บทที่ 1633 ตัดเวลาฆ่าศัตรู

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1633 ตัดเวลาฆ่าศัตรู

 

หลังการต่อสู้อันดุเดือดของสมองและมัดกล้ามเนื้อ ในที่สุดฟางหยวนก็สามารถหลบหนีจากการซุ่มโจมตีของวังสวรรค์และกลับสู่สายธารแห่งกาลเวลาอีกครั้ง

 

เมื่อออกมาจากค่ายกลวิญญาณอมตะ ฟางหยวนรู้สึกถึงความยากลําบากในการใช้เกราะหวนคืน ดังนั้นเขาจึงหยุดใช้มันและเปลี่ยนเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเสื้อคลุมฤดูหนาว

 

ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย!

 

ต่อมาเขาเปลี่ยนร่างเป็นอสูรปีมะเส็งแรกกําเนิด

 

ในสายธารแห่งกาลเวลา ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงและเส้นทางสายอื่นจะถูกกดดันอย่างมาก แม้เขาจะสามารถใช้งาน แต่ค่าใช้จ่ายของเขายังเพิ่มขึ้นถึงสิบเท่า

 

โชคดีที่แกนกลางของท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยคือวิญญาณทัศนคติที่ใช้เพียงพลังจิต ดังนั้นโดยรวมแล้วท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยจึงมีค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย ฟางหยวนสามารถรักษามันไว้

 

ฟางหยวนกลายเป็นอสรพิษเสื้อยคลานไปในสายธารแห่งกาลเวลา

 

“ในที่สุดข้าก็สามารถหลบหนีจากค่ายกลวิญญาณอมตะ” ฟางหยวนรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย

 

สถานการณ์ก่อนหน้านี้อันตรายมาก ยิ่งนานเท่าใด การป้องกันของวังสวรรค์ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น

 

มีเหตุผลสองประการที่ทําให้เขาสามารถหลบหนี

 

ประการแรก ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของเขาใช้แสงแห่งปัญญาเพื่ออนุมานวิธีการทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะ นี่ทําให้ความสามารถบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางหยวนเหนือจินตนาการของวังสวรรค์

 

ประการที่สอง เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะดาบห้าดัชนี เมื่อฟางหยวนกลายเป็นผู้อมตะระดับแปด เขาจึงสามารถใช้วิญญาณอมตะดาบแห่งปัญญาเป็นหนึ่งในแกนกลางของท่าไม้ตายนี้เพื่อเพิ่มพลังอํานาจให้กับมัน อย่างไรก็ตามฟางหยวนสามารถปล่อยดาบห้าดัชนีออกไปได้เพียงสี่ดาบ นี่คือขีดจํากัดในปัจจุบันของเขา หากเขาต้องการใช้ดาบเล่มที่ห้า เขาต้องเปลี่ยนแกนกลางของมันเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบชนิดอื่น

 

ข้าใช้ลิ้นจี่ขาวอมตะระดับแปดไปมากมาย” ฟางหยวนตรวจสอบคลังเก็บพลังงานอมตะของเขาและพบว่ามันอยู่ในสถานการณ์วิกฤต

 

แม้มิติช่องว่างของฟางหยวนจะสามารถผลิตลิ้นจี่ขาวอมตะได้อย่างรวดเร็ว แต่เขาต่อสู้มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการต่อสู้กับชายชราหลี่ฮวง เขาสูญเสียลิ้นจี่ขาวอมตะไปมากมาย

 

“ข้าควรล่าถอย” ในสถานการณ์นี้ฟางหยวนมีเพียงความคิดเดียว

 

นี่คือการตัดสินใจที่ฉลาดที่สุด การเผชิญหน้ากับศัตรูเป็นความคิดที่โง่เขลา

 

“ฟางหยวน เจ้าจะไปที่ใด!?” เสียงคํารามด้วยความโกรธดังมาจากด้านหลัง

 

ฟางหยวนหันหน้ากลับด้ายหัวใจที่เต้นแรง

 

คฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลังกําลังเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา

 

ทางซ้ายคือนาวานิรันดร์ บนดาดฟ้าเรือมีผู้อมตะระดับแปดชิงเอ๋และสี่ซุนจือยืนอยู่

 

ตรงกลางเป็นรังกระเรียนใบไม้ร่วง มันดูเหมือนนกกระเรียนกางปีกอยู่บนรังนก มันปลดปล่อยกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาออกมา

 

ทางขวาคือฉลามล่องคลื่น มีฉลาดเจ็ดตัวว่ายอยู่ท่ามกลางเกลียวคลื่นและมีผู้อมตะระดับแปดในชุดเกราะสีน้ำเงินยืนอยู่บนแผ่นหลังของมัน

 

“คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดสามหลัง มีผู้อมตะระดับแปดอย่างน้อยสามคนและผู้อมตะระดับเจ็ดอีกมากมาย..” หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง เขาสามารถมองเห็นความมุ่งมั่นอันแรงกล้าที่จะกําจัดเขาของวังสวรรค์จากสิ่งนี้

 

แม้ฟางหยวนจะอยู่ในร่างของอสูรปีมะเส็งแรกกําเนิด แต่ความเร็วของเขาไม่สูงมากนัก ตอนนี้คฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ไม่สมบูรณ์ถูกทําลายไปแล้ว เขาไม่สามารถปกปิดตัวตนเช่นก่อนหน้า

 

ระยะห่างของพวกเขาลดลงอย่างต่อเนื่องขณะที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะเริ่มโจมตีจากระยะไกล

 

ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งฤดูใบไม้ร่วงตรวจสอบราวกับตาหลังและสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีของศัตรูได้อย่างคล่องแคล่ว

 

หากเขาไม่สามารถหลบ เขาจะใช้เสื้อคลุมฤดูหนามป้องกันการโจมตี

 

เสื้อคลุมฤดูหนาวได้รับการสนับสนุนจากสายธารแห่งกาลเวลาและร่องรอยของพลังงานแห่งเบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวน ดังนั้นมันจึงสามารถแสดงพลังอํานาจที่น่าเหลือเชื่อออกมา แม้มันจะไม่ยอดเยี่ยมเท่าเกราะหวนคืน แต่มันสามารถเทียบเคียงเมื่ออยู่ในสายธารแห่งกาลเวลา

 

“ข้าจะปล่อยให้สิ่งนี้ดําเนินต่อไปไม่ได้!” ฟางหยวนพยายามหาทางแก้ปัญหา

 

ท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโปต้องใช้เวลาเตรียมตัว โดยเฉพาะในสายธารแห่งกาลเวลา ระยะเวลาเตรียมตัวจะยาวนานขึ้น พลังอํานาจของมันจะลดลง ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามจะระวังตัวมากขึ้น ตอนนี้เขาไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโปเพื่อพลิกสถานการณ์

 

ไม่ว่าจะเป็นท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตน หมื่นมังกร กําปั้นยักษ์หมื่นตัวตน ราชันภูติ และท่าไม้ตายอื่น พวกมันต่างไร้ประโยชน์ในสถานการณ์นี้

 

ฟางหยวนสามารถพึ่งพาเพียงกรรไกรฤดูใบไม้ผลิ พัดฤดูร้อน และวิธีอื่นๆบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเท่านั้น

 

แต่คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังแข็งแกร่งราวกับป้อมปราการ กรรไกรฤดูใบไม้ผลิและพัดฤดูร้อนไม่สามารถทําสิ่งใดพวกมัน

 

พลังงานอมตะของฟางหยวนลดงอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ

 

วังสวรรค์ไล่ล่าฟางหยวนด้วยขวัญกําลังใจที่เต็มเปี่ยม พวกเขาผ่อนคลายมาก

 

ทันใดนั้นสายธารแห่งกาลเวลาพลันเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น น้ำพุขนาดใหญ่ระเบิดขึ้นสู่อากาศโดยไม่คาดคิด

 

“โอ้ ไม่ นี่เป็นอาณาเขตของน้ำพุกะทันหัน!”

 

“ปีศาจตนนี้ช่างโชคดีนัก มันยากที่จะฆ่าเขา!”

 

“ตามเขาไป อย่าปล่อยให้เขาหลบหนี!”

 

ผู้อมะตวังสวรรค์กรีดร้องด้วยความกังวล

 

ฟางหยวนพุ่งเข้าสู่อาณาเขตของน้ำพุกะทันหัน ที่นี่เป็นสถานที่อันตรายที่สามารถสังหารผู้อมตะระดับแปด

 

ในสถานการณ์ปกติฟางหยวนจะหลีกเลี่ยงมัน แต่ตอนนี้น้ำพุกะทันหันกลับเป็นความหวังที่จะหลบหนีของเขา

 

อสรพิษเลื้อยคลานอยู่ในอาณาเขตของน้ำพุกะทันหัน แม้น้ำพุจะพุ่งขึ้นมารอบๆ แต่มันไม่ใช่ปัญหาสําหรับฟางหยวน

 

อย่างไรก็ตามด้วยวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งโชค ฟางหยวนตระหนักว่าโชคของเขากําลังลดลงอย่างรวดเร็ว

 

แต่คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามของวังสวรรค์มีช่วงเวลาที่ยากลําบากในการไล่ล่าเขา

 

นาวานิรันดร์และรังกระเรียนใบไม้ร่วงถูกน้ำพุกะทันหันกระแทกและส่งขึ้นสู่อากาศ

 

พวกเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการย้อนกลับมา กระทั่งฉลามลองคลื่นยังถูกโจมตีอย่างรุนแรง

 

ฟางหยวนมักพบน้ำพุกะทันหันระดับหกและระดับเจ็ดขณะที่วังสวรรค์มักเผชิญหน้ากับน้ำพุกะทันหันระดับแปด

 

ชัดเจนว่าโชคของพวกเขาแตกต่างกันมาก ใบหน้าของสมาชิกวังสวรรค์กลายเป็นมืดครึ้ม พวกเขาโกรธจนแทบกระอักเลือด

 

“ดูเหมือนฟงจิวเก้อจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มนี้ ฟางหยวนตระหนักถึงจุดนี้

 

ในการต่อสู้ที่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ฟางหยวนตระหนักถึงโชคที่แข็งแกร่งของฟงจิวเก้อ กระทั่งคนโชคดีเช่นเขายังไม่สามารถสะกดข่มฝายหลัง

 

หากฟงจิวเก้ออยู่ที่นี่ วังสวรรค์จะไม่พบกับสถานการณ์ที่ยากลําบากเช่นนี้

 

เมื่อเวลาผ่านไป ฟางหยวนสามารถออกจากอาณาเขตของน้ำพุกะทันหันอย่างปลอดภัย

 

หลังจากชั่วครูฉลามล่องคลื่นและรังกระเรียนใบไม้ร่วงก็สามารถออกมาขณะที่นาวานิรันดร์ใช้เวลานานที่สุด

 

อย่างไรก็ตามนาวานิรันดร์รวดเร็วมาก เมื่อมันสามารถออกมาจากอาณาเขตของน้ำพุกะทันหัน ความเร็วของมันก็พุ่งสูงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ นั่นทําให้ระยะห่างระหว่างมันกับฟางหยวนลดลงอย่างรวดเร็ว

 

“ข้าไม่สามารถหลบหนีไปเช่นนี้ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

 

เมื่อเห็นฟางหยวนหยุดหลบหนี ผู้อมตะที่อยู่ภายในนาวานิรันดร์รู้สึกมีความสุขมาก แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็เริ่มตื่นตระหนก

 

เกาซุนจือตะโกน “ทุกคนระวัง ปีศาจกําลังจะหันมาต่อสู้แทนการวิ่งหนี เขาต้องมีแผนชั่วบางอย่าง!”

 

นางพึ่งกล่าวเมื่อท่าไม้ตายอมตะของฟางหยวนถูกกระตุ้นใช้งาน

 

ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลา!

 

ท่าไม้ตายนี้ยังเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดแต่ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนช่วยขยายพลังอํานาจให้มันมากกว่าร้อยเท่าขณะเดียวกันมันก็ได้รับการสนับสนุนจากสายธารแห่งกาลเวลาทําให้พลังอํานาจของมันเกือบถึงระดับแปด

 

เส้นขนทั่วร่างของผู้อมตะระดับแปดชิงเย่ตั้งชันขึ้นทันที หัวใจของเขาแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก

 

แต่ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลารวดเร็วเกินไป มันกระทั่งรวดเร็วกว่าดาบห้าดัชนี เมื่อฟางหยวนกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายนี้ มันก็มาถึงชิงเยู่แล้ว

 

นาวานิรันดร์มีการป้องกันที่แข็งแกร่ง แต่มีดบินตัดเวลาสามารถทะลวงผ่านมันเข้าไปได้อย่างง่ายดาย

 

“ไม่ใช่ว่าท่าไม้ตายนี้สูญหายไปจากประวัติศาสตร์แล้วงั้นหรือ? เขาใช้มันได้อย่างไร? ข้าจะตายอยู่ที่นี้หรือไม่?” ชิงเย่ตกอยู่ในความสิ้นหวัง

 

“ปล่อยข้า!” ในช่วงเวลาคับขัน เกาซุนจือกระโดดเข้ามายืนอยู่ด้านหน้าชิงเย่

 

“ฉัวะ!”

 

ร่างของเกาซุนจือสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง ดวงตาของนางเบิกกว้างขณะที่นางล้มลงบนดาดฟ้าเรือ

 

ชิงเยู่สูดหายใจอย่างหนักหน่วง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ

 

” ใบหน้าของซึ่งเยกลายเป็นซีดเผือด

 

อีกสามซุนจือมองหน้ากันด้วยการแสดงออกที่สงบนิ่ง

 

พวกเขาคิดว่าการตายของเกาซุนจือจะทําให้พวกเขาได้รับความโปรดปรานจากผู้อมตะระดับแปดผู้นี้

 

“ท่านชิงเย่ อย่ากังวล เรามีวิธีชุบชีวิตน้องสาวของเรา” จางซุนจือเผยรอยยิ้ม

 

แต่ชิงเย่ส่ายศีรษะและแสดงออกด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “ข้าเข้าใจวิธีการของพวกเจ้า ข้าเกรงว่าครั้งนี้มันจะไม่ได้ผล

 

ซุนจือทั้งสามตกใจ พวกเขาเร่งถาม “ท่านหมายความว่าอย่างไร? โปรดอธิบายให้เราทราบ”

 

“นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะของตระกูลโป้ ครั้งหนึ่งมันเคยคุกคามภาคกลาง มันเรียกว่าท่าไม้ตายอมตะตัดเวลา” ชิงเย่กล่าวด้วยความรู้สึกซับซ้อนและไม่สามารถปกปิดความหวาดกลัวบนใบหน้า

 

“อันใด!?”

 

“เป็นท่าไม้ตายนี้”

 

การแสดงออกของสามซุนจือเปลี่ยนไป พวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและไม่สามารถสงบเหมือนก่อนหน้า

 

“ไม่ เป็นไปไม่ได้” จางซุนจือส่ายศีรษะและปฏิเสธที่จะเชื่อ

 

“แต่ความจริงเป็นเช่นนั้น หยุดไล่ล่าเขา” ชิงเยู่สูดหายใจลึกด้วยใบหน้าซีดขาว

 

“ท่าน!” ผู้อมตะระดับเจ็ดที่เหลืออุทาน พวกเขาไม่เต็มใจที่จะปล่อยฟางหยวนไป นี่เป็นโอกาสดีที่จะสังหารฟางหยวน หากพวกเขาปล่อยปีศาจตนนี้ไป พวกเขาจะถูกตําหนิและถูกลงโทษ

 

อย่างไรก็ตามชิงเย่ตัดสินใจแล้ว

 

“ท่ามกลางคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลัง นาวานิรันดร์รวดเร็วที่สุดแต่การป้องกันของมันอ่อนแอที่สุด พวกเจ้าคงเห็นแล้วว่ามันไม่สามารถปิดกั้นท่าไม้ตายอมตะตัดเวลา!”

 

“หากเรายังไล่ล่าต่อไป ตราบเท่าที่ฟางหยวนสามารถสังหารพวกเรา เขาจะได้รับนาวานิรันดร์ ยิ่งไปกว่านั้นเราก็ไม่สามารถมอบมิติช่องว่างให้ปีศาจตนนี้”

 

หากคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังอื่นอยู่ใกล้ๆ พวกเขายังมีโอกาส

 

แต่ในสถานการณ์นี้พวกเขาไม่มีความหวังที่จะได้รับชัยชนะ