องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 774 อย่างไรต้องมีสักวันที่เห็น
“ตรัสเช่นนี้ ฝ่าบาทไม่คิดจะร่วมมือกับกระหม่อมจับหนานกงเซวียนเหอใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”หนานกงเย่กล่าวอย่างราบเรียบ คล้ายกับว่าไม่ได้ยินเรื่องอื่น
องค์จักรพรรดิปีกใต้เหลือบมองม่านเตียงทางด้านนั้น กล่าวตรัสว่า“ไม่ใช่ว่าข้าไม่ยอมร่วมมือ ข้าไม่สามารถเนรคุณได้ ในสายตาของพวกเจ้าหนานกงเซวียนเหออาจจะไม่ดี แต่ในสายตาของข้านั้นเขาเคยช่วยเหลือ พวกเจ้าอยากสังหารลูกชายของข้า แต่เขาได้ช่วยชีวิตไว้ เรื่องนี้โดยเนื้อแท้แล้วแตกต่างกัน”
“เช่นนั้นฝ่าบาทอธิบายได้หรือไม่ เรื่องก่อนหน้านี้ที่องค์ชายสามไปลอบสังหารที่พระราชวังแคว้นเฟิ่ง คนทางด้านนั้นมีจำนวนหนึ่งเป็นคนปีกใต้ของพระองค์ คนอื่นเป็นคนของหนานกงเซวียนเหอ ไม่รู้ว่าใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่รู้เรื่องนี้ เมื่อตอนนั้นยังรู้สึกว่าสังหารไม่ถูก ตอนนี้ฟังแล้วว่าเขาดูออกนานแล้ว เก็บคนของซูมู่หรงไว้ สังหารคนของหนานกงเซวียนเหอ
เหตุใดเขาถึงได้แผนสูงเช่นนี้?
องค์จักรพรรดิปีกใต้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตรัสว่า“ข้าจะไปสังหารซูอู๋ซินที่แคว้นเฟิ่ง แล้วยังต้องใช้คนของปีกใต้หรือ ที่จริงคนที่ปีกใต้ยกย่องเคารพนับถือซูอู๋ซิน ข้ากักขังเขาไว้ในสถานที่มืดไร้แสงอยู่สิบกว่าปี เขาออกมาแล้วนำทุกสิ่งทุกอย่างของข้าไปหมด เขาในสายตาอาณาประชาราษฎร์ปีกใต้นั้น เป็นอยู่ตำแหน่งระดับไหน เจ้ายังดูไม่ออกหรือ?
แม้ว่าเด็กอายุไม่กี่ปี เกรงว่าก็เคยได้ยินชื่อของซูอู๋ซินกัน ข้าจะให้คนของปีกใต้ไปได้อย่างไรกัน?”
“พูดเช่นนี้ คือยังมีความร่วมมือใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
หนานกงเย่จะต้อนคนให้จนมุม องค์จักรพรรดิปีกใต้รำคาญเขาจะแย่แล้ว
องค์จักรพรรดิปีกใต้ที่ถูกต้อนจนจะจนมุมคิดไม่ออก ถึงได้กล่าวว่า “คนเป็นคนของเขาจริง แต่เขาเป็นคนออกคน ข้าสัญญากับเขาหากว่าสามารถเข้าต้าเหลียงได้ ตอนที่สั่งการกองทัพก็จะช่วยเป็นกำลังส่วนหนึ่งให้”
“เป็นอย่างที่คิด….”
หนานกงเย่สีหน้าเย็นชา ราวกับว่าองค์จักรพรรดิปีกใต้เป็นสุภาพบุรุษจอมปลอม องค์จักรพรรดิปีกใต้เห็นเขาโมโหแล้ว เมื่อสมัยนั้นซูอู๋ซินก็เป็นเช่นนี้
ได้ถูกเอาเปรียบแล้วยังอวดฉลาด!
“ข้าไม่ได้เป็นเยี่ยงนั้น แต่เขามีการช่วยเหลือหลายครั้ง อย่างไรก็ต้องตอบแทน อ๋องเย่ก็ไม่จำเป็นต้องพูดกับข้าเยี่ยงนี้ แม้ว่าอ๋องเย่อยู่ที่ต้าเหลียงจะมีฐานะสูงส่ง แต่มาอยู่ที่ปีกใต้ของข้า ก็เป็นได้เพียงสามัญชนคนธรรมดา ข้าไม่มีหลักเหตุผลอะไรที่จะต้องมาอธิบายแก่เจ้ามากมาย”
“กระหม่อมก็ไม่ต้องการคำอธิบายของฝ่าบาทแล้ว ฝ่าบาทไม่อยากร่วมมือก็ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ”
หนานกงเย่เหลือบมองขันทีแล้วกล่าวว่า“เชิญฝ่าบาทกลับเถิด”
“ห๊ะ!”ขันทีตกใจชะงักงันอยู่ครู่หนึ่ง น้ำเสียงนี้ กิริยาท่าทางนี้ เหตุใดถึงได้เหมือนผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ซูอู๋ซินเช่นนี้!
ขันทีรีบร้อน จะฟังหรือว่าไม่ฟังดีล่ะ
องค์จักรพรรดิปีกใต้หน้าแดงก่ำ ตรัสว่า“เชอะ ไม่ประมาณความสามารถของตนเอง ที่นี่เป็นถิ่นของข้า เจ้าคิดว่าเป็นซูอู๋ซินหรือ?”
“ตอนที่ผู้สำเร็จราชการแทนไปได้ทิ้งคำพูดฝากไว้ว่า ต้องการให้กระหม่อมกับอวิ๋นอวิ๋นอยู่ที่นี่ ฐานะเท่าเทียมกันกับเสด็จพ่อของอวิ๋นอวิ๋นเลย หรือว่าองค์จักรพรรดิปีกใต้รู้สึกว่าไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ?”
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
องค์จักรพรรดิปีกใต้โมโหมากแรงตบลงที่โต๊ะยังไม่มีเลย ยกมือขึ้นกำลังจะตบก็ล้มลงไปแล้ว ซูมู่หรงเลยรีบเรียกเขา
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่าไม่ดีแล้ว เธอเลยรีบลงจากเตียงมา ตอนที่มาถึงองค์จักรพรรดิปีกใต้จะไม่ไหวแล้ว เขาโมโหจนหน้าม่วงคล้ำ
ฉีเฟยอวิ๋นรีบหยิบยาลูกกลอนแล้วยัดเข้าในปาก จากนั้นหยิบเข็มออกมาเพื่อทะลวงเส้นลมปราณให้เขา ทำให้หัวใจของเขากลับมามีเรี่ยวแรง
องค์จักรพรรดิปีกใต้มองฉีเฟยอวิ๋นด้วยความเหม่อลอย ฉีเฟยอวิ๋นกรอกตาขาวใส่หนานกงเย่ด้วยความหงุดหงิด เวลาโมโหคนมากๆไม่ต้องใช้กำลังทหารมากมายก็สามารถทำลายพื้นพิภพได้แล้ว
หนานกงเย่ไม่สนใจเหมือนเดิม นั่งอย่างเฉยเมยอยู่ที่ตรงนั้น
องค์จักรพรรดิปีกใต้หายใจกระชั้นถี่ขึ้นมา ฉีเฟยอวิ๋นรีบรักษาให้และไม่มีเวลาที่จะมาสนใจหนานกงเย่ หนานกงเย่ก็นับว่าให้ความร่วมมือ ฉีเฟยอวิ๋นเรียกให้เขาทำอะไรเขาก็ทำอันนั้น
เวลานี้เขามองฉีเฟยอวิ๋นด้วยความมึนงง ฉีเฟยอวิ๋นเอายาให้เขาอีกหนึ่งเม็ดกล่าวว่า“อ้าปากเพคะ”
องค์จักรพรรดิปีกใต้อ้าปากขึ้น ฉีเฟยอวิ๋นยัดยาเข้าไปแล้วกล่าวว่า“วางไว้ใต้ลิ้นเพคะ อย่ากลืนลงไปนะ”
องค์จักรพรรดิปีกใต้ทำตาม แววตายังค่อนข้างมึนงง
ผ่านไปสักพักหนึ่ง องค์จักรพรรดิอวี้ตี้รู้สึกว่าสบายขึ้นแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นถึงได้ดึงเข็มเงินออก
เวลานี้องค์จักรพรรดิปีกใต้กล่าวขึ้นว่า“เจ้าคือซูซูหรือ?”
“หม่อมฉันมิใช่ซูซู หม่อมฉันคือลูกสาวของพระนางเพคะ”ฉีเฟยอวิ๋นจำใจต้องยอมรับ ก้นบึ้งหัวใจของเธอนั้นได้ยอมรับเฟิ่งไป่ซูแล้ว การพูดออกไปถือว่าเป็นการยืนยันที่ดีที่สุด
คนนั้นไม่ใช่ก้อนหิน ใกล้ชิดสัมผัสกันมาสองเดือน จึงได้ให้อภัยในหลายปัญหา และก็ได้หลอมละลายหลายปัญหาแล้ว
ตามความเป็นจริงกั้นห่างกันคนละเมือง แต่ในใจของฉีเฟยอวิ๋น เฟิ่งไป่ซูก็คือมีคุณสมบัติเป็นแม่ที่ดี
อีกอย่างนางไม่เคยที่จะทำให้เธอรู้สึกลำบากใจ กลับกันคิดเพื่อเธอโดยตลอด
แคว้นเฟิ่งนั้น หนานกงเย่สามารถไปมีอำนาจบาตรใหญ่ได้ ล้วนเป็นเพราะมีเฟิ่งไป่ซูปล่อยตามเลย คนที่อยู่ข้างๆไม่รู้ นางไม่มีทางไม่รู้
เป็นเวลานานองค์จักรพรรดิปีกใต้ถึงได้หายใจเข้าลึกๆ จากนั้นหลุบตาลงแล้วกล่าวตรัสว่า“พวกเจ้าเหมือนกันมาก ตอนที่แม่ของเจ้าเป็นวัยรุ่นก็เป็นแบบนี้”
“เรื่องที่ผ่านไปแล้ว ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องนึกถึงถวิลไม่จางหายเพคะ ทุกอย่างเป็นความฝันเมื่อวาน พระองค์เป็นไม้ใกล้ฝั่งแล้ว ควรที่จะสนุกกับวัยชีวิต มองคนตรงหน้าของพระองค์ คนข้างกายพระองค์ วันนี้ฝ่าบาทโตขนาดนี้แล้วอายุก็ไม่น้อย หากไม่มีความสุขอีกตามสุขภาพร่างกายของพระองค์แล้ว ก็ไม่มีโอกาสอันใดเพคะ
พระองค์ลองนึกถึงช่วงอายุสั้น ๆ ของชีวิต เหตุใดจึงต้องอดทนกับคนบางคนที่ไม่เกี่ยวข้องอีกต่อไปเพคะ
ที่ซูอู๋ซินไม่ยอมอยู่ในตำแหน่ง เป็นเพราะฝ่าบาทจริงจังกับเรื่องเล็กน้อยเกินไป ฝ่าบาทบอกว่าซูอู๋ซินเป็นที่ชื่นชอบในหมู่อาณาประชาราษฎร์ เหตุใดเขาถึงเป็นที่ชื่นชอบ หรือว่าเขาไม่สังหารคนหรือ?เขาก็สังหารคน เพียงแต่การสังหารคนของเขากับฝ่าบาทไม่เหมือนกัน สังหารคนควรประณามเจตนาของพวกเขาก่อน
ใจของคนตายด้านแล้ว ไม่เข็มแข็ง คนก็เป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์แล้วนะเพคะ
เขารู้สิ่งเหล่านี้ ถึงได้จัดการลงโทษฝ่าบาทอยู่ร่ำไป
เขาไม่ออกมาเขาไม่กลับมา ฝ่าบาทสุขสบายดี พอเขากลับมาฝ่าบาทก็เป็นโรคหัวใจเลย
โรคนี้คือความโมโหออกมา ก็คือโมโหเขา
ฝ่าบาทต้องการย้ายกลับไป มีหนึ่งวิธี คือเห็นเขาเป็นฝุ่นละอองไม่เห็นค่าในสายตา เขาคบหากับเสด็จแม่ของหม่อมฉันแล้วอย่างไร เขาสามารถไม่ให้เสด็จแม่ของหม่อมฉันชอบฝ่าบาทได้ แต่ทว่าไร้หนทางที่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องที่ฝ่าบาทชอบเสด็จแม่ได้ ในใจของเขาไม่โกรธเคืองหรือ ไม่สนใจหรือ?
หากเขาไม่สนใจจริง เขาก็ไม่มีทางกลับมาที่นี่
พาเสด็จแม่ของหม่อมฉันกลับมา หรือไม่ใช่ว่าโมโหฝ่าบาท ในเมื่อเขามาแล้ว เหตุใดถึงไม่อยู่ล่ะ?
จุดสำคัญคือ ความจริงไม่ใช่พวกเขาสองสามีภรรยา เป็นฝ่าบาทที่โมโหเองเพคะ!”
ใบหน้าขององค์จักรพรรดิปีกใต้ไร้เดียงสามาก เขาไม่เคยไร้เดียงสาขนาดนี้มาก่อน เขาก็แก่อายุขนาดนี้แล้ว แต่เขาจะไม่เคยเป็นเช่นนี้เลย เขาสับสนว้าวุ่นภายในใจมาก ซูอู๋ซินมีทุกอย่างแล้ว ทำไมไม่อยู่ที่แคว้นเฟิ่งแล้วไม่ต้องกลับมาอีก ในชีวิตนี้ แต่เขาดันพาซูซูกลับมา เขาโกรธมากจนเจ็บไปทั้งตัวและนอนหลับยากกินยากไม่สงบ
คำพูดของฉีเฟยอวิ๋นวันนี้ เขาเข้าใจทันที ซูอู๋ซินกลับมาคือวางแผนว่าจะให้เขาโมโหเดือดดาล
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวอีกว่า “ฝ่าบาท พระองค์มีอายุถึงเก้าสิบเก้าปี ซูอู๋ซินเพิ่งจะเก้าสิบ และเสด็จแม่หม่อมฉันอายุยืนยาวร้อยปี เช่นนั้นพอถึงเวลานั้นพระองค์คิดหลังจากที่ซูอู๋ซินตายแล้วจะหงุดหงิดหรือไม่เพคะ?”
หนานกงเย่คิ้วกระตุกตลอด ความชั่วร้ายของผู้หญิง!
องค์จักรพรรดิปีกใต้รู้สึกว่ามีเหตุผล เลยพยักหน้าตรัสว่า“ไม่ผิด ข้าต้องมีชีวิตยืนยาวกว่าเขาถึงจะถูก เขาตายแล้ว ทุกอย่างล้วนเป็นของข้า”
“เพราะฉะนั้นฝ่าบาทห้ามโมโหเพคะ มีชีวิตรอดและยังต้องมีชีวิตอย่างมีความสุขเพคะ เป็นองค์จักรพรรดิ และเป็นเสด็จพ่อที่ดี พระสวามีที่ดี ทำให้หญิงที่อยู่ข้างกายรักฝ่าบาท ทำให้ซูอู๋ซินเห็นแล้วไม่สุขสงบ
หากเขาไม่สุขสงบ เขาต้องคิดหาวิธีกลับมา พอเขากลับมาไม่แน่เสด็จแม่ของหม่อมฉันก็กลับมาด้วย
เสด็จแม่ของหม่อมฉันไม่ชอบฝ่าบาท แต่ใครจะสามารถเปลี่ยนเรื่องที่ฝ่าบาทชอบเสด็จแม่ได้?
เมื่อเวลานานจะได้เห็นใจคน หากฝ่าบาทอยากให้เสด็จแม่ของหม่อมฉันมีความสุข เรื่องที่ทำต้องดี เช่นจะช่วยเหลือแคว้นเฟิ่ง เช่นสร้างความสัมพันธ์ของทั้งสองเมือง เช่นทำเรื่องที่ดีต่ออาณาประชาราษฎร์ทั้งสองเมือง
หนึ่งปีเสด็จแม่หม่อมฉันมองไม่เห็นไม่เป็นไร สิบปีไม่เห็นไม่เป็นไร ห้าสิบปีล่ะ?
อย่างไรต้องมีสักวันที่เห็นเพคะ”