ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล
“โอหัง!” ชายหนุ่มจ้องเซียวอวี๋อย่างโมโห เขายกหอกขึ้นก่อนจะบังคับม้าเปกาซัสพุ่งเข้าใส่เซียวอวี๋ โฮก! เวลานั้นเอง เสียงคำรามพลันดังขึ้น ร่างอันใหญ่โตของคาร์นพุ่งเข้าประจันหน้ากับชายหนุ่ม อั่ก! ชายหนุ่มไม่ทันระวังจึงถูกคาร์นชนกระเด็นทั้งคนทั้งม้า เมื่อได้เห็นชายหนุ่มท้าทายเซียวอวี๋ต่อหน้าเขา คาร์นย่อมไม่นิ่งเฉย ดังนั้นผลจึงออกมาอย่างที่เห็น คาร์นในตอนนี้นับว่าอยู่ในระดับสุดยอดของขั้นที่ห้า แต่เมื่อรวมกับพละกำลังอันเปี่ยมล้นของเผ่าพันธุ์แล้ว เขาสามารถรับมือกับตนตัวขั้นที่หกได้อย่างไม่เสียเปรียบ และหากว่าคาร์นใช้ทักษะแปลงร่างด้วยแล้วล่ะก็ บางทีเขาอาจกระทั่งล้มตัวตนขั้นที่หกได้เลย แม้ว่าชายหนุ่มผู้นี้จะเป็นนักรบขั้นที่หกพร้อมขี่อยู่บนหลังม้าเปกาซัส กระนั้นหากวัดด้านพละกำลังกันแล้วเขาย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคาร์น ม้าเปกาซัสร่วงลงบนพื้นก่อนจะกลิ้งไปอีกสี่ห้าเมตรจึงค่อยหยุดลง ชายหนุ่มที่อยู่บนหลังม้าย่อมไม่มีสภาพที่ดีไปกว่ากัน เขารู้สึกเสียหน้าอย่างยิ่ง การเดินทางมาครั้งนี้เซียวอวี๋ได้นำผู้คุ้มกันมาสองคนนั่นคือ คาร์นและเมอีฟ คาร์นนั้นทรงพลัง แข็งแกร่ง และกล้าหาญ ขณะที่เมอีฟหยิ่งทะนงตามสายเลือดเอลฟ์ ดังนั้นเมื่อมีผู้คุ้มกันทั้งสองอยู่ข้างกายก็จะเป็นการส่งเสริมความสง่างามของเซียวอวี๋ และสร้างความประทับใจต่อผู้พบเห็น “เซียวอวี๋เจ้าใจเย็นก่อนเถอะ คนผู้นี้เป็นบุตรชายของอ๋องหู่ หากเจ้าทุบตีเขา เรื่องราวจะลุกลามใหญ่โตแล้ว” โถวปาหงยิ้มเจื่อนขณะกล่าวเกลี้ยกล่อมเซียวอวี๋ เดิมทีโถวปาหงคิดว่าเพียงเดินทางมารับการสวามิภักดิ์ของโถวปาหู่ก็จบเรื่อง ไหนเลยจะคาดว่ามาถึงก็เกิดตีกันแล้ว แต่เซียวอวี๋กลับโน้มตัวเข้าไปกระซิบต่อโถวปาหง “เจ้าวางใจเถอะ รับรองว่าอ๋องหู่ต้องเข้าร่วมกับเจ้าแน่ หากแต่เจ้าต้องไม่แสดงว่าอ่อนแอออกมา มิเช่นนั้นเรื่องราวจะยากขึ้น หากว่าไว้ใจข้าก็ยกเรื่องนี้ให้ข้าจัดการ” ได้ฟังคำของเซียวอวี๋ โถวปาหงก็ยิ้มเจื่อน เขาจำได้แล้วว่าเซียวอวี๋ชอบใช้วิธีการเช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่กล่าวอะไรอีก อีกด้านหนึ่ง อ้าวปาที่เห็นวิธีการของเซียวอวี๋ก็ยิ้มอย่างชื่นชม เห็นว่าอ้าวปาไม่ได้ว่าอะไร โถวปาหงจึงสงบลง เขาส่ายหน้ายิ้มอย่างขมขื่น เขาทราบว่าเซียวอวี๋รู้ว่าควรหยุดเมื่อใด ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ คนยิ่งมากก็ยิ่งเพิ่มความมั่นใจในการต่อกรกับพวกเซิก ผู้ใดจะต่อว่าว่ามีทหารมากเกินไปกัน? วิธีการของเซียวอวี๋ไม่อาจใช้หลักการทั่วไปมาหยั่งวัด ครั้งนี้ไม่ทราบจะใช้วิธีการใด? “หาที่ตาย!” ชายหนุ่มคำรามก่อนจะละทิ้งม้าและชี้หอกไปทางเซียวอวี๋ “กล้าก่อเรื่องในค่ายพยัคฆ์งั้นรึ ทหาร! มานี่!” ได้ยินเสียงร้องตะโกนของชายหนุ่ม ทหารม้ามากมายก็กรูกันออกมาจากค่าย หัวหน้าขบวนทหารเป็นบุรุษร่างสูง ใส่เกราะหุ้มทั้งตัว ทหารม้าค่อยๆโอบล้อมพวกเซียวอวี๋เอาไว้ เซียวอวี๋แค่นเสียง และมองพวกทหารม้าอย่างเย็นชา “จัดการมันซะ!” เห็นกองทหารจัดวางกำลังเสร็จสรรพ ชายหนุ่มก็ชี้นิ้วสั่งให้จัดการกับเซียวอวี๋ ชายหนุ่มผู้นี้อยู่ในวัยยี่สิบกว่าปี ตั้งแต่เล็กก็ถูกอุ้มชูตามใจ ไหนเลยจะเคยเสียหน้าถึงเพียงนี้มาก่อน เซียวอวี๋ทุบตีสมุนของเขา ทั้งยังทำให้เขาต้องอับอาย นี่จะให้เขาทนได้อย่างไร ด้วยเหตุนั้น เมื่อสติถูกโทสะเข้าครอบงำ เขาจึงสั่งการให้พวกทหารลงมืออย่างไร้เหตุผล ทว่าเซียวอวี่กลับตะโกนขึ้น “ช้าก่อน!” ชายหนุ่มมองเซียวอวี๋พลางอ้าปากค้าง “อะไร รู้ความผิดแล้วงั้นรึ เหอะ! สายไปแล้ว” เซียวอวี๋จ้องมองชายหนุ่มก่อนจะกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าผิดกับมารดาเจ้าสิ ข้าเพียงต้องการถาม เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าเป็นชาวเมฆาจริงๆ?” ได้ยินเช่นนั้น ชายหนุ่มก็ยิ่งโกรธแค้น เขาคำรามใส่เซียวอวี๋ “ข้าเป็นชาวเมฆา! สืบสายโลหิตเชื้อพระวงศ์! เจ้ากล้าหมิ่นเกียรติแห่งราชวงศ์! วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าสารเลวชั้นต่ำเยี่ยงเจ้าเพื่อธำรงไว้ซึ่งเกียรติ!” เซียวอวี๋เงยหน้าหัวเราะ “โอ้ เชื้อพระวงศ์? แต่ข้ารู้จักกับจักรพรรดิ ทั้งเขายังอยู่ที่นี่กับข้า ในฐานะพสกนิกร ในฐานะทหารแห่งจักรวรรดิเมฆา พบเห็นองค์จักรรพรรดิกลับไม่ถวายความเคารพ ทั้งยังกล้าหันอาวุธใส่ เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ? หรือพวกเจ้าคิดก่อกบฏ? เหอเหอ เป็นว่าที่พวกเจ้ารอพวกเรามาที่นี่ก็เพื่อที่จะลอบปลงพระชนม์องค์จักรพรรดิ เช่นนั้นก็อย่าได้ว่าว่าพวกเราไร้ปราณี เข้ามาเถอะ เกียรติแห่งองค์จักรพรรดิไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าสามารถดูหมิ่นดูแคลนได้ มาดูกันว่าพวกเจ้าจะจับองค์จักรพรรดิได้หรือไม่” ได้ยินวาจาของเซียวอวี๋ คนทั้งหมดต่างชะงัก ไม่เว้นกระทั่งชายหนุ่มผู้นั้น ความรู้สึกของเขาตอนนี้ราวกับถูกสาดด้วยน้ำเย็น แม้ว่าเขาจะเป็นบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของอ๋อง แม้จะมีอำนาจบารมีในเขตแดนตนสูงเสียดฟ้า กระนั้นบิดาของเขาก็ยังคงเป็นข้าในพระองค์ เวลานี้โถวปาหงได้ขึ้นครองราชย์ อีกทั้งผู้คนกว่าครึ่งล้วนเข้าสวามิภักดิ์ ทว่าพวกเขากลับหันอาวุธเข้าใส่องค์จักรพรรดิ ซึ่งหากนับตามบทลงโทษแล้ว พวกเขามีแต่ตายอย่างแน่นอน แม้ว่าอ๋องหู่จะไม่เคยประกาศตนว่าสนับสนุนโถวปาหง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่เอนเอียง ดังนั้น หากพวกทหารหันอาวุธเข้าใส่องค์จักรพรรดิ อ๋องหู่เองก็จะถูกนับว่าเป็นกบฏด้วย โถวปาหงสามารถใช้เหตุผลข้อนี้กำจัดพวกอ๋องหู่จนสิ้นซาก ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนั้น ชื่อเสียงและบารมีที่สั่งสมมาหลายสิบปีของอ๋องหู่ก็จะย่อยยับไปด้วย และเขาจะไมู่กรู้จักในฐานะเทพแห่งสงคราม หากแต่เป็นพวกกบฏชิงบัลลังก์ โถวปาหงและโถวปาเหยียนต่อสู้ช่วงชิงบัลลังก์ โถวปาหู่ตีตัวออกนอกวง ประชาชนจึงไม่ได้ต่อว่าเขาสักเท่าใด อย่างไรเสียมันก็เป็นการช่วงชิงตำแหน่งจักรพรรดิ แต่หากว่าอ๋องหูหันคมอาวุธเข้าใส่โถวปาหง เรื่องราวจะเปลี่ยนไปทันที ในเวลานี้ ประชาชนส่วนใหญ่แล้วสนับสนุนโถวปาหง ด้วยการมใช้นโยบายปลอบขวัญตามที่เซียวอวี๋บอก ประชาชนส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นมิตรกับโถวปาหง อีกทั้งโถุวปาหงยังเป็นองค์รัชทายาทของโถวปาเย่ เขาจึงมีสิทธิ์นั่งบัลลังก์อย่างชอบธรรม เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว โถวปาหู่เป็นเพียงอ๋องที่ห่างไกล การเข้ามาประสมโรงช่วงชิงบัลลังก์ด้วยจึงเป็นเรื่องที่ไม่ชอบธรรมอย่างยิ่ง ด้วยเหตุเผลหล่านี้เอง โถวปาหงจึงกลายเป็นศูนย์รวมจิตใจของราษฎร์ หากว่ามีผู้ใดนำเรื่องที่อ๋องหู่หันอาวุธเข้าใส่องค์จักรพรรดิไปป่าวประกาศ เขาจะตกเป็นศัตรูของประชาชนทันที