป หลังจากพวกแมลงบินเข้าไปภายในหมอก พวกมันก็ไม่อาจหาตำแหน่งที่อยู่ของพวกคิเมร่าได้ ในตอนนั้นเอง ฝนธนูนับไม่ถ้วนพลันแหวกฝ่าอากาศพุ่งเข้าใส่พวกมันจากทุกทิศทางจนพวกมันล้มตายดุจใบไม้ร่วง ความสามารถในการต่อสู้กับศัตรูประเภทบินของพวกคิเมร่าไม่สูงนัก จุดเด่นของพวกมันคือการโจมตีจากอากาศลงสู่พื้น กับการต่อสู้ในอากาศ พวกมันจำเป็นต้องได้รับการคุ้มครองจากยูนิตบินได้อื่นๆ ดังเช่น พวกอัศวินกริฟฟ่อน ดราก้อนแฟร์รี่ และไวเวิร์น ตุบ ตุบ….. การโจมตีประสบผล กองทัพแมลงประเภทบินเกิดการสูญเสียอย่างหนัก กระนั้นพวกมันกลับไม่ถอยหนี ตรงกันข้าม พวกมันเลือกที่จะพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่หวั่นเกรง แมลงบางตัวมีขนาดใหญ่จนกระทั่งลูกธนูไม่อาจระคายเคืองผิวของมัน แต่อย่างไรก็ตาม ขณะที่พวกมันกำลังจะบินฝ่าหมอกออกไปได้นั้น ตาข่ายแสงขนาดใหญ่ก็ครอบคลุมเข้าใส่พวกมันจนทำให้มันหยุดการเคลื่อนไหวไป ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! จากนั้นหอกหรือศรเวทมนตร์ก็พุ่งเข้าสังหารพวกมัน ตาข่ายแสงนี้เป็นทักษะหนึ่งของพวกอัศวินกริฟฟ่อน ทักษะตรวนอากาศ แม้ทักษะต่อสู้ทางอากาศของพวกคิเมร่าจะไม่สูง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มพูนความสามารถในการต่อสู้ทางอากาศของพวกคิเมร่า เซียวอวี๋ยังได้ติดตั้งอานไว้บนหลังของพวกคิเมร่าแต่ละตัวและให้พวกพลปืนคนแคระขึ้นขี่ ปัง ปัง ปัง เมื่อสบโอกาส พวกพลปืนคนแคระก็ยิงสังหารพวกแมลงที่พุ่งเข้าหา หลังจากที่พลปืนคนแคระไปถึงระดับที่สอง ปืนคาบศิลาที่พวกเขาใช้ก็มีอานุภาพรุนแรงขึ้น อำนาจทะลุทะลวงก็เพิ่มขึ้น ทั้งยังมีกระสุนลูกปลายแบบปืนลูกซอง นั่นทำให้อำนาจการทำลายล้างของมันน่ากลัวขึ้นมาก เดิมทีเซียวอวี๋เพียงแค่คิดทดลองดู ไม่คาดผลลัพธ์ของมันกลับน่าประทับใจอย่างยิ่ง เมื่อพวกพลปืนคนแคระสามารถเคลื่อนที่ไปได้ทุกที่แม้กระทั่งบนอากาศเช่นนี้ ความแข็งแกร่งของกองทัพของเซียวอวี๋ก็เพิ่มขึ้นไปอีกขั้น ด้วยเหตุนั้น การต่อสู้ทางอากาศที่ดูดุเดือดก็เป็นทางฝ่ายของเซียวอวี๋ที่คว้าชัยไป พวกเซิกเกิดการสูญเสียอย่างหนัก ขณะที่ทางฝ่ายของพวกเซียวอวี๋แทบไร้รอยขีดข่วน หมอกของพวกดราก้อนแฟร์รี่ได้ทำลายจังหวะการบุกของพวกเซิกไป ในขณะเดียวกัน ที่การต่อสู้ทางด้านล่าง กองทัพฝ่ายมนุษย์ก็เป็นฝ่ายกุมความได้เปรียบ พวกเซิกบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน ซากศพของพวกแมลงกองสุมเป็นภูเขาไปทั่วทั้งสนามรบ หากไม่ใช่เพราะกำแพงเมืองมีความสูงมากแล้วล่ะก็ เช่นนั้นซากศพของพวกเซิกคงสูงท่วมกำแพงเมืองไป จ้าวมนตราทั้งสามยืนมองดูสถานการณ์จากบนกำแพง ภายใต้การคุ้มครองจากพลเกราะหนัก พวกเขาทั้งสามไม่ได้ลงมือใดๆ นั่นเพราะยังไม่ถึงคราวให้พวกเขาต้องลงมือ เพียงกองทัพของเซียวอวี๋ก็สามารถจัดการกับพวกเซิกเหล่านี้แล้ว เมื่อทั้งสามได้เห็นพวกคิเมร่า ทั้งสามก็ตกตะลึงเล็กน้อย พวกเขาไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป มองเพียงปราดเดียวก็ทราบว่าพวกมันคือคิเมร่า สัตว์อสูรในตำนานของพวกเอลฟ์ ดูเหมือนว่าเซียวอวี๋จะมีอำนาจเหนือพวกเอลฟ์อย่างเบ็ดเสร็จแล้ว สงครามอันดุเดือดดำเนินไปกว่าสองชั่วโมงจึงค่อยยุติลง สุดท้ายพวกเซิกที่สูญเสียอย่างหนักก็เลือกที่จะถอยทัพกลับไป การบุกโจมตีของพวกมันรุนแรงอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะพวกเซียวอวี๋มาได้ทันการณ์ กองทัพของจักรวรรดิเมฆาจะต้องล่มสลายอย่างแน่นอน ตอนนี้สถานการณ์ถูกกอบกู้คืนกลับ พวกเขาเพียงต้องเสริมความแข็งแรงของกำแพงเมืองและหาหนทางตอบโต้กลับ เป้าหมายสูงสุดของพวกเขาย่อมไม่ใช่เพียงเพื่อหยุดพวกเซิก หากแต่เป็นการบุกเข้าไปภายในอัลคีราฟและเก็บกวาดขุมทรัพย์ ต่อให้ที่นี่ไม่มีสามจ้าวมนตราอยู่ด้วย เซียวอวี๋ก็สามารถจัดการกับพวกเซิก กระนั้นเซียวอวี๋ก็เลือกที่จะกันไว้ดีกว่าแก้ อีกทั้งจ้าวมนตราทั้งสามยังมีประโยชน์มากกว่านั้น มันเป็นโอกาส ด้วยการมีอยู่ของจ้าวมนตราทั้งสาม การขจัดภัยคุกคามจากอัลคีราฟได้สำเร็จก็เป็นเรื่องที่แน่นอน เพราะอาศัยเพียงกองทัพของดินแดนไลอ้อนอย่างเดียวยังไม่อาจกวาดล้างอัลคีราฟและครอบครองสมบัติ เมื่อเห็นพวกเซิกล่าถอยกลับไปดุจคลื่นลดลงสู่ทะเล ในเวลาอันสั้นนี้คงไม่มีการบุกครั้งใหญ่อีก เซียวอวี๋ตัดสินใจมอบให้ฉินเช่อดูแลจัดการเรื่องราวต่างๆ เนื่องเพราะต้องการฝึกฝนฉินเช่อ ดังนั้นนี่จึงนับเป็นโอกาสอันดี ฉินเช่อพยักหน้ารับ เขาไม่ได้กล่าววาจาใดก่อนจะปลีกตัวออกไปจัดการเรื่องราวต่างๆ เซียวอวี๋นำจ้าวมนตราทั้งสามลงจากกำแพงและหาสถานที่พักผ่อน เซียวอวี๋กวาดมองกระโจมพักอย่างพูดไม่ออก ที่พักของเขาสภาพไม่อาจเรียกได้ว่าที่พักด้วยซ้ำ แน่นอนว่าทุกคนย่อมไม่ต่างกัน กระทั่งที่พักของโถวปาหงก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าใด มันเป็นเพียงกระโจมที่เรียบง่าย แน่อนนว่าเซียวอวี๋ย่อมไม่อยากพักในที่นี้ เขาพลันนำเอากระโจมหรูหราออกมาหลายหลังก่อนจะเริ่มจัดตั้ง ทั้งยังแบ่งให้โถวปาหงหลังหนึ่ง โถวปาหง จักรพรรดิองค์ปัจจุบันของจักรวรรดิเมฆาตะวันออกกลับมีที่พักอนาถา เซียวอวี๋อดสงสารไม่ได้เลยจริงๆ ขณะที่เซียวอวี๋และจ้าวมนตราทั้งสามกำลังจะหย่อนก้นนั่งบนเก้าอี้นั้นเอง พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังขุมหนึ่งจากนอกกระโจม ขนของพวกเขาพลันลุกชี้ชัน อย่างไรก็ตาม ไม่ช้าเซียวอวี๋ก็คืนสติก่อนจะเอ่ยอย่างสงบ “เป็นท่านราชครูนี่เอง” ม่านกระโจมถูกเลิกขึ้น ชายวัยกลางคนที่มีสีหน้าเย็นชาเดินเข้ามา เขาก็คืออาจารย์ของโถวปาหงที่เซียวอวี๋เคยพบมาก่อน อ้าวปา…..