อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1763 อันที่จริง…เครื่องรางลำดับแรกก็อยู่กับผม
“เกิดอะไรขึ้น?”
ทุกคนถึงกับอึ้งตะลึง
นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงเลิกคิ้วขณะรีบเข้าไปตรวจสอบสิ่งผิดปกติ
ทำไมพวกเขาถึงถูกฉนวนปฏิเสธ และต้องบาดเจ็บสาหัสตั้งแต่ยังไม่ทันได้เข้าสู่หอลำดับแรก?
คนเหล่านั้นล้วนแต่เป็นอัจฉริยะชั้นยอดของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ ไม่ควรมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับพวกเขา
หอลำดับแรกเปิดออกแล้ว เครื่องรางลำดับแรกก็อยู่ในมือของพวกเขา เงื่อนไขทุกอย่างถือว่าสำเร็จสมบูรณ์แล้วนี่!
ถึงนักปราชญ์เหยียนชิงจะงงงันกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เขาก็กระดิกนิ้วและส่งยาเม็ดหลายเม็ดให้เด็กวัยรุ่นที่ได้รับบาดเจ็บกิน
เมื่อกินยาเข้าไปแล้ว ทั้งกลุ่มจึงรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
การที่ฉนวนด้านหน้าวิหารแห่งขงจื๊อสามารถขัดขวางได้แม้แต่นักปราชญ์โบราณนั้นก็เกินพอที่จะบอกแล้วว่ามันทรงพลังแค่ไหน ถ้าไม่ใช่เพราะความปรานีของปรมาจารย์ขง พวกเขาคงตายไปแล้ว
ต่อให้นักปราชญ์โบราณก็ไม่ได้รับการยกเว้น!
แน่นอนว่าถ้าฉนวนไม่มีพละกำลังมากขนาดนี้ นักปราชญ์โบราณก็คงเล่นงานมันได้ด้วยการใช้พละกำลัง พวกเขาคงไม่ต้องเสียเวลา
บางที สภาปรมาจารย์กับ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์อาจยังลังเลเล็กน้อยเพราะความยำเกรงที่มีต่อปรมาจารย์ขง แต่เผ่าพันธุ์ปีศาจและเผ่าพันธุ์อสูรคงไม่เป็นแบบนั้นแน่
เห็นทุกคนเริ่มอาการดีขึ้น นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงหันมาถามเหยียนเฉว่พร้อมกับขมวดคิ้ว “ทำไมพวกนั้นถึงต้องเจอแรงตีกลับจากฉนวน?”
ในฐานะตัวต้นเรื่อง เขาคิดว่าเหยียนเฉว่ควรรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“บรรพบุรุษเก่าแก่…” เหยียนเฉว่ลังเลครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ดูเหมือนเครื่องรางลำดับแรกเพียงอย่างเดียวจะไม่เพียงพอสำหรับการที่เราจะผ่านฉนวนไปได้”
ก่อนหน้านี้ เขาเข้าสู่โดมแอปริคอตได้โดยใช้สภาวะพิเศษของหยวนเทา ซึ่งก็ผ่านฉนวนเข้าไปได้โดยไม่ต้องเจอกับแรงตีกลับใดๆ แต่เมื่อพยายามจะเข้าสู่หอลำดับแรก ก็รู้สึกได้อย่างเลือนรางว่าเครื่องรางลำดับแรกไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่ากระดาษแผ่นหนึ่ง ไม่ได้มีผลในการคุ้มกันตัวเขาจากฉนวนเลย
“มันไม่เพียงพอให้เราผ่านฉนวนไปได้?” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงขมวดคิ้ว
เขาประสานมือ จากนั้น เครื่องรางลำดับแรกก็ลอยขึ้นมาอยู่ระหว่างปลายนิ้ว เขาใช้ปลายนิ้วบิมันเบาๆ
เคร้งงงง!
ภายใต้กระแสพลังงานพลุ่งพล่าน เครื่องรางที่ดูเหมือนจะทรงพลังก็สูญสลายไปทันที ราวกับกระดาษแผ่นหนึ่งที่มอดไหม้ในเปลวไฟ มันแตกเป็นเสี่ยงๆนับชิ้นไม่ถ้วนก่อนจะหายวับ ไม่เหลือแม้ร่องรอยให้เห็น
“เครื่องรางลำดับแรก…เป็นของปลอม!” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงเลิกคิ้วด้วยความพรั่นพรึง
ตอนนี้ ทุกคนเห็นกันหมดแล้วว่าเครื่องรางลำดับแรกในมือของเขาเป็นของปลอม! เพราะของล้ำค่าที่ปรมาจารย์ขงหลอมขึ้นเองจะแตกเป็นเสี่ยงๆได้อย่างง่ายดายเพียงเพราะการบิเบาๆหรือ?
หลังจากผ่านความยุ่งยากมามากมาย ใครจะไปคิดว่าลงท้ายเครื่องรางลำดับแรกที่เขามีอยู่จะกลับกลายเป็นของปลอม?
ในตอนนั้น นักปราชญ์เหยียนชิงรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าติดกันหลายๆครั้งอย่างจัง ทำให้สองแก้มของเขาร้อนผ่าวไปหมด
ไม่น่าเชื่อว่า 100 สำนักแห่งนักปราชญ์จะทำผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่…ทุกคนต่างเงียบงัน
เมื่อระงับความโมโหไม่ไหวอีกต่อไป นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงตะคอกใส่เหยียนเฉว่ “คุณแน่ใจหรือว่าคุณได้เครื่องรางนี้มาจากภูเขาห้วยขาวของทวีปแห่งปรมาจารย์?”
หากเครื่องรางลำดับแรกอันนี้มาจากอาณาจักรโบร่ำโบราณของนักปราชญ์โบราณหรันชิวจริงๆ ก็ไม่มีทางที่มันจะเป็นของปลอม!
“เรื่องนั้นไม่ต้องสงสัยเลย ผมได้มันมาจากที่นั่นจริงๆ” เหยียนเฉว่พยักหน้าขณะละล่ำละลัก แต่ในตอนนั้น เขาก็ตัวแข็งไปครู่หนึ่งก่อนจะอุทานออกมา “เดี๋ยวก่อน…วันนั้นน่ะ จางเซวียนต่อสู้กับพวกเราเพื่อแย่งชิงเครื่องรางลำดับแรก เป็นเพราะพวกเรากลัวว่าเขาจะฉกฉวยเครื่องรางลำดับแรกไป พวกเราจึงรีบร้อนจากมา…”
“เขาต่อสู้กับพวกคุณเพื่อแย่งชิงเครื่องรางลำดับแรก?” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงหันขวับไปมองจางเซวียน
ชายหนุ่มคนนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงด้วยการนำหัวใจของมิติรอบนอกออกมาถึง 5 อันเพื่อปลดล็อกหอลำดับแรก จะเป็นไปได้หรือไม่ว่า…บางทีเขาอาจได้ครอบครองเครื่องรางลำดับแรกเช่นกัน?
ด้วยสิ่งที่เหล่าบรรพบุรุษของเขาบันทึกไว้ พวก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์จึงรู้ว่าเครื่องรางลำดับแรกอยู่ที่ภูเขาห้วยขาว ดังนั้นข้อมูลนี้จึงไม่มีทางผิดพลาด แต่ในเมื่อพวกเขาได้ของปลอมมา ก็เป็นไปได้ว่าของจริงน่าจะอยู่ในมือของชายหนุ่ม
ทุกอย่างคงเลวร้ายถึงขีดสุดถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ
นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงสูดหายใจลึกและตั้งคำถามกับจางเซวียน “ปรมาจารย์จาง คุณรู้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
“เอ่อ…เหยียนเฉว่พูดถูก ในตอนนั้น พวกเราอยู่ด้วยกันที่ภูเขาห้วยขาว พี่เหยียนเฉว่นำเครื่องรางลำดับแรกของปลอมไป จากนั้นก็หลบหนี ผมพยายามจะยับยั้งเขาไว้เพื่อบอกเรื่องนี้ แต่ก็ไม่สำเร็จ ลงท้ายผมจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเก็บเครื่องรางลำดับแรกของจริงไว้…” จางเซวียนถอนหายใจด้วยสีหน้าที่ดูน่าสงสาร
ถึงอย่างไร ในท้ายที่สุดเขาก็จะต้องเข้าสู่หอลำดับแรกอยู่ดี จึงไม่มีประโยชน์ที่จะปฏิเสธ
“คุณ…พลั่ก!”
ได้ยินคำนั้น เหยียนเฉว่โมโหเดือด อาการบาดเจ็บที่เขาได้รับก่อนหน้านี้ดูจะสาหัสกว่าเดิม เลือดกระอักออกจากปาก
คุณพูดออกมาใช่ไหมว่าผมหนีไปทันทีหลังจากที่ได้เครื่องรางของปลอมไป*?*
คุณน่ะมุ่งมั่นจะคว้าเครื่องรางลำดับแรกยิ่งกว่าผมเสียอีกไม่ถูกหรือ?
ถ้าตอนนั้นผมหนีไม่เร็วพอล่ะก็ลงท้ายคุณก็อาจจะฉกฉวยเครื่องรางปลอมไปจากมือผมก็ได้!
แล้วทำไมถึงพูดราวกับว่าผมเป็นไอ้ขี้ขลาด*?*
กล้าพูดแบบนี้ออกมาหลังจากที่ตัวเองได้เครื่องรางของจริงไป*…มันเหมาะสมแล้วหรือที่ปรมาจารย์อย่างคุณจะชั่วร้ายขนาดนี้?*
“คุณบอกว่าเครื่องรางของจริงอยู่ในมือคุณใช่ไหม?” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงตั้งคำถาม รู้สึกเจ็บแปลบในอก
“ใช่ มันอยู่กับผม!” จางเซวียนพยักหน้า “ตามกฎเกณฑ์ก่อนหน้านี้ ผู้ที่ครอบครองเครื่องรางลำดับแรกจะได้โควต้า 1 ใน 3 ซึ่งก็คือ 5 คน โควต้าเหล่านี้จะถูกกระจายออกไปในแต่ละกลุ่มอำนาจ และหัวใจแต่ละอันก็หมายถึงโควต้าอีก 1 ที่ที่จะเพิ่มขึ้นมา เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่าพวกคุณคงไม่ขัดข้องอะไรที่ผมจะนำโควต้าไปทั้งหมด 11 ที่…ถูกไหม?”
นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงถึงกับเซ เขารู้สึกว่าเลือดเอ่อขึ้นมาอยู่ในลำคอ
เขาตั้งกฎเกณฑ์จุกจิกขึ้นมามากมายเพราะคิดว่าจะสามารถยึดโควต้าได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งให้ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ แต่แล้วก็เพิ่งได้รู้ว่าเครื่องรางลำดับแรกที่มีอยู่นั้นเป็นของปลอม การพลิกผันของสถานการณ์ครั้งนี้ย่อมหมายความว่าพวกเขาจะเหลือโควต้าเพียง 2 ที่เท่านั้น
ในชั่วพริบตา เขาพลันรู้สึกว่าการโต้แย้งทั้งหมดที่ผ่านมากลับเป็นประโยชน์กับคนแปลกหน้า…
ความอึดอัดใจอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นทำให้นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงโมโหจนแทบปรี๊ด
ยิ่งไปกว่านั้น การที่ชายหนุ่มรู้มาตลอดว่าเครื่องรางลำดับแรกในมือของพวกเขาเป็นของปลอม แต่เลือกที่จะไม่พูดออกมา…เพียงเท่านี้ก็เห็นชัดแล้วว่าหมอนั่นจงใจจะเฝ้ามองพวกเขาหัวปั่นและกลายเป็นคนโง่เง่า!
แต่ก็นั่นแหละ ต่อให้ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มพูดออกมา พวกเขาก็ไม่เชื่ออยู่ดี
เพราะเครื่องรางลำดับแรกของปลอมนั้นถูกหลอมขึ้นอย่างละเอียดประณีต จนแม้แต่เมื่อตรวจสอบด้วยดวงตาและการรับรู้จิตวิญญาณแล้วก็ยังไม่พบข้อบกพร่องใดๆ
มีแต่เมื่อพยายามจะใช้มันท้าทายฉนวนเท่านั้น ถึงได้รู้ว่ามันไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง!
ถึงนักปราชญ์เหยียนชิงจะรู้สึกเหมือนถูกปั่นหัวให้กลายเป็นคนโง่ แต่เขาก็พยักหน้ารับ “ในเมื่อเราตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ผมก็จะไม่เปลี่ยนใจ”
สายเกินไปแล้วที่พวกเขาจะมาเปลี่ยนใจตอนนี้ ซึ่งโควต้า 2 ที่ก็ถือว่าไม่แย่นัก
สำหรับการทำความเข้าใจมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง ก็ยังไม่มีใครในทวีปแห่งปรมาจารย์ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ เผ่าพันธุ์ปีศาจ หรือเผ่าพันธุ์อสูรที่จะเทียบชั้นกับ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ได้ ขอแค่พวกเขาได้เข้าสู่หอลำดับแรก ผู้ที่มีความหวังมากที่สุดในการจะได้มาซึ่งมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงก็ย่อมเป็นพวกเขา!
ก็เพราะความมั่นใจข้อนี้ที่ทำให้ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์กล้ายื่นข้อเสนอที่จะแบ่งโควต้าให้คนอื่นๆ การใช้เครื่องรางลำดับแรกเป็นตัวประกันทำให้พวกเขาสามารถต่อสู้เพื่อให้ได้ผลประโยชน์เหนือกว่า
“ได้แบบนั้นก็ดี” จางเซวียนพูด “รอตรงนี้สักครู่นะ ผมจะพาทุกคนเข้าไปเมื่อจัดการเรื่องกลุ่มของผมเรียบร้อยแล้ว”
“เอ่อ…”
เหล่านักปราชญ์โบราณของสภาปรมาจารย์ก็ตกตะลึงกับการพลิกผันของสถานการณ์ ไม่คิดมาก่อนว่าทุกสิ่งจะกลับกลายเป็นประโยชน์กับพวกเขาขนาดนี้ ทุกคนได้แต่ส่งสายตาอยากรู้อยากเห็นไปยังชายหนุ่มที่เป็นตัวการให้เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้น
การที่ปรมาจารย์หนุ่มผู้นี้จะได้หัวใจของทั้ง 5 มิติรอบนอกมาด้วยตัวเองก็ถือเป็นเรื่องหนึ่ง แต่เขา ทำได้ถึงขนาดคว้าเครื่องรางลำดับแรกมาครอบครองได้ด้วย เอาชนะได้แม้แต่พวก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ คนเก่งกาจขนาดนี้ปรากฏตัวขึ้นในสภาปรมาจารย์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
“พวกเราต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังนะ” ปรมาจารย์หยางแนะนำจางเซวียนอย่างเป็นห่วง “คนอื่นอาจพยายามทำเรื่องให้ยุ่งยากหลังจากที่เห็นว่าสถานการณ์แปรเปลี่ยนมาเข้าข้างเรา”
ในฐานะทายาทของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงกับคนอื่นๆไม่น่าจะละทิ้งหลักการที่ตัวเองยึดมั่นเมื่ออยู่ภายในวิหารศักดิ์สิทธิ์ของขงจื๊อ แต่มันอาจไม่เป็นแบบนั้นเสมอไปเมื่อมีมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงเป็นเดิมพัน
แถมยังมีเผ่าพันธุ์ปีศาจและเผ่าพันธุ์อสูรที่รอคอยอย่างอดทนเพื่อจะเล่นงานด้วย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกมันพร้อมที่จะปฏิบัติการบางอย่างแน่นอนหากมีโอกาส
รู้ดีว่าปรมาจารย์หยางกังวลเรื่องอะไร จางหงเทียนคำราม “ตอนนี้พวกเขายังไม่โจมตีหรอก มีแต่นักรบที่มีวรยุทธต่ำกว่าขั้นชั่วกัลปาวสานเท่านั้นถึงจะเข้าสู่หอลำดับแรกและหอบริวารได้ ต่อให้ใครสักคนได้มหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงมา เขาก็มีพละกำลังไม่แข็งแกร่งพอที่จะซึมซับมัน!”
“พวกเขาจะไม่มีทางเลือกนอกจากต้องนำมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงออกมา ซึ่งทันทีที่ของล้ำค่าชิ้นนั้นถูกนำออกจากหอลำดับแรก เมื่อนั้นแหละที่การต่อสู้ที่แท้จริงจะเริ่ม ถึงโควต้าจะสำคัญแค่ไหน แต่มันก็ทำได้เพียงสร้างความชอบธรรมให้กับผู้ที่เข้าไปเท่านั้น ถึงที่สุดแล้ว ก็ยังต้องใช้พละกำลังของเหล่านักปราชญ์โบราณเพื่อตัดสินว่ามหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงจะไปอยู่ที่ไหน!”