ตอนที่ 1762 เข้าสู่หอลำดับแรก

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1762 เข้าสู่หอลำดับแรก

นักรบส่วนใหญ่ที่อยู่ในจัตุรัสนั้นได้ผ่านทั้ง 6 มิติรอบนอกมาแล้ว แต่เพราะปราศจากทิศทางที่ชัดเจน อีกทั้งยังมีขีดจำกัดเรื่องประสิทธิภาพการต่อสู้และการรับรู้จิตวิญญาณ การจะได้มาซึ่งหัวใจสักอันจึงถือว่าต้องอาศัยโชคช่วย แต่ชายหนุ่มคนนี้กลับได้หัวใจมาถึง 4 อัน

ช่างเหลือเชื่อเสียจริง!

จางหงเทียนและปรมาจารย์หยางที่อยู่กลางอากาศถึงกับอ้าปากค้าง แข้งขาอ่อนแรงจนแทบร่วงลงมากองกับพื้น

นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยนึกฝันมาก่อน

“มันอยู่กับคุณทั้งหมดเลยหรือ?” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงอ้าปากค้างอย่างไม่อยากเชื่อ

100 สำนักแห่งนักปราชญ์ของพวกเขาทุ่มสุดตัวเพื่อจะได้หัวใจมาเพียง 1 อัน แต่หมอนี่ตัวคนเดียวกลับได้หัวใจมาถึง 4 อัน

เขายังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า?

แต่ถึงอย่างไร เรื่องนี้ก็เป็นประโยชน์กับพวกเขา เพราะอย่างน้อยที่สุดก็จะได้เปิดหอลำดับแรกได้เร็วขึ้น

“ใช่” จางเซวียนพยักหน้า ไม่ปิดบังอะไรอีก

เขาสะบัดข้อมือ จากนั้นก็นำคริสตัลเยือกแข็งกับปลาคาร์พออกมา ทั้งคู่พุ่งตรงเข้าสู่ช่องว่างที่อยู่ด้านข้างทางเข้าหอลำดับแรก แสงที่เจิดจ้าออกจากบานประตูนั้นยิ่งสว่างสดใสขึ้นกว่าเดิม

“ตัวคุณเพียงคนเดียวได้โควต้า 4 ที่สำหรับสภาปรมาจารย์ไปแล้วนะ” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงพึมพำด้วยสีหน้าเจื่อนๆ เขาถอนหายใจเฮือก จากนั้นก็หันกลับไปมองฝูงชนอีกครั้งและพูดว่า “ตอนนี้สิ่งที่ยังขาดอยู่ก็คือหัวใจของมิติพงไพรโขดหิน ไม่ทราบว่ามีใครในที่นี้ที่ได้ครอบครองหัวใจอันนั้น?”

ไม่มีใครก้าวออกมา ทุกอย่างชะงักงันไปอีกครั้ง

“มิติพงไพรโขดหินเต็มไปด้วยโขดหินที่จารึกเทคนิควรยุทธและเทคนิคการต่อสู้ไว้ ไม่มีหัวใจอยู่ในนั้นหรอก ถูกไหม?”

“ใช่ ผมอยู่ในมิตินั้นตั้งหลายชั่วโมง แต่ก็ไม่พบอะไรที่ดูท่าทางจะเป็นหัวใจของมิติได้เลย!”

“คุณบอกเราได้ไหมว่าหัวใจของมิติพงไพรโขดหินน่าจะเป็นอะไร?”

…..

เกิดเสียงเซ็งแซ่เมื่อทุกคนพร้อมใจกันถามหาคำตอบจากนักปราชญ์โบราณเหยียนชิง

จางเซวียนก็งุนงงเหมือนกับคนอื่นๆ

เขาได้เข้าสู่มิติพงไพรโขดหินแล้ว ผู้ที่ค้นพบการจัดลำดับที่ถูกต้องก็จะสามารถเข้าสู่หอบริวารได้ ซึ่งหากพิจารณาจากสิ่งนั้น ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีหัวใจอยู่ในมิตินี้ แล้วพวกเขาจะเอาอะไรใส่เข้าไปในช่องว่างที่เหลือ?

“มิติพงไพรผืนป่าไม่มีหัวใจที่จับต้องได้ หัวใจของมันคือศาสตร์ลับที่ทำให้นักรบคนหนึ่งสามารถเข้าสู่หอสงครามศักดิ์สิทธิ์และได้ก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์มา!” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงเปิดเผย

ดูเหมือนเขาจะมีความรอบรู้ไม่น้อยเกี่ยวกับเรื่องของมิติรอบนอกและหอบริวาร

“ศาสตร์ลับคือหัวใจของมิติ?” จางเซวียนชะงัก

เขาออกจะละอายใจเล็กน้อยที่คว้าเอาหัวใจของทั้ง 4 มิติรอบนอกมาเป็นของตัวเอง แต่ในตอนนั้น ก็รู้ตัวทันทีว่าเขาไม่ได้มีหัวใจ 4 อัน แต่มีถึง 5 อัน!

การถ่อมเนื้อถ่อมตัวช่างยากเย็นเหลือเกิน น่าอับอายอะไรเช่นนี้!

“ใช่แล้ว ขอแค่นักรบสักคนถ่ายทอดลำดับที่ถูกต้องของศาสตร์ลับลงไปในช่องว่างที่เหลืออยู่ช่องสุดท้าย หอลำดับแรกก็จะเปิดออก ดังนั้น ใครก็ตามที่ได้เข้าสู่มิติพงไพรโขดหินและได้หัวใจของมันมา ผมขอเชิญให้คุณก้าวออกมาด้วย” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงพูด

ขณะที่เขาพูดไปได้ครึ่งประโยค ก็พลันรู้สึกว่ามีใครคนหนึ่งยกมือขึ้น-จางเซวียน

นักปราชญ์เหยียนชิงหันมามองและถามว่า “มีอะไร?”

ในเวลาเดียวกัน ลางสังหรณ์ร้ายกาจก็เข้าครอบงำหัวใจของเขา เขาพอจะรู้รางๆว่าชายหนุ่มกำลังจะพูดหรือทำอะไร แต่สิ่งนั้นก็ดูเหลวไหลเกินกว่าที่เขาจะทำใจเชื่อ

“แค่ก แค่ก…เอ่อ…ก็พูดยากสักหน่อยนะ แต่ดูเหมือนหัวใจของมิติพงไพรโขดหินจะอยู่กับผมเช่นกัน” จางเซวียนพูดพร้อมกับหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน

“….” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิง

“….” จางหงเทียน

“….” คนอื่นๆ

คุณจะรู้สึกอับอายเพื่อ*?*

พวกเราต่างหากที่ต้องรู้สึกอับอายถูกไหม?

ในบรรดา 4 กลุ่มอำนาจใหญ่และผู้เชี่ยวชาญอีกหลายพันคนพวกเราได้หัวใจมาเพียงอันเดียวขณะที่คุณนำหัวใจมาได้ถึง 5 อันด้วยตัวคุณเอง*…*

ในตอนนั้น ฝูงชนพลันรู้สึกอยากตายขึ้นมาทันที

จางเซวียนหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วนต่อไปอีกหน่อยเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ ก่อนจะเดินไปยังทางเข้าหอลำดับแรก เขาเคาะนิ้วแล้วถ่ายทอดการจัดลำดับของศาสตร์ลับเข้าสู่ช่องว่างนั้น

วิ้งงงง!

ลำแสงเจิดจ้าระเบิดออกจากทางเข้าหอลำดับแรก ขณะที่พระราชวังทั้งหลังสั่นสะท้านไม่หยุด เกิดเสียงครืดคราดดังสนั่น แล้วประตูบานมหึมานั้นก็เปิดออก

จากนั้น รังสีดึกดำบรรพ์ก็พุ่งออกมาจากด้านในของหอลำดับแรก ให้ความรู้สึกทั้งความงามสง่าและอบอวลไปด้วยบรรยากาศโบร่ำโบราณ

เมื่อเห็นว่าในที่สุดหอลำดับแรกก็ถูกเปิดออก นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงข่มความเจ็บปวดในอกไว้ก่อนจะรีบควบคุมสถานการณ์ “ในเมื่อการจัดสรรโควต้าเสร็จสิ้นแล้ว ผมก็จะขอให้ทั้ง 4 กลุ่มอำนาจเลือกตัวแทนเพื่อเข้าสู่หอลำดับแรก”

สำหรับการจัดสรรโควต้าในรอบสุดท้าย มันตกไปอยู่กับ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ 7 ที่, อีก 6 ที่เป็นของสภาปรมาจารย์และกลุ่มอำนาจหลักในทวีปแห่งปรมาจารย์, อีก 1 ที่เป็นของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น และอีก 1 ที่เป็นของเผ่าพันธุ์อสูร

มันเป็นไปตามกฎเกณฑ์ที่พวกเขาตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ ดังนั้นเผ่าพันธุ์ปีศาจและเผ่าพันธุ์อสูรจึงไม่คัดค้านอะไร

อีกอย่าง ทุกคนที่เข้าไปก็อาจได้พบกับมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงด้วยความโชคดีหรืออะไรสักอย่างทำนองนั้น จำนวนอาจไม่ใช่ข้อได้เปรียบในการเข้าสู่หอลำดับแรกเสมอไป

ไม่ช้า 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ เผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น และเผ่าพันธุ์อสูรก็เลือกตัวแทนของตัวเองออกมาเพื่อเข้าสู่หอลำดับแรก

ด้วยข้อจำกัดที่ห้ามไม่ให้นักปราชญ์โบราณเข้าเข้าไปด้านใน หอลำดับแรกดูเหมือนจะจำกัดระดับอายุไว้ที่ 50 ปีเท่านั้น ผู้ใดก็ตามที่อายุเกินกว่า 50 ปีจะถูกปราการที่มองไม่เห็นซึ่งอยู่รอบบริเวณหอลำดับแรกขวางกั้นไว้

เป็นธรรมดาที่แต่ละกลุ่มอำนาจจะเลือกสมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองซึ่งบรรลุเงื่อนไขทั้ง 2 ข้อ ก่อนจะมอบหมายให้เขาเข้าสู่หอลำดับแรก

“แล้วเราจะจัดการเรื่องโควต้าที่ได้มาอย่างไร?” นักปราชญ์โบราณคนหนึ่งของสภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่ตั้งคำถาม

โควต้าส่วนใหญ่มาจากฝีมือของจางเซวียน ดังนั้น การออกความเห็นของจางเซวียนจึงมีน้ำหนักมากในการกำหนดการจัดสรรปันส่วนโควต้าระหว่างพวกเขา

“ตัวผม ลั่วชิง จ้าวหย่า เว่ยหรูเหยียน หยวนเทา และ…หลัวฉีฉี นั่นก็ครบ 6 คนแล้ว!” จางเซวียนพูดพร้อมกับครุ่นคิด

นักปราชญ์โบราณแทบลมจับเมื่อได้ยินคำนั้น “ถึงอย่างไร คุณก็ควรจะเก็บสัก 2 ที่ไว้ให้สภาปรมาจารย์ไม่ใช่หรือ?”

มันก็จริงอยู่ว่าจางเซวียนมีบทบาทสำคัญในการคว้าที่นั่งมาให้ แต่ครั้นจะฮุบไว้เองหมด ไม่เหลือให้พวกเขาเลย ก็คงไม่ดีกระมัง!

“วางใจเถอะ ผมจะเก็บ 2 ที่ไว้ให้พวกคุณ เอาล่ะ…เจิ้งหยาง หวังหยิ่ง และลู่ชงก็อยู่ที่นี่เหมือนกันใช่ไหม ว่าแต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน? ผมจะเก็บ 3 ที่ไว้ให้” จางเซวียนเสริม

การเปิดออกของวิหารแห่งขงจื๊อถือเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้น จึงแน่นอนว่าเจิ้งหยาง หวังหยิ่ง ลู่ชง และคนอื่นๆน่าจะอยู่ที่นี่ เพียงแต่มีผู้คนออกันอยู่มากเกินไป และสถานที่ก็กว้างใหญ่มาก ทำให้ไม่มีโอกาสพบหน้ากัน

ได้ยินการคิดคำนวณของจางเซวียน ปรมาจารย์หยางเอ่ยปากเตือนอย่างสุภาพ “เรามีโควต้าทั้งหมดแค่ 6 ที่เท่านั้นนะ”

ที่จางเซวียนพูดมาก็ 11 ที่แล้ว มากกว่าจำนวนที่พวกเขามีในตอนนี้!

“6 ที่หรือ? ไม่ต้องห่วง เร็วๆนี้น่ะมันจะไม่ใช่แค่ 6 ที่แน่!” จางเซวียนพูดพร้อมกับผุดรอยยิ้มลึกลับ เขาหันไปมองจ้าวหย่ากับคนอื่นๆและสั่งการ “ตามตัวเจิ้งหยางกับพรรคพวกมา ให้พวกเขามาที่นี่โดยเร็วที่สุดนะ”

“ได้” จ้าวหย่ากับคนอื่นๆรับคำขณะรีบนำตราหยกสื่อสารออกมาเพื่อส่งข้อความ

ในเมื่อทั้ง 6 มิติรอบนอกเชื่อมโยงถึงกันแล้ว การสื่อสารกันจึงเป็นเรื่องที่ทำได้

“เอาล่ะ! จัดสรรเรื่องสมาชิกแล้วก็เข้าสู่หอลำดับแรกกันเถอะ” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงสั่งการอย่างวางมาด

เขาโบกมือ แล้วเครื่องรางลำดับแรกก็ปรากฏตรงหน้าอีกครั้ง กระแสพลังงานพุ่งออกจากตัวมันเข้าโอบล้อมร่างของผู้เชี่ยวชาญที่ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ได้เลือกไว้

เหยียนเฉว่ก็เป็นคนหนึ่งที่ถูกกระแสพลังงานนั้นโอบล้อม

“ไปกันเถอะ!”

มีโควต้าเพียงหนึ่งที่เท่านั้นสำหรับเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นและเผ่าพันธุ์อสูร แน่นอนว่าพวกมันไม่พอใจ แต่ก็รู้ดีว่าการจะต่อรองเรื่องนี้ยอมไม่ง่าย

เห็นจางเซวียนกับพรรคพวกยังอ้อยอิ่ง ตัดสินใจกันไม่เสร็จว่าจะส่งใครเข้าสู่หอลำดับแรก เหยียนเฉว่คำราม “รีบหน่อยเถอะ เลิกทำให้พวกเราเสียเวลาสักที!”

“ไม่เป็นไรนี่ พวกคุณไม่ต้องรอเราหรอก เข้าไปก่อนได้เลย เราจะรีบตามไป” จางเซวียนตอบยิ้มๆ

“คุณบอกให้พวกเราเข้าไปก่อน? รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา?” เหยียนเฉว่ถึงกับผงะกับคำพูดของจางเซวียน เขาดูอึ้งตะลึงอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะขมวดคิ้ว

หมอนี่สมองผิดเพี้ยนหรือเปล่า?

เครื่องรางลำดับแรกจะนำผู้คนเข้าสู่หอลำดับแรกได้เพียง 15 คนภายในเที่ยวเดียวเท่านั้น หมอนี่คิดจริงๆหรือว่าพวกเขาจะย้อนกลับออกมารับหลังจากที่เข้าไปข้างในแล้ว?

“เชิญพวกคุณเข้าไปก่อนได้เลย พวกเราจะรีบตามไปโดยเร็วหลังจากที่เลือกตัวแทนได้แล้ว” จางเซวียนตอบหนักแน่น

“อย่างนั้นก็ได้!” เหยียนเฉว่คำรามเยาะในใจ ขี้คร้านจะเสียเวลากับเจ้าโง่ที่ยังไม่รู้เสียทีว่าเกิดอะไรขึ้น จึงหันหลังกลับและนำทั้งกลุ่มมุ่งหน้าไปยังทางเข้าสูงตระหง่านของหอลำดับแรก

ฟึ่บ!

พริบตาเดียว พวกเขาก็ไปอยู่บริเวณหน้าปราการ

เครื่องรางลำดับแรกปล่อยลำแสงออกมาอีกครั้ง โอบล้อมทั้ง 4 กลุ่มอำนาจไว้

“พวกเราจะไม่รอแล้วนะ เข้าไปข้างในกันเถอะ!” เหยียนเฉว่ไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไป

ฟิ้ววววว!

กระแสพลังงานหนักหน่วงกวาดทั่วพื้นที่บริเวณนั้นก่อนที่ทั้งกลุ่มจะทันได้เข้าไป กลไกการป้องกันตัวของฉนวนถูกเปิดใช้งาน ในชั่วพริบตา พวกเขาก็ถูกสอยกระเด็นไปไกล และตกลงมากองกับพื้นอย่างหมดสภาพ เลือดที่พวกเขากระอักออกมาพุ่งขึ้นสู่กลางอากาศ