“ผู้กำกับถูกขังเอาไว้ในหนัง ฮึ? นี่ต้องเป็นเรื่องผี” เฉินเกอรู้สึกเหมือนว่านี่อยู่ในสายงานของเขา ดังนั้นเขาจะไม่ปล่อยมันไปเฉย ๆ เขาเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่บนผนัง ตีสองครึ่งแล้ว “ต่อให้เรียกแท็กซี่ ไปเขาหยงหลิงก็ใช้เวลาครึ่งชั่วโมง ตอนนี้ไม่ทันแล้ว ดังนั้นฉันควรจะไปดูวันพรุ่งนี้
“มีเวลาไม่พอ เวลาอันจำกัดของโรงเรียนแห่งปรโลกนั้นกำลังจะหมดแล้วแต่ว่าฉันยังไม่มีวิญญาณสีเลือดที่ไปกับฉันได้ตอนนี้ จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้ ฉันควรจะไปที่กองถ่าย ถ้าเป็นไปได้ ช่วยนักเขียนคนนั้นเติมเต็มความปรารถนาของเขาโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หวังว่านั่นจะช่วยโน้มน้าวให้โอเปอร์เรเตอร์สายด่วนเข้าร่วมกับบ้านผีสิงของฉันได้”
หลังจากเตรียมทุกอย่างแล้ว เฉินเกอก็ปิดโทรศัพท์ และเป็นครั้งแรกในช่วงหลังมานี้ที่เขาได้เข้านอนเร็ว แปดโมงครึ่งเช้าวันรุ่งขึ้น เฉินเกอก็ตื่นขึ้นเพราะมีคนเคาะกระจก เขาลืมตาพร่ามัวขึ้นและได้ยินเสียงเสี่ยวกู่ดังมาจากนอกหน้าต่าง
“บอสน่าจะออกไปข้างนอกอีกแล้วเมื่อคืนนี้ รอที่ประตูแหละ”
“ทำไมบอสถึงออกไปข้างนอกกลางคืนบ่อยขนาดนั้น?” เป็นจางจิงจิ่วถาม เขาสงสัยเกี่ยวกับเฉินเกอมากทีเดียว
“ฉันอธิบายแบบนี้แล้วกัน แอพแชทที่พวกเราใช้ประจำน่ะมีการนับก้าวในชีวิตประจำวัน และเมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันมาถึงที่นี่ในตอนเช้า บอสก็เดินไปแล้วประมาณหมื่นก้าวอ่ะ” น้ำเสียงเสี่ยวกู่สงบ “แต่ว่าวันนี้ค่อนข้างแปลก ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ บอสเพิ่งเดินไปแค่สามพันก้าวเท่านั้น ฉันสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือเปล่า”
“ถ้าบอสได้ยินนายพูดอย่างนั้น เขาจะถลกหนังนายทั้งเป็น” เสียงของซูว่านดังตามมา พนักงานทั้งหมดดูเหมือนจะมาถึงแล้ว
“ฉันไม่เคยทำร้ายร่างกายพนักงานของตัวเอง ฉันรู้สึกเจ็บปวดเหมือนกันนะพอได้ยินเธอคิดอย่างนั้น” เฉินเกอลุกขึ้นจากเตียง ดึงม่านหนาเปิดออก แล้วเปิดหน้าต่าง “อย่างมากที่สุดฉันก็แค่ตัดเงินเท่านั้น”
“บอส!” ทั้งสี่คนยืนอยู่ข้างหน้าต่าง– พวกเขาดูเหมือนจะรออยู่นานแล้วทีเดียว
“รอเดี๋ยวนะ ฉันจะไปเปิดประตูให้พวกนาย” เฉินเกอมองโทรศัพท์ของตัวเอง แปดโมงสี่สิบแล้ว เขาหลับไปเร็วมากจนลืมตั้งนาฬิกาปลุก เปิดประตูบ้านผีสิงแล้วเฉินเกอก็ไล่พนักงานทั้งสี่คนเข้าไปในห้องแต่งตัวแล้วช่วยพวกเขาแต่งหน้าทีละคน
“ในเมื่อพวกนายอยู่ที่นี่กันครบ ฉันก็อยากจะประชุมเช้าเสียหน่อยตอนที่พวกเราแต่งหน้ากันเนี่ย” เฉินเกอแต่งหน้าให้พนักงานอย่างเชี่ยวชาญ บางคนอาจจะถึงกับสงสัยว่าเขาไม่ใช่ชายแท้เมื่อเห็นลีลาสะบัดแปรงแต่งหน้าของเขา “ซูว่าน เสี่ยวกู่ พวกนายสองคนเป็นพนักงานอาวุโส คอยดูแลสองฉากด้านบน บ้านผีสิงของเราตอนนี้แบ่งระดับความยากออกเป็นหลายดาว และผู้เข้าชมหลายคนก็ไม่ต้องการทดลองฉากที่ยากขึ้นไป ดังนั้น พวกนายจึงมีหน้าที่สำคัญที่สุดเพราะเป็นหน้าเป็นตาของบ้านผีสิงและยังมีอิทธิพลต่อความประทับใจแรกของผู้เข้าชมของพวกเราด้วย”
“บอสไม่ต้องห่วง ให้เป็นหน้าที่ผมกับพี่ซูว่านเอง” เสี่ยวกู่ตบหน้าอกสัญญา บุคลิกสดใสเหมือนพระอาทิตย์ของเขานั้นบ่งบอกว่าเขานั้นผูกมิตรกับทุกคนได้โดยง่าย
“มือกรรไกรกับจางจิงจิ่ว พวกนายสองคนดูแลฉากใต้ดิน ฉันต้องการให้พวกนายทำตามที่ได้รับมอบหมาย ถ้าเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นกับผู้เข้าชมให้ติดต่อฉันทันที” เฉินเกอสบตากับมือกรรไกรและจางจิงจิ่ว “ฉากใต้ดินใหญ่มาก ดังนั้นพวกนายสองคนต้องพัฒนาการแสดงของพวกนายนะ”
“เข้าใจแล้วครับ” มือกรรไกรกับจางจิงจิ่วนั้นเคยผ่านเมืองหลี่ว่านมาพร้อมเฉินเกอ ดังนั้นจึงรู้ได้ถึงสิ่งที่เขาไม่ได้พูดออกมา
“อย่างสุดท้าย ฉันจะให้ซูว่านถือกุญแจสำรองของบ้านผีสิงอย่างเป็นทางการ ถ้าเกิดว่าฉันไม่อยู่ขึ้นมา ก็ให้ดำเนินงานไปตามหน้าที่ที่ฉันมอบหมายให้พวกนาย” เฉินเกอส่งกุญแจสำรองให้กับซูว่านและมองไปยังเด็กสาวที่ในกระจก “ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับฉากบนดิน ให้ถามซูว่าน ถ้าซูว่านจัดการไม่ได้ ให้ไปหาผู้อำนายการสวนสนุก ผู้อำนายการลั่ว อย่าไปหาคนอื่น และห้ามเชื่อใจใครอื่น”
ก่อนที่ซูว่านจะตอบรับ เฉินเกอก็ลุกขึ้นยืน “ฉันจะไปจัดการกับฉากใต้ดิน ตอนนี้ มือกรรไกรกับจางจิงจิ่วมากับฉัน ฉันยังมีหลายอย่างต้องสอนพวกนาย”
หลังจากเฉินเกอกับอีกสองคนเดินไปแล้ว เสี่ยวกูก็พบว่าซูว่านยังเหม่อมองเข้าไปในกระจก “พี่ ไปกันได้แล้ว ผู้เข้าชมกำลังจะมากันแล้ว”
“หืม อืม” ซูว่านกำกุญแจในมือตัวเองแน่นเหมือนเธอกลัวว่าจะเธอจะบังเอิญทำของสำคัญมากชิ้นนี้หายไป
เฉินเกอนำจางจิงจิ่วและมือกรรไกรเข้าไปใต้ดินและไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องหนึ่งที่ห้องเก็บศพใต้ดิน เขาเคาะประตูแล้วก็มีชายชราในชุดกาวน์สีขาวเดินออกมา ศีรษะของเขาเต็มไปด้วยเส้นผมสีขาว แต่เขากลับมีแผ่นหลังเหยียบตรงราวกับต้นสนที่หยัดยืนหันหน้าสู่หน้าผา
“สุภาพบุรุษชราผู้นี้คือเว่ยจิ่วฉิน เขาเป็นหมอที่ดีที่สุดของบ้านผีสิงของพวกเรา ถ้าฉันไม่อยู่ในบ้านผีสิงและพวกนายเจอปัญหาอะไรที่แก้ไขไม่ได้ มาหาเขา เขาจะช่วยพวกนาย” หมอเว่ยนั้นชราที่สุดและมีประสบการณ์ที่สุด นิสัยของเขาไม่มีตรงไหนให้ตำหนิได้ และเขายังเป็นหนึ่งในไม่กี่คนในบ้านผีสิงที่สามารถรับมือกับวิกฤติได้อย่างยอดเยี่ยม
“ทำไมจู่ ๆ เธอก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ?” หมอเว่ยรู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติไป
“ไม่มีอะไรครับ แค่เผื่อเอาไว้”
“ถ้าเธอมีอะไรที่ทำให้กังวลต้องบอกฉันนะ! ฉันอยู่ที่นี่อย่างสุขสบายและยังมีโอกาสได้พบเจอเพื่อนเก่า ๆ และสั่งสอนพวกเขาอย่างที่เคยทำด้วย” หมอเว่ยนั้นไม่ใช่คนชอบพูดเล่น แต่เขาก็ทำเพื่อให้เฉินเกออารมณ์ดีขึ้น
“ไม่มีอะไรหรอกครับ” เฉินเกอตีสีหน้าปกติ หลังจากผู้เข้าชมเริ่มเข้าฉาก เขาก็นำมือกรรไกรกับจางจิงจิ่วเดินไปทั่วชั้นใต้ดินและแนะนำตัวพวกเขาให้กับพวกผีส่วนใหญ่
ริมฝีปากของมือกรรไกรกับจางจิงจิ่วอ้าค้างหลังจากได้ ‘เดินชม’ จนทั่ว มีนักเรียน ครู หมอ ผู้ป่วย และ ‘ผู้คน’ แบบอื่น ๆ อยู่ที่นี่ มันเป็นเมืองใต้ดินจริง ๆ
“สิ่งที่พวกนายเห็นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของฉากใต้ดินเท่านั้น ที่นี่นั้นกว้างขวางมาก พ่อกับแม่ของฉันใช้เวลาเป็นสิบปีสร้างที่นี่ขึ้นมา” เฉินเกอแบ่งปันความลับกับมือกรรไกรและจางจิงจิ่วมากขึ้นก่อนที่จะส่งพวกเขากลับไปที่ฉากเมืองหลี่ว่าน
“มีแค่คนที่ฉันผ่านประสบการณ์เป็นตายมาด้วยฉันถึงจะอนุญาตให้เป็นพนักงานของฉันได้ คัดเลือกได้ยากมากทีเดียว” เฉินเกอพยายามอย่างที่สุดที่จะฝึกมือกรรไกรกับจางจิงจิ่ว เมื่อพวกเขาสามารถดูแลที่นี่ได้ด้วยตัวพวกเขาเองแล้ว เขาก็จะมีเวลาไปจัดการเรื่องอื่น ๆ มากขึ้น
ออกจากฉากมาแล้วเฉินเกอก็ถูกลุงซูเรียกไปหาตอนที่เดินออกมาที่ปากทางเข้าบ้านผีสิง “เฉินเกอ ผู้อำนวยการลั่วตามหาแกอยู่”
“ตามหาผม?”
“ใช่ ระวังด้วย มีคนนอกหลายคนอยู่ในห้องทำงานของเขา” ลุงซูกระซิบเตือนเขาก่อนจะไปทำงานต่อ เฉินเกอวิ่งไปที่ตึกสำนักงานและตอนที่เขาผลักประตูเปิดเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะลั่นทันที ผู้อำนวยการลั่งที่ตรงกลางกำลังพูดคุยสนุกสนานกับชายวัยกลางคนผู้หนึ่งอยู่ คนที่เห็นอาจจะคิดว่าพวกเขาเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันมานานถึงได้ดูสนิทสนมกัน
“เสี่ยวเฉิน มานั่งสิ” ผู้อำนายการลั่วมีท่าทีเป็นมิตรกับเฉินเกอ เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหา ตอนที่เขาหันหลังให้กับชายวัยกลางคน เขาก็ทำไม้ทำมือแต่ว่าเพิ่มเสียงขึ้น “นี่คือซีอีโอไป๋ ฉันแนะนำเธอกับเขาก่อนแล้ว เขามีบางอย่างอยากคุยกับเธอแน่ะ”
“ซีอีโอไป๋?” เฉินเกอเข้าใจได้ในทันทีว่านี่ไม่ใช่การมาเยือนอย่างเป็นมิตร
“ไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองหรอก– พวกเราเคยเจอกันหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้ ฉันมาเป็นตัวแทนคนบางคน ดังนั้นก็จะไม่พูดอ้อมค้อม” ซีอีโอไป๋พูดพร้อมยิ้ม “ก่อนหน้านี้มีคนจากบ้านผีสิงในซินไห่มาที่นี่ และพนักงานของพวกเขาทั้งหมดก็ถูกทำให้ตกใจกลัวจนต้องเข้าโรงพยาบาล เจ้านายของพวกเขาเป็นเพื่อนของฉัน ดังนั้นเขาก็เลยให้ฉันมาถามเธอหน่อย
“ว่าเธอทำอย่างนั้นได้ยังไงบอสเฉิน?
“คนพวกนั้นเป็นนักแสดงมืออาชีพของบ้านผีสิงที่อยู่ในงานนี้มาอย่างน้อยก็ห้าปี พวกเขายังเก่งกาจที่สุดเท่าที่หาได้แล้วด้วย”
“ซีอีโอไป๋ คุณมาที่นี่เพราะเรื่องนี้เหรอครับ?” เฉินเกอคิดก่อนจะหันไปหาซีอีโอไป๋ “บางทีพวกเขาอาจจะไม่ได้ดีเท่าที่พวกเขาพูดก็ได้ ผมเองไม่คิดว่าบ้านผีสิงของผมจะน่ากลัวขนาดนั้นนะครับ ความทนต่อความสยองขวัญของแต่ละคนก็ต่างกันไป คุณลองเข้าไปดูบ้านผีสิงของผมด้วยตัวคุณเองดูไหมครับ ซีอีโอไป๋?”