ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล
หลังจากอ้าวปาเข้ามา สายตาของเขาก็ตกลงบนร่างของจ้าวมนตราทั้งสาม เขาก้มศีรษะทักทายก่อนจะกล่าวว่า “ไม่คาดว่าปรมาจารย์ทั้งสามจะมา ครั้งนี้นับว่าจักรวรรดิเมฆารอดพ้นหายนะแล้ว” กระทั่งอ้าวปาผู้แข็งแกร่งยังกล่าวเช่นนี้ เป็นที่จินตนาการได้ว่าสถานการณ์ของจักรวรรดิเมฆาเลวร้ายเพียงใด “ท่านก็คือราชครูของจักรวรรดิเมฆา ได้ยินชื่อเสียงมานานแลว เลื่อมใสๆ” จ้าวมนตราทั้งสามลุกขึ้นกล่าวทักทายตอบ ทั้งทวีปแห่งนี้มีคนอยู่ไม่มากที่จ้าวมนตราทั้งสามจะปฏิบัติด้วยเช่นนี้ จากข้อนี้ย่อมแสดงให้เห็นว่าอ้าวปาผู้นี้จะต้องไม่ธรรมดา ย้อนกลับไปในอดีต ครั้งนั้นเซียวอวี๋ยังไม่แข็งแกร่งเท่าใด ตัวเขามองอ้าวปาผู้นี้ไม่ออกแม้แต่น้อย ไม่ทราบว่าอ้าวปาผู้นี้อยู่ในระดับใดกันแน่ แต่มาเวลานี้ เซียวอวี๋สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายอันตรายได้จากร่างของอ้าวปา กระนั้นเขาก็ยังคงมองระดับของอ้าวปาไม่ออก แต่เขาคาดว่าอ้าวปาจะต้องแข็งแกร่งอย่างน่าสะพรึง คาสโซ่เองก็ที่อยู่ในขั้นที่หก แต่เทียบกับอ้าวปาที่เบื้องหน้านี้แล้วนับว่าแตกต่างราวกับอยู่คนละขั้นอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าตัวเซียวอวี๋เองจะยังไม่ได้อยู่ในขั้นที่หก แต่หากให้เขาปะทะกับคาสโซ่จริงๆแล้วล่ะก็ เขามั่นใจว่าตัวเองไม่พ่ายแพ้แน่ แต่สำหรับกับอ้าวปาแล้ว ตัวเขาไม่มีความมัน่ใจแม้แต่น้อย “ชื่อเสียงเล็กน้อยสามารถเข้าหูท่านทั้งสามได้ นี่นับว่าโชควาสนาแล้ว” จ้าวมนตราทั้งสามและอ้าวปาทรุดตัวนั่งลง อ้าวปาไม่อ้อมค้อมอีก เขาหันไปมองเซียวอวี๋ก่อนจะเอ่ยปากกล่าวทันที “เซียวอวี๋ ครั้งนี้ข้าต้องขอบใจเจ้าจริงๆ หากวันนี้ไม่มีเจ้าอยู่ สถานการณ์ในวันนี้คงยากจะกล่าว” เซียวอวี๋หัวเราะก่อนจะกล่าวว่า “ปรมาจารย์อ้าวปายกย่องเกินไปแล้ว อันที่จริง คนทั้งหมดย่อมทราบว่าข้ามาที่นี่ก็เพื่อรักษาดินแดนไลอ้อน หากว่าจักรวรรดิเมฆาพังทลายลง เช่นนั้นเป้าต่อไปก็คือดินแดนไลอ้อนที่โชคร้ายของข้า เช่นนั้นข้ายังไม่มาได้หรือ? ยังไม่ต้องกล่าวถึงว่าโถวปาหงและข้าเป็นพันธมิตรกัน ข้ายังต้องการตักตวงผลประโยชน์จากเขาอีกในภายหน้า แล้วข้าจะนิ่งดูดายได้อย่างไร ฮ่าฮ่าฮ่า…” อ้าวปาจ้องมองเซียวอวี๋ก่อนจะกล่าวว่า “แม้จะเป็นเช่นนั้น ข้าก็ยังต้องขอบใจเจ้า ครั้งนี้เจ้าช่วยพวกเราไว้มากจริงๆ เอาล่ะ ข้าไม่กล่าววาจาไร้สาระแล้ว ผลประโยชน์ใดๆหงเอ๋อร์ได้กล่าวไปแล้ว ตราบใดที่เขาได้ขึ้นนั่งบัลลังก์และรวบรวมทุ่งหญ้าให้เป็นหนึ่งได้สำเร็จ ดินแดนไลอ้อนจะเป็นสหายของจักรวรรดิเมฆาตลอดไป” เซียวอวี่พยักหน้า “ข้าเชื่อว่าโถวปาหงกล่าวคำไหนคำนั้น เหอเหอ…” “ทว่าตอนนี้ เซียวอวี๋ ครั้งนี้เจ้าคงต้องลงทุนลงแรงอย่างมาก อาศัยกำลังเพียงลำพังของจักรวรรดิเมฆา เกรงว่ามันยังยากที่จะจัดการกับพวกเซิก หลายวันมานี้ข้าเดินทางไปทั่วจักรวรรดิและได้ติดต่อกับกองกำลังต่างๆเท่าที่ติดต่อได้และแจ้งให้เคลื่อนกำลังมาหนุนเสริม หากว่าแนวป้องกันแห่งนี้พังทลายลง ทั่วทั้งจักรวรรดิย่อมพินาศตาม หากแต่สารเลวโถวปากุ้ยกลับมัวแต่ห่วงประโยชน์ส่วนตน ปฏิเสธที่จะส่งกำลังมา ทั้งยังส่งกำลังมาโจมตีตลบหลังพวกเราจนข้าแทบคลั่งแล้ว” กล่าวถึงตรงนี้ สายตาของอ้าวปาก็คมกล้าดั่งกระบี่วิเศษเล่มหนึ่ง เพียงสายตาก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหาร ไม่รู้ว่าอ้าวปาผู้นี้แข้งแกร่งถึงขั้นใดกันแน่? .”ไฉนโถวปากุ้ยจึงดื้อดึงนัก?” เซียวอวี๋ขมวดคิ้วถาม อ้าวปา “อืม แต่ที่ข้ากังวลกลับเป็นอีกเรื่อง เจ้าก็ทราบว่าที่เบื้องหลังของโถวปากุ้ยมีขุมกำลังทรงอำนาจสามฝ่ายยืนไว้อยู่ ข้าสงสัยว่านี่คงจะเป็นการตัดสินใจจากพวกนั้น นี่กลับยิ่งเป็นการสร้างปัญหา เห็นได้ชัดว่าคนพวกนั้นไม่ได้เห็นความอยู่รอดของจักรวรรดิเมฆาอยู่ในสายตา ที่พวกนั้นต้องการก็คือความวุ่นวาย เพื่อที่พวกมันจะสามารถตักตวงผลประโญชน์ได้มากขึ้น” ได้ยินดังนั้น เซียวอวี๋ก็ลุกขึ้นเดินไปเดินมาอย่างครุ่นคิด เขาเองก็เคยคาดคิดไว้แบบนี้ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้จริงๆ หากปล่อยเอาไว้แบบนี้ พวกเขาก็จำต้องรับศึกสองด้าน สถานการณ์ก็จะยิ่งยุ่งยากกว่าเก่า “เช่นนั้นพวกเราจำต้องส่งคนไปยับยั้งการโจมตีของโถวปากุ้ย ตอนนี้ท่านมีกำลังที่โยกย้ายได้มากน้อยเท่าใด” เซียวอวี๋เองก็เลิกกล่าวอ้อมและเอ่ยถามเรื่องสำคัญทันที “คอนนี้พวกเราครอบครองพื้นที่ราวครึ่งหนึ่งของจักรวรรดิ มีประชากรรวมสิบกว่าล้านคน ไพร่พลที่สามารถโยกย้ายได้มีราวห้าแสนนาย หากถึงคราวคับขัน ยังสามารถกะเกณฑ์ไพร่พลได้อีก ชาวเมฆามีพื้นเพเป็นชนเร่ร่อนอยู่แล้ว ชายฉกรรจ์ทุกคนล้วนแต่เป็นนักรบ อย่างไรก็ตาม มันยังต้องใช้ระยะหนึ่งเพื่อระดมพล กองทัพที่ประจำการอยู่แนวหน้าตอนนี้มีอยู่ราวสองแสนเท่านั้น อาจจะมีตามมาสมทบอีกราวห้าถึงหกหมื่นในอีกไม่กี่วัน” อ้าวปากล่าวตอบ เซียวอวี๋พยักหน้าแต่คิ้วกลับขมวดเป็นปม ต่อหน้ากองทัพของพวกเซิก มีมากกว่านี้ก็ยังคงไม่เพียงพอ “เรียกระดมกำลังให้ได้มากที่สุด ศึกครั้งนี้สำคัญยิ่ง นอกจากนี้โถวปาหงยังต้องส่งผู้บังคับบัญชาที่สามารถไว้ใจได้ไปคอบควบคุมพวกเขา ท่านมีตัวเลือกที่เหมาะสมหรือไม่?” เมื่อต้องรับศึกสองด้าน การจะละทิ้งไม่สนใจด้านใด้านหนึ่งย่อมเป็นไปไม่ได้ มิเช่นนั้นเส้นทางถอยของทั้งหมดจะถูกตัดขาดไปและถูกโอบล้อมอยู่ที่นี่ “กล่าวตามตรง แม้ที่นี่จะมีขุนศึกอยู่มากมาย กระนั้นกลับไม่มีผู้ที่สามารถบัญชาการ” อ้าวปาทอดถอนใจ ขุนศึกนั้นหาง่าย แต่แม่ทัพที่สามารถควบคุมบัญชากำลังพลนับว่าหายากเย็นยิ่ง “เมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นตัวเลือกก็คงเหลือเพียงแค่หนึ่งเดียว” เซียวอวี๋ถอยหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ผู้ใดหรือ?” ได้ยินคำของเซียวอวี๋ แสงแห่งความปิติก็พาดผ่านแววตาของอ้าวปา “ฉินเช่อ” เซียวอวี๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม อันที่จริง เซียวอวี๋ไม่ต้องการจะมอบงานหนักให้ฉินเช่อเร็วเกินไปนัก นี่เป็นสถานการณ์อันตราย ทั้งอีกฝ่ายยังมีขุมกำลังในเงามืดคอยหนุนหลังอีก “ฉินเช่อ…ประเสริฐ หากเป็นฉินเช่อ สถานการณ์ก็นับว่ารับมือได้แล้ว เหอเหอ….” อ้าวปากล่าวอย่างยินดี ความสามารถของฉินเช่อย่อมไม่เป็นที่สงสัย อาจกล่าวได้ว่าเหตุผลที่โถวปาหงสามารถกุมอำนาจตอนนี้ได้ส่วนใหญ่ล้วนมาจากฝีมือของฉินเช่อ เซียวอวี๋พยักหน้า “เวลานี้ทัพม้าทั้งหมดของข้าได้ส่งต่อให้ฉินเช่อควบคุมดูแลแล้ว ทางด้านของท่านก็ให้ส่งทัพม้ามือดีบางส่วนให้ฉินเช่อแล้วกัน” อ้าวปาพยักหน้า “นี่ไม่มีปัญหา ข้าจะส่งทัพม้ามือดีที่สุดให้ฉินเช่อ”