ตอนที่ 1764 การประมูลโควต้า

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1764 การประมูลโควต้า

“ก็จริง…”

นักปราชญ์โบราณคนอื่นๆของสภาปรมาจารย์เงียบไป

สิ่งที่จางหงเทียนพูดถือเป็นความจริงแท้แน่นอน

กฎเกณฑ์และคำสัญญานั้นอาจยังพอมีน้ำหนักหากเป็นเรื่องเล็กๆแต่เมื่อมีมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงเป็นเดิมพันใครเล่าจะสนใจสิ่งที่จับต้องไม่ได้พวกนั้น?

แน่นอนว่าทั้งเผ่าพันธุ์ปีศาจและเผ่าพันธุ์อสูรจะไม่รามือจากมหาคัมภีร์นี้แน่ ซึ่งเหตุผลที่พวกมัน ไม่คัดค้านอะไรแม้จะได้รับการจัดสรรโควต้าเพียงที่เดียวก็เพราะไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนั้น

ขอแค่ตัวแทนของพวกมันได้เข้าไป ก็จะได้สังเกตทุกอย่างที่อยู่ภายในหอลำดับแรก สิ่งนี้จะทำให้พวกมันสามารถเล่นงานผู้ที่ได้ครอบครองมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงและพยายามฉกฉวยมันมาเป็นของตัวเองได้ทันทีที่ผู้นั้นออกมาจากด้านในของหอลำดับแรก

เมื่อมีนักปราชญ์โบราณเข้ามาเกี่ยวข้อง เหล่านักรบที่มีวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานก็จะไร้ประโยชน์ไปในทันที ดังนั้นทุกอย่างจึงขึ้นอยู่กับความสามารถของนักปราชญ์โบราณของพวกเขา!

“ช่างมันเถอะ ถึงเวลานั้นแล้วค่อยจัดการ สำหรับตอนนี้ จัดสรรโควต้ากันก่อน”

เพื่อหลีกเลี่ยงความตื่นตระหนก เหล่านักปราชญ์โบราณของสภาปรมาจารย์จึงใช้การสื่อสารกันผ่านโทรจิตพลังปราณ

“ในเมื่อโควต้าพวกนี้ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของจางเซวียน ผมจึงคิดว่าพวกเราควรเคารพความคิดของเขา ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไรก็ตาม”

“ใช่” คนอื่นๆพยักหน้ารับ

ในฐานะนักปราชญ์โบราณ แม้พวกเขาจะไม่ได้อะไรจากโควต้าเหล่านี้ แต่ก็รู้สึกละอายเกินกว่าที่จะเรียกร้องกับจางเซวียน

…..

จ้าวหย่าเดินเข้ามาหาจางเซวียนและส่งโทรจิตรายงาน “ท่านอาจารย์ ฉันติดต่อเจิ้งหยางกับคนอื่นๆไม่ได้ แต่เท่าที่ฟังจากผู้ที่เคยพบพวกเขา ดูเหมือนพวกนั้นจะได้พบความโชคดีของตัวเองแล้ว ตอนนี้พวกเขาอยู่ในมิติรองและยังออกมาไม่ได้ ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะมาที่นี่ได้ทันเวลาหรอก”

เธอพยายามติดต่อเจิ้งหยางกับคนอื่นๆแล้ว แต่ไม่ได้รับการติดต่อกลับ จึงเข้าสู่เครือข่ายข้อมูลข่าวสารในฐานะหัวหน้าศาลาว่าการที่ราบธารน้ำแข็ง ซึ่งก็โชคดีที่พอได้ข่าวของพวกเขามาบ้าง

ถึงอย่างไร คนระดับพวกเธอก็ไม่ใช่คนที่ใครๆจะสามารถมองข้ามศาลาว่าการที่ราบธารน้ำแข็งกลายเป็นกลุ่มอำนาจที่โด่งดังของทวีปแห่งปรมาจารย์ไปแล้ว

“พวกนั้นคงมาที่นี่ไม่ทัน?” จางเซวียนทวนคำพร้อมกับขมวดคิ้วเขาโบกมือเบาๆแล้วพูดว่า “ช่างเถอะ ผมแค่อยากจะแน่ใจว่าพวกเขาจะไม่พลาดอะไรต่อให้ไม่ได้เข้าสู่หอลำดับแรก ดังนั้นจึงไม่สำคัญหรอกว่าพวกเขาจะได้เข้าไปข้างในหรือไม่”

แน่นอนว่าจางเซวียนจะต้องจัดสรรปันส่วนสิ่งที่เขาได้รับจากหอลำดับแรกให้กับลูกศิษย์ของเขาอย่างทั่วถึง ไม่ว่าแต่ละคนจะอยู่กับเขาหรือไม่ก็ตาม เรื่องนี้เหมือนกับการที่เขามอบผลโพธิ์ผลหนึ่งให้หยวนเทา แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้เข้าสู่หอสงบใจ

ตราบใดที่เขายังอยู่ ก็มั่นใจได้ว่าบรรดาลูกศิษย์ของเขาจะได้รับส่วนแบ่งจากของดีทุกอย่างที่อยู่ในหอลำดับแรกอย่างแน่นอน!

“ท่านอาจารย์ ผมคิดว่าผมคงเข้าไปไม่ได้เหมือนกัน กายเนื้อของผมเข้าถึงระดับขั้นของนักปราชญ์โบราณแล้ว และผมรู้สึกได้ถึงแรงต่อต้านอันทรงพลังจากฉนวนของหอลำดับแรก ถึงจะมีเครื่องรางลำดับแรก ผมก็ไม่น่าผ่านฉนวนเข้าไปได้หรอก” หยวนเทาพูดขณะเดินเข้ามา

“ผมเข้าใจ…” จางเซวียนพยักหน้า

แม้หยวนเทาจะยังฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณไม่สำเร็จ แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากายเนื้อของเขาเข้าถึงระดับที่เทียบเท่ากับนักปราชญ์โบราณแล้ว อย่างน้อยที่สุดก็ถือได้ว่าเขาเป็นนักรบขั้นกึ่งนักปราชญ์โบราณ จึงไม่น่าประหลาดใจที่เขาจะถูกฉนวนของปรมาจารย์ขงปฏิเสธ

“ถ้าอย่างนั้นก็มีผม ลั่วชิง จ้าวหย่า เว่ยหรูเหยียน และฉีฉี…บวกกับอีก 2 คนจากสภาปรมาจารย์ ก็จะมีพวกเรารวมเป็น 7 คน…”จางเซวียนรีบคิดคำนวณ “นั่นหมายความว่าเรายังเหลือโควต้าอีก 4 ที่…”

จางเซวียนเหลียวมองฝูงชนที่อยู่ในกลุ่มของสภาปรมาจารย์ เขาส่ายหน้า

ไม่ใช่เพราะเขาดูถูกอัจฉริยะเหล่านี้ แต่ดูเหมือนว่าคนพวกนี้จะทำอะไรไม่ได้มากต่อให้เขามอบโควต้าให้ ซึ่งลงท้าย โควต้าที่ให้ไปก็มีแต่จะสูญเปล่า

“ว่าอย่างไร? คุณเลือกตัวแทนของคุณหรือยัง?” เห็นจางเซวียนคิดหนักอยู่นาน นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงเร่งด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกความหงุดหงิดเล็กน้อย

“ผมเลือกคนที่ผมจะพาเข้าไปด้วยแล้ว แต่ผมคิดว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่พวกผมจะต้องใช้โควต้ามากขนาดนั้น ผมจึงตัดสินใจว่าจะเปิดประมูลโควต้าอีก 4 ที่ที่เหลือที่ผมมีอยู่ เชิญประมูลกันได้ตามสบาย แล้วโควต้าจะตกเป็นของผู้ที่ให้ราคาสูงสุด แบบนี้เป็นไง?”จางเซวียนประกาศขณะกวาดสายตาไปยังอีก 3 กลุ่มอำนาจที่เหลือ

“เขาคิดจะเปิดประมูลโควต้าหรือ?”

“หมอนี่เพี้ยนหรือเปล่า? ทุกคนพยายามแทบตายที่จะให้ได้โควต้ามาเป็นของตัวเอง แต่เขากลับคิดจะขายง่ายๆแบบนั้น?”

“เอาจริงๆสิ? ถ้าอย่างนี้เราก็มีโอกาสเข้าสู่หอลำดับแรกแล้ว!”

ฝูงชนส่งเสียงอื้ออึงเซ็งแซ่

คำประกาศที่พวกเขาเพิ่งได้ฟังนั้นช่างน่าตกตะลึง

ไม่เพียงแค่เหล่านักปราชญ์ของ 3 กลุ่มอำนาจใหญ่ที่ถึงกับอึ้งแม้แต่นักปราชญ์โบราณของสภาปรมาจารย์ก็รู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยกับการตัดสินใจอย่างปุบปับของจางเซวียน

การจะได้โควต้ามาหลายที่นั้นไม่ง่าย ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากกับพวกเขา แต่ชายหนุ่มกลับคิดจะประมูลมัน

ทำแบบนี้คิดว่าดีแล้วหรือ?

“นี่มัน…”

นักปราชญ์โบราณคนหนึ่งอดรนทนไม่ไหว เขาอ้าปากพูดด้วยความหวังว่าจะยับยั้งจางเซวียนจากการกระทำอันหุนหันพลันแล่นครั้งนี้

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าศิษย์พี่ของผมมีเหตุผลของตัวเองในการตัดสินใจ” ปรมาจารย์หยางโพล่งขึ้นมาเพื่อปกป้องจางเซวียน“เชื่อมั่นในตัวเขาเถอะ นั่นคือสิ่งที่พวกเราตัดสินใจไปเมื่อครู่นี้ไม่ใช่หรือ?”

“ศิษย์พี่?”

ได้ยินคำพูดประหลาดของปรมาจารย์หยาง เหล่านักปราชญ์โบราณที่เหลือต่างมองหน้าเขา

พวกเขาเพิ่งได้พบหยางชวนไม่นานหลังจากที่ออกจากการจำศีลและไม่ต้องสงสัยเลยว่าอีกฝ่ายคือปรมาจารย์ที่ปราดเปรื่องที่สุดในยุคสมัยนี้ ข้อเท็จจริงที่ว่าเขาสำเร็จวรยุทธเป็นนักปราชญ์โบราณได้ภายในระยะเวลาอันสั้นหลังจากเข้าสู่วิหารแห่งขงจื๊อก็บ่งบอกถึงศักยภาพของเขาแล้ว แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับเรียกขานนักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติคนหนึ่งว่าศิษย์พี่

“ใช่” หยางชวนพูดพร้อมกับพยักหน้า

เขาใช้เจตจำนงสร้างปราการขึ้นปิดกั้นโดยรอบเพื่อป้องกันไม่ให้ใครแอบฟัง ก่อนจะส่งโทรจิตหานักปราชญ์โบราณคนอื่นๆ “บอกพวกคุณตามตรงนะ ตัวตนของเขาน่ะออกจะพิเศษอยู่สักหน่อย ถึงจะอยู่ในฐานะนักปราชญ์โบราณ แต่ผมก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เรียกขานเขาว่าศิษย์พี่ ต้องขออภัยด้วยที่พูดแบบนี้ แต่ตอนนี้ผมยังไม่สะดวกใจที่จะเปิดเผยตัวตนของเขาให้พวกคุณได้รับรู้ แต่ก็วางใจเถอะว่าผมจะบอกเล่ารายละเอียดทั้งหมดให้พวกคุณได้ทราบเมื่อพวกเรากลับไป หลังจากจัดการกับทุกสิ่งที่นี่เสร็จสิ้นแล้ว”

“ตัวตนของเขาออกจะพิเศษอยู่สักหน่อย?”

เหล่านักปราชญ์โบราณมองหน้ากันด้วยความสงสัย

ตัวตนแบบไหนกันที่แม้แต่นักปราชญ์โบราณยังมองว่าเป็นเกียรติสูงสุดที่ได้เรียกขานชายหนุ่มว่าศิษย์พี่?

ถึงพวกเขาจะอยากรู้ แต่ก็รู้ดีว่าหยางชวนไม่เต็มใจพูด จึงได้แต่ระงับความสงสัยไว้ ทุกคนเลือกที่จะเชื่อการตัดสินใจของจางเซวียนและเงียบกริบ

ในตอนนั้นเอง นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงกับพรรคพวกก็หายจากอาการตกตะลึง

“คุณจะประมูลโควต้าของคุณหรือ?”

“ใช่แล้ว ตอนนี้เรามีโควต้ามากเกินไป ซึ่งก็ไม่ได้ดีสักเท่าไหร่ อีกอย่าง การเล่นพรรคเล่นพวกอาจทำให้คนอื่นๆอิจฉาริษยาและโกรธเกรี้ยวขี้นมาก็ได้ ดังนั้นผมจึงตั้งใจจะมอบ 4 โควต้านี้เข้าสู่การประมูล เพื่อแสดงความปรารถนาดีและจัดสรรทุกอย่างให้สมดุลกัน” จางเซวียนพูดขณะหัวเราะหึๆ “ขอแค่พวกคุณนำเงินออกมาให้ได้มากที่สุด ก็จะได้โควต้าไป”

“ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มประมูลเถอะ!”

“เราจะต้องได้โควต้ามาอย่างน้อย 1 ที่สำหรับเผ่าพันธุ์อสูร ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ตาม!”

เมื่อได้ยินว่าพวกเขามีโอกาสจะได้โควต้าจากการประมูล บรรดานักปราชญ์โบราณของทั้ง 3 กลุ่มอำนาจมองหน้ากันก่อนจะพยักหน้า

แม้ลงท้าย การใช้ประโยชน์จากมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงจะขึ้นอยู่กับเหล่านักปราชญ์โบราณ แต่ก็ย่อมได้เปรียบกว่าหากเหล่าทายาทของพวกเขาได้เข้าสู่หอลำดับแรกในจำนวนที่มากขึ้นกว่าเดิม

เหตุผลข้อหนึ่งก็คือ หากทายาทของพวกเขายึดครองมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงมาได้ พวกเขาก็จะได้หาทางปลีกตัวหนี

พละกำลังของนักปราชญ์โบราณนั้นแข็งแกร่งอย่างน่าสะพรึง ต่อให้เอาชนะคู่ต่อสู้ไม่ได้ แต่การปลีกตัวหนีออกมาโดยยังรักษาชีวิตไว้ได้ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาทำได้อยู่

ดังนั้น พวกเขาจึงไม่อยากพลาดโอกาสครั้งนี้

“เอาล่ะ ผมจะเริ่มการประมูลโควต้าที่แรกนะ จะต้องใช้หยดเลือด 20…30…ไม่สิ หยดเลือดของนักปราชญ์โบราณ 50 หยด…”จางเซวียนพูดพร้อมกับยกนิ้วขึ้นมา

ตอนนี้ของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ไม่มีประโยชน์กับเขาอีกแล้ว และดูเหมือนคนพวกนี้จะไม่มีของล้ำค่าระดับนักปราชญ์โบราณอยู่กับตัวมากนัก ต่อให้มีสักชิ้นสองชิ้น ก็คงไม่เต็มใจจะนำมันออกมา ที่สำคัญกว่านั้น ด้วยระดับวรยุทธของเขาที่ยังจำกัด ก็ยังน่าสงสัยอยู่ว่าเขาจะสามารถซึมซับมันได้หรือไม่

เหตุผลที่จางเซวียนทำให้กระบี่เปลวเพลิงสีดำยอมจำนนได้สำเร็จก็เพราะตอนนั้นมันยังเป็นแค่ของล้ำค่าระดับกึ่งนักปราชญ์โบราณ

ส่วนหินหมึกของนักปราชญ์จื้อหยู่ ก็เป็นเพราะของล้ำค่าชิ้นนั้นถูกละเลยมานาน ทำให้มันอ่อนแรงลงไปกว่าของล้ำค่าระดับนักปราชญ์โบราณโดยทั่วไป และที่สำคัญกว่านั้น มันเป็นอาวุธที่ไม่ได้เน้นการใช้ความรุนแรง จึงควบคุมง่ายกว่ากันมาก

สิ่งมีชีวิตใดๆก็ตามที่สามารถฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณมักมีความดุดันและเชื่อมั่นในตัวเอง ซึ่งรวมถึงของล้ำค่าด้วย แม้จะใช้วิถีทางของจางเซวียน แต่โอกาสที่เขาจะทำให้ของล้ำค่าระดับนักปราชญ์โบราณยอมจำนนได้อย่างสิ้นเชิงก็ถือว่ามีน้อยมาก

แทนที่จะรับบางสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ต่อเขามาใช้ ก็น่าจะดีกว่าหากจะได้หยดเลือดของนักปราชญ์โบราณมา

ถึงอย่างไร มันก็เป็นทรัพยากรล้ำค่าที่เป็นขุมพลังในการฝ่าด่านวรยุทธของเขา!

ยังไม่ทันที่จางเซวียนจะพูดจบ เสียงจากโทรจิตเสียงหนึ่งก็ลอยเข้าหู

“จางเซวียน หยดเลือดของนักปราชญ์โบราณเป็นคำที่กว้างมากนะเหมือนกับหินวิเศษนั่นแหละ มันแบ่งออกเป็นหลายขั้น ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของนักปราชญ์โบราณ เป็นธรรมดาที่หากระดับขั้นของหยดเลือดสูงขึ้นเท่าไหร่ ก็จะยิ่งล้ำค่ามากขึ้นเท่านั้น…”

เสียงนั้นมาจากบรรพบุรุษเก่าแก่, จางหงเทียน

“ระดับขั้นของหยดเลือดนักปราชญ์โบราณ?” จางเซวียนอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับ

เขาไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน แต่มันก็ฟังดูสมเหตุสมผลดีที่หยดเลือดนักปราชญ์โบราณจะมีหลายระดับขั้น อีกอย่าง หยดเลือดของนักปราชญ์โบราณผู้คร่ำหวอดกับการสู้รบย่อมมีพละกำลังมากกว่าหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณมือใหม่อย่างแน่นอน

“ก็เหมือนกับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ นักปราชญ์โบราณแบ่งออกเป็น 4 ระดับขั้น ยิ่งนักรบผู้นั้นมีระดับขั้นสูงขึ้นเท่าไหร่ มูลค่าของหยดเลือดของเขาก็มากขึ้นเท่านั้น อันที่จริง ความแตกต่างนั้น ต่างกันได้ถึง 100 เท่าทีเดียว! คุณจะต้องระบุคุณภาพของหยดเลือดนักปราชญ์โบราณด้วย ไม่อย่างนั้น อาจจะต้องขาดทุนครั้งใหญ่!”จางหงเทียนแนะนำ

“ผมเข้าใจแล้ว…” จางเซวียนพยักหน้ารับ “ไม่ทราบว่า 4 ระดับขั้นของหยดเลือดนักปราชญ์โบราณมีอะไรบ้าง?”