บทที่ 132 อาวุธนั้นเปล่าประโยชน์

ทั้งห้องประชุมนั้นเงียบสงัดไปหมด และฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเหมือนกัน ที่จู่ๆเจ้าสำนักเมฆาก็พูดออกมาแบบนั้น

ทุกคนต่างตีความไปในความคิดของตัวเอง หากจะชนะพลังของฟ่างฟ่างได้จำเป็นต้องได้เปรียบมากกว่า 4 แต้ม แต่เมื่อตอนที่พวกเขาต้องโต้กลับลูกมือของเสี่ยวยี่ พวกเขาไม่เหลือความได้เปรียบอะไรเลย หรือผ้าคลุมดำนี่จะเป็นลูกมือของเสี่ยวยี่ด้วย? เล่นกับหมา แม้เสี่ยวยี่จะชนะแต่นี่ก็ยังน่ากลัวอยู่ดี

ในความเป็นจริง ทุกคนมองข้ามไปแล้วว่าผู้วิเศษแห่งความตายนั้นถูกสั่งมาและการที่ไม่ให้ฆ่าเสี่ยวยี่นั้นก็เป็น 1 ในคำสั่งด้วย เขาลอยขึ้นอีกครั้งก่อนจะกระแทกเข้าไป

ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมพวกผู้ประกอบการรายย่อยถึงอยากจะท้าทายเจ้าเสื้อคลุมดำนี่ ถ้าไม่ยอมจ่ายคืน ในกรณีท้ายสุดก็จะนำพามาซึ่งการล่มสลายเลยนะ

มองไปยังดวงตาที่สวยงามของฟ่าง เมื่อวันก่อนผู้อาวุโสของเธอตายโดยน้องชายของผู้วิเศษแห่งความตาย ความเกลียดชังนี้ต้องรายงานต่อเจ้าสำนัก ถ้าคุณปล่อยให้ศัตรูหนีไปได้ จะให้บอกเหล่าลูกศิษย์ว่าอย่างไร? จะปล่อยให้พวกเขานิ่งนอนใจได้งั้นเหรอ!

ด้วยความที่ไม่คำนึงถึงการแตกหัก นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย แต่จะอะไรก็ช่าง วันนี้คือวันที่จะล้างแค้นให้ท่านผู้อาวุโสซิง!

ฉันลองคิดตามสถานการณ์ มันช่วยไม่ได้เลยจริงๆ แต่ถ้าหากผู้อาวุโสซิงฟื้นกลับมาจริง ทั้งร่างก็คงจะเต็มไปด้วยเส้นเลือดและเส้นปราณ พวกอวัยวะภายในเองก็คงจะเหมือนเพิ่งจะออกมาจากเครื่องปั่นมา พูดกันตามตรง มีเหล่าลูกศิษย์ลูกหาคนไหนรู้บ้างว่าผู้อาวุโสซิงกับเหล่านักเรียนม.ต้นนั่นไปสู้ด้วยกันมา

ในตอนนี้ ฉันเห็นอะไรบางอย่างมันแตกต่างออกไป มันต้องเป็นบางสิ่งบางอย่างที่พวกนั้นคิดอยู่ลับๆแน่ๆ!

ตลกน่า!

คนธรรมดาจะประมือกับเลี่ยกูได้อย่างไรโดยที่ต้านทานพลังนั้นไหว แม้จะเป็นพวกมือมีดก็ตาม

ผู้คนจากโลกแห่งการฝึกตนต่างเต็มไปด้วยความกังวล แต่กระนั้นผู้อาวุโสของฝั่งหวังต้าเป่าก็ยังคงพูดให้เขาไม่ต้องกังวล มันแค่การเล่น

นัยน์ตากลวงโบ๋ของผู้วิเศษแห่งความตายนั้นมองไปยังฟ่าง แม้ระยะหลังเธอจะไม่ค่อยกลัวก็ตาม

แต่การกระทำเช่นนั้นของผู้วิเศษแห่งความตายนั่นก็เพราะว่าเขายังไม่รู้พลังที่แท้จริงของคนเหล่านี้เฉยๆ

มนุษย์ผู้หญิงในเขตเองก็ควรจะท้าทายตัวเองเสียบ้าง เพราะตัวผู้วิเศษแห่งความตายนั้นก็ลังเลที่จะฆ่าอยู่ หรือไม่ก็…

ข้าได้ยินมาว่าท่านผู้สูงสุดกำลังฝึกความเป็นมนุษย์อยู่ ณ ตอนนี้ แม้แต่ตัวเจ้านายเองก็ยังฝึกฝน นั่นชัดเจนเลยว่าความเป็นมนุษย์นั้นสำคัญไฉน มองย้อนกลับไป เขาเองก็ยังฝึกความเป็นมนุษย์อยู่ด้วยเช่นกัน

เมื่อคิดถึงการพนัน ผู้วิเศษแห่งความตายก็ตัดสินใจที่จะเดิมพันในครั้งนี้!

เขาหยิบโทรศัพท์มาและพิมพ์ป๊อกแป้กอย่างรวดเร็ว!

ฉันเห็นอักษรหลายสีปรากฏขึ้นบนจอโทรศัพท์นั้น

“มาพนันกัน”

ฟ่าง เจี่ยว เหลาตะโกน “พนันกับจุบจบของแกก็เข้ามาเลย!”

ผู้วิเศษแห่งความตายพิมพ์อะไรเพิ่มอีก

“ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าต้องเป็นทาสสาวของข้านะ”

ทุกคนที่เห็นต่างพากันละอายใจอยู่ลึกๆ เจ้านี่หวังจะชนะจริงๆจังๆเลยนี่หว่า แถมยังจะจับสตรีผู้สูงศักดิ์แห่งฟากใต้เป็นทาสสาวอีก นี่มันไม่ใช่มนุษย์แล้ว!

ต่อให้จะเป็นหนี้ขนาดไหนก็ไม่จำเป็นต้องมีทาสเป็นผู้ชาย ถูกไหมล่ะ?

มองท่าทีที่หอมหวานของเจ้าสำนักเมฆา เมื่อถูกดูถูกโดยคนอื่น วันนี้ถ้าความอัปยศนี่ไม่ได้ถูกขจัดออก ก็ไม่รู้จะมองโลกนี้อย่างไรแล้ว!

“ดี! ถ้านายแพ้ ฉันจะสับ สับ สับ สับนายเป็นพันครั้ง ด้วยพันคมดาบของฉัน!”

ผู้วิเศษแห่งความตายพยักหน้า และตราบใดที่เกมยังไม่มีผู้ชนะ เขาสามารถหยุดเกมนั้นได้ตลอด

จิวเย่นวดขมับ การประชุมยังไม่เริ่มเลยแท้ๆ นี่มันน่าปวดหัวสุดๆ

ผู้วิเศษแห่งความตายยืดแขนที่เป็นกระดูกออกไป และนั่นทำให้เล็บที่จับอยู่ที่กำแพง กลับมายังมือของเขา ทางฝั่งฟ่างเองก็เรียกดาบสีม่วงออกมาบนมือเช่นกัน

เมื่อทุกคนมายังสวนขนาดใหญ่ที่ด้านหลังของโรงกลั่นไวน์ พวกเขาต่างพากันพูดว่าบรรยากาศของชานเมืองนี่ยังสดชื่น แถมที่นั่นยังมีดอกไม้และพืชพรรณมากมายรอบๆตัวเขาด้วย ลมโชยอ่อนเช่นนี้ทำให้กลิ่นหอมรัญจวนของมวลผกามาศซึมซาบเข้าในโพรงจมูกได้โดยง่าย

กลิ่นหอมเช่นนี้เหมาะมากสำหรับการมาเดท ทิ้งตัวนั่งลงไปบนผืนหญ้าและมองไปยัง พี่สาวของหญิงสาวเพื่อจะมองหมู่ดาว แถมนี่ยังสามารถขยับแขนขาได้อย่างอิสระอีกด้วย ดูท่าว่าจิวเย่จะไม่ได้อยู่ที่นี่เฉยๆเสียแล้ว

“เอ่อ…อยากจะเปลี่ยนที่ต่อสู้กันหน่อยไหม?” จิวเย่พูดอย่างแผ่วเบา สวนแห่งนี้ถูกสร้างและดูแลโดยตัวเขาเองอย่างดีมาตลอด

คำถามของจิวเย่นั้นไม่มีใครตอบแม้แต่คนเดียว และตอนนี้ทั้งผู้วิเศษแห่งความตายทั้งซุนฟ่างต่างก็ยืนกันอยู่ที่บริเวณกลางลานแล้ว การต่อสู้ครั้งนี้เดิมพันอยู่บนความตายแท้ๆ เหล่าองค์กรนิรโทษกรรมของโลกแห่งวัฒณธรรมพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้คนแล้ว

ผู้วิเศษแห่งความตายแปะมือลงไปบนพื้นดินและปล่อยนิ้วของเขากระจัดกระจายออกไป

“เคี๊ยะ เคี๊ยะ เคี๊ยะ…”

แปลอย่างเป็นทางการได้ว่า “สาวน้อย สั่นกลัวต่อหน้าเถรวาทผู้นี้สิ..”

ฉันไม่รู้ว่าเจ้าผ้าคลุมดำตรงหน้านี้จะทำอะไร แต่รู้สึกไม่ดีเอาเสียมากๆ

ดาบของเธอถูกยกขึ้นมาทันใด

เพียงแค่ตั้งแนวดาบอย่างทันที คลื่นปะทะก็กรีดร้องก้องออกมาทั้งๆที่เธอไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ไม่มีใครทำอะไรได้นอกจากรู้สึกเหนือความคาดหมาย พลังของเจ้าสำนักคนนี้ เหนือกว่าคำล่ำลือเสียอีก

นี่ไม่ใช่เรื่องที่ไร้สาระแล้ว มีใครรู้กลเม็ดของสิ่งที่เกิดขึ้นนี้บ้างหรือเปล่าไม่รู้ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ใช้ทริคอะไรเลย

ผู้วิเศษแห่งความตายยืดนิ้วชี้และนิ้วกลางออกไป และนั่นก็ทำให้ทุกคนงงงวยด้วย

แต่เมื่อคุณเห็นผู้วิเศษแห่งความตายเก็บนิ้วชี้และนิ้วกลางขึ้นมา หัวใจของคุณจะต้องเต้นแรงขึ้น และเต้นแรงสุดขีด ลมหายใจเย็นยะเยือกจะถูกสูดเข้าไปเมื่อคุณและคนอื่นๆเพิ่งจะลืมสิ่งสำคัญบางอย่างไป

นั่นคือ แม้ว่าเขาจะไม่มีอาวุธ แต่เขาก็ยังมีนิ้วมือ

นั่นก็เพียงพอแล้ว นี่คือความสามารถพิเศษเฉพาะตัว

ใบหน้าของฟ่างดุจกุหลาบแดง ลมปราณจากทั่วทั้งร่างระเบิดกระจายออกมาจนดอกไม้รอบๆตัวฟุ้งกระจายขึ้นไปบนท้องฟ้า

แสงสีเงินสาดพาดจนร่างของคนทั้งคนกลายเป็นเพียงเงา

สายตาทุกคู่ที่จับตามองการต่อสู้นั้นต่างรู้สึกกลัว ความแข็งแกร่งของผู้บุกเบิกอย่างฟ่างนั้นเป็นของจริง!

มองไปที่ฟ่างที่ซึ่งกำลังเย้ยหยั่นผ้าคลุมดำ คำเยาะเย้ยดังขึ้นในใจของเธอ ช่างเป็นเจ้าสำนักที่ชอบการกดขี่เสียจริง ให้เป็นทาสของนายงั้นเหรอ เหอะ ประสาทสิ!

ผู้วิเศษแห่งความตายไม่ต้องการอาวุธใดๆทั้งสิ้น มันไม่มีประโยชน์

เขาขยายกระดูกขาวๆเพรียวบางพวกนั้นให้ใหญ่ขึ้นก่อนจะจับมัน

เขาจับมือขวาของฟ่าง ฟ่างจับดาบอยู่ไว้อย่างมั่นคง ในขณะที่มือที่ว่างก็จับไปที่เอวบางระหงของเธอไปด้วย

ไฮ่ไต่ซี่จังงังไปเลย ไอ้การต่อสู้ว้อทเดอะฟัคนี่มันอาหารหมาชั้นยอดชัดๆ!

ซ่วนกำหมัดแน่น เทพีประจำใจเขากำลังถูกฉุดรั้งโดยเจ้ากระดูกนั่น อำมหิต!!

ทั้งไกเจิง และหยางเชาต่างพากันถอยกรูด เทพธิดากำลังหมองหม่นด้วยเจ้ากระดูก…

หวังต้าเป่านั้นรู้สึกอึดอัดมากๆ ณ ตอนนี้ เขาไม่คาดคิดเลยว่าเจ้ากระดูกนี่จะกล้าแตะตัวคนอย่างพี่สาว

ทั้งสองที่อยู่บนสนามนั้นเหมือนว่าอยู่ในโดมเต้นรำที่ดูแล้วค่อนข้างจะปั่นประสาทไม่น้อยเลย

ผู้บุกเบิก ฟ่าง ยิ่งรู้สึกอนาถไปกว่าเดิมเสียอีก กระดูกที่จับข้อมือเธอนั้นราวกับเป็นคีมเหล็กกล้าไม่ต่างกับมือที่จับสะโพกเธอเลย นั่นทำให้เธอขยับไปไหนไม่ได้!

มองลึกไปยังหัวกะโหลกในระยะที่ใกล้มากๆ ลึกลงไปยังนัยน์ตาโพลงที่มีแสงสีแดงอยู่ด้านใน ฟ่างมองเห็นอะไรได้ไม่ชัดมากนักแต่กระนั้นเองลมปราณของเธอระเบิดออกมาอีกครั้ง ถึงแม้ว่ามันจะทำให้บาดเจ็บได้ก็ตาม แต่ไม่ใช่กับร่างกระดูกนี้…

ปัง!

คลื่นอากาศกระจายออกจากทั้งสองจนตอนนี้ดอกไม้มันกระจายเต็มฟ้าไปหมดแล้ว ผู้วิเศษแห่งความตายคว้ามันเอาไว้ คว้ากุหลาบสีสวยก่อนจะเผยให้เห็นกระดูกสีขาว และกัดมัน!

I X!!!

ทุกคนรู้สึกได้เลยว่าทั้งสามที่กำลังสนใจเทพธิดาแห่งฟากใต้นั้นได้แตกสลายไปแล้ว…ในแง่ของจิตใจ

“อย่ารั้งฉัน! ฉันจะไปจัดการเจ้ากระดูกนั้น ขนาดฉันเองยังไม่กล้าที่จะทำกับเทพธิดาขนาดนั้นเลย!” ไฮ่ไต่ซี่ไม่สามารถยืนเฉยๆได้ และดูท่าว่าไม่มีใครจะหยุดเขาเลย

มองไปยังมุมปากที่มีเลือดไหล อันเกิดจากการใช้พลังไปแบบฟรีๆ และความปั่นป่วนจากภายในร่างกาย

เจ้าผ้าคลุมดำนี่…น่ากลัวชะมัด

นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้รับบาดเจ็บ และถ้ามันยังเป็นแบบนี้อยู่ ฉันจะต้องแพ้แน่ๆ!

แต่ถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ แม้จะต้องตาย ก็ไม่ยอมให้เจ้ากระดูกนี่ดูถูกแน่ๆ!!

ทันใดนั้นฟ่างก็รู้สึกถึงความหนาวเย็นขึ้นมาที่แผ่นหลัง เธอตัดสินใจใช้ดาบของเธอโจมตีด้วยมือที่ยังไม่ถูกล็อคทันที

แต่ช่างโชคร้าย มันช้าเกินไปและนั่นทำให้แขนอีกข้างของเธอถูกจับไว้ด้วย ตอนนี้ทั้งตัวของเธอถูกล่ามไว้ด้วยเจ้าผ้าคลุมดำแล้ว มองไปยังร่างกายที่เป็นกระดูก และมองกลับไปยังฟ่างที่กำลังจะตาย