หัวใจไป๋ซู่เย่ในเวลานี้ปวดหนึบถึงขั้นสุด
ภาพที่เย่เซียวเป่าผมให้เธอเมื่อสิบปีก่อนแวบผ่านในหัวไม่หยุดหย่อนราวกับเปิดหนัง รายละเอียดที่อดีตหลงคิดว่าลืมไปแล้ว มาตอนนี้เพิ่งรู้ตัวว่าจดจำได้แม่นยำขนาดไหน…
“ผมยังเปียกอยู่ ห้ามขึ้นเตียง!” เธอในเมื่อนั้นเพิ่งทิ้งตัวลงบนเตียงก็ถูกเย่เซียวฉุดตัวขึ้นอย่างไม่ปราณี
“อื้อ ให้ฉันนอนเถอะ เย่เซียว ขอร้องล่ะ…วันนี้ฉันขี่ม้ามาทั้งวัน เหนื่อยมาก” เธอพึมพำเสียงออดอ้อน แทบจะเกยอยู่บนตัวเย่เซียวรอมร่อ
“ลืมเรื่องที่คราวก่อนไม่เป่าผมให้แห้ง พอตื่นนอนมาก็ปวดหัวไปแล้วใช่มั้ย?” เย่เซียวกอดเธอที่ตัวอ่อนปวกเปียกเป็นก้อนพลางตีหน้าบึ้งตำหนิ
เธอกลับไม่มีท่าทีจะกลัวสักนิด ตอนนี้ใกล้จะหลับอยู่แล้วโดยที่ดวงตานั้นกึ่งหรี่ตาอยู่ ยิ้มน้อยๆ อย่างงอแง “อืม ลืมไปแล้ว ลืมไปหมดแล้ว…”
เย่เซียวทำอะไรเธอไม่ได้ ช้อนตัวเธอเดินไปที่ห้องอาบน้ำ สุดท้ายวางเธอลงบนเคาน์เตอร์ลายครามของห้องน้ำ กล่อมเธอนอนไปช่วยเธอเป่าผมไปพร้อมๆ กัน
——————
เย่เซียวในเมื่อนั้นเอาอกเอาใจเธอราวกับเด็กคนหนึ่ง
เธอคิดๆ อยู่ภาพที่แต่เดิมเป็นใบหน้าตัวเอง แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าของน่าหลันฉับพลัน
วันหนึ่งในอนาคตเขาจะทำเรื่องที่กำลังทำให้ตัวเองให้กับน่าหลันเหมือนกัน…
คิดถึงเรื่องนี้หัวใจบีบคั้นอย่างแรง เจ็บจนเธอหอบหายใจหนักๆ ทีหนึ่ง
“ไม่ต้องเป่าแล้ว” เธอเบี่ยงตัวหลบลมจากไดร์เป่าผม
สีหน้านิ่งขรึมของเย่เซียวมองท่าทางหลบหนีตัวเองของเธอ “มานี่!”
เธอส่ายศีรษะ…
ตัวพิงเคาน์เตอร์ลายคราม สองมือจิกหน้าเคาน์เตอร์อย่างแรงถึงฝืนประคองให้ตัวเองยืนทรงตัวได้ ความเจ็บตรงหน้าอกไม่หายไปสักที
หากไม่มีความอ่อนโยนนี้อีกหลังจากนี้ ตอนนี้ให้เธอจมดิ่งมันให้เธอถลำลึกยิ่งกว่าเดิม สำหรับเธอแล้วเป็นเรื่องที่โหดเ**้ยมมากเรื่องหนึ่ง…
“มานี่ คุณเพิ่งหายป่วย อย่าเป็นหวัด” เย่เซียวใช้น้ำเสียงราบเรียบคุยกับเธออย่างปกติ แต่สายตากลับฉายแววยืนกรานไม่ยอมรามือ
ไป๋ซู่เย่อยากหนีจังเลย…
เธอแทบจะถูกความทรงจำอันหวานชื่นในอดีตกับความเศร้าเสียใจที่ต้องแยกจากกันของตอนนี้ทรมานปางตาย
เธอไม่สนเย่เซียวหมุนตัวเดินออกจากห้องอาบน้ำ แต่เย่เซียวกลับเร็วกว่าเธอหนึ่งก้าว แขนยาวยื่นกระชากตัวเธอกลับมา เจ้าตัวถูกตรึงไว้ตรงกำแพง ร่างสูงใหญ่ของเขาทาบทับลงมา
แต่ยังไม่รอให้เขาได้เอ่ยปากน้ำตาหยดหนึ่งร่วงจากดวงตาของไป๋ซู่เย่ “เย่เซียว คุณรู้มั้ยว่าคุณใจร้ายมากที่ทำแบบนี้กับฉัน?”
พอเอ่ยปาก น้ำเสียงแหบแห้ง
เขาชะงักนิ่ง
เสียงประท้วงของเธอสร้างความงุนงงแก่เขา แต่ความรู้สึกสงสารเธอ กลับกลายเป็นสัญชาตญาณ…
“อีกไม่นานคุณก็จะเป็นสามีของผู้หญิงคนอื่นแล้ว คุณมีสิทธิ์อะไรมาสนใจฉันจะเป็นหวัดหรือไม่เป็นหวัด? แล้วมีสิทธิ์อะไรมาดีกับฉัน?” น้ำตาเธอพรั่งพรูราวกับหยาดฝน “เย่เซียว คุณรู้มั้ย ตอนนี้ฉัน…ตอนนี้ยอมให้คุณเหยียดหยามฉัน ทรมานฉันเหมือนคราวที่เราเพิ่งเจอกัน…”
เช่นนั้นอย่างน้อยในวันเวลาแสนยาวนานที่เหลือ เธอจะเกลียดเขาได้ กล่อมตัวเองให้ปล่อยวางเขา…
ดวงตาเย่เซียวฉายแววเจ็บปวดวูบหนึ่ง เขาวางไดร์เป่าผมลงช้าๆ ใช้สายตาไล่ต้อนเธอ“คุณอยากลืมผมขนาดนั้นเชียวเหรอ?”
“…ใช่” เธอพยักหน้าแรงๆ “ฉันจะลืมคุณ จะต้องลืมคุณ…”
ไม่อย่างนั้นเธอจะตาย ไม่สิ แต่ตายทั้งเป็น…
เย่เซียวหายใจหนักอึ้ง เขาไม่อยากให้เธอลืมตัวเอง ไม่ว่าจะในความทรงจำจะดีหรือเลวร้าย เขาหวังว่าในใจเธอจะมีตำแหน่าของเขาอยู่อย่างเห็นแก่ตัว ต่อให้จะเป็นมุมเล็กๆ ก็ตาม
แต่ว่า…
สุดท้ายคำพูดเหล่านี้ล้วนถูกเก็บเข้าท้องยามเผชิญหน้ากับน้ำตาเธอ เขาได้แต่พูดเสียงเรียบ “ในเมื่อแบบนี้ คุณเป่าผมให้แห้งเองแล้วออกมาเถอะ”
ประโยคสุดท้ายน้ำเสียงแหบพร่าแฝงด้วยความเหนื่อยอ่อนอยู่ลึกๆ
ไป๋ซู่เย่ยืนพิงกำแพงไม่ขยับตัวอยู่ครู่ใหญ่ กระทั่งตัวเขาหายไปจากห้องอาบน้ำประตูถูกปิดลงเธอถึงหลังพิงกำแพงเย็นเฉียบทรุดตัวนั่งลงกับพื้นช้าๆ
ใบหน้าขาวซีดถูกซุกเข้าระหว่างหัวเข่า
ท้ายที่สุด…
ผู้ชายที่ตัวเองไม่เคยลืมมานับสิบปี ผู้ชายที่ทำตัวเองกินยานอนหลับมาตลอดสิบปี ก็กลายเป็นของคนอื่นไปแล้ว…
นับจากนี้ไปกลายเป็นผู้ชายที่เธอคว้าจับไม่ได้ แตะต้องไม่ได้แล้วจริงๆ…
ไป๋ซู่เย่กุมหน้าอกไว้อย่างแรงแต่ความเจ็บปวดกลับไหลทะลักเข้ามาไม่หยุด…
……………………
เย่เซียวนอนบนเตียง ดวงตาที่จ้องเพดานห้องแดงระเรื่อ ในหัวมีแต่ประโยคของเธอ ‘ฉันจะลืมคุณ จะต้องลืมคุณ…’ วนเวียนไปมาอยู่นาน
สูดหายใจเข้าลึกๆ เขาหลับตาลง
ในห้องอาบน้ำไม่มีเสียงไดร์เป่าผมดังขึ้นอีก
พักใหญ่เธอยังไม่ออกมาเสียที
ท้องฟ้าข้างนอกเริ่มมืดลงเรื่อยๆ
เขานอนบนเตียงอยู่ครู่นาน โทรศัพท์เรียกอาหารเย็นจากห้องอาหารให้ส่งมาที่ห้องโดยตรง เขาถึงผลักประตูกลับเข้าไปที่ห้องอาบน้ำอีกที
ผู้หญิงโง่คนนี้กลับยังนั่งอยู่มุมกำแพง ไม่ขยับเขยื้อนสักนิด
ผมสยายปรกลงมา
เธอต้องนั่งอยู่นี่อย่างน้อยชั่วโมงสองชั่วโมง!
หัวคิ้วเขากระตุก
อยากพูดบางอย่างแต่ลำคอเหมือนมีสำลีอุดไว้ไม่ให้ได้เอื้อนเอ่ยสักคำ ย่างกรายเข้าไปก้มลงช้อนตัวเธอขึ้นจากพื้นเบาๆ
เขาคิดว่าเธอหลับไปแล้วแต่วินาทีที่เขาช้อนตัวเธอขึ้นนั้นเธอกลับอ้าแขนกอดเขาแน่น
ร่างกายเผลอเกร็ง
ชั่วขณะนี้หัวใจที่แข็งแกร่งเสมออ่อนนุ่มขึ้นอย่างมากโดยไม่รู้ตัว เขาก้มมองใบหน้าเล็กที่ขาวซีดของเธอในอ้อมแขน “ผมอุ้มคุณออกไปทานอะไรหน่อย”
“…ฉันไม่อยากอาหาร” ทุกการขัดขืนดิ้นรนเพื่อต่อลมหายใจสุดท้ายของเธอ ท้ายมาก็สู้ความต้องการในความอบอุ่นหยาดสุดท้ายนี้ของเธอไม่ได้ ไม่ได้ผลักไสเขา กลับกอดเขาแน่นกว่าเดิม
“ทานให้มากๆ หน่อย” เขาเองก็ไม่อยากอาหารเหมือนกัน
ไป๋ซู่เย่ส่ายศีรษะ กล่าวอย่างวิงวอน “เย่เซียว ให้ฉันนอนหน่อย…ได้มั้ย? ฉันปวดหัว…”
เย่เซียวเงยหน้าดูเวลาแวบหนึ่ง“คุณยังนอนได้อีกสองชั่วโมง”
“ได้ งั้นก็นอนแค่สองชั่วโมง” ไป๋ซู่เย่ไม่ได้ถามไปมากกว่านี้ ทำไมถึงต้องสองชั่วโมง ความจริงใจเธอรู้ดี
ภายในห้องที่คุ้นเคยแห่งนี้ ซึ่งเป็นจุดชมพลุดอกไม้บนทะเลที่ดีที่สุด
เย่เซียววางเธอลงบนเตียง สองมือเธอที่โอบลำคอเขายังไม่ปล่อย เปลือกตาปิดลงแผ่วเบา เขาได้ยินเพียงเสียงแผ่วเบาของเธอ “เย่เซียว คุณกอดฉันนอนเถอะ ได้มั้ย?”
ดวงตาเขาฉายแววล้ำลึกวูบหนึ่ง
จ้องมองเธอ สุดท้ายพยักหน้า “ได้”
มือหนึ่งของเขากอดเธอ อีกมือเลิกผ้าห่มขึ้นให้ทั้งสองคนล้มลงบนเตียงใหญ่พร้อมกัน เขาดึงผ้าห่มมาห่อทั้งคู่อย่างมิดชิด
กายที่เย็นเฉียบทั้งสองร่าง ณ วินาทีนี้ กำลังเพรียกหาความอบอุ่นจากอีกฝ่ายอย่างสิ้นหวัง
ไป๋ซู่เย่งอตัวอยู่ตรงอกเขา พึมพำด้วยสติที่เลือนราง “ฉันไม่ได้นอนดีๆ มานานแล้ว…”
เย่เซียวตบหลังเธอเบาๆ พักใหญ่ถึงกลั่นเสียงตอบว่า“ผมก็เหมือนกัน”
………………………