บทที่ 6 บทที่ 75 อัน นยอง ฮี คเย เซ โย

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

มาร์คมองไปยังซอยด้านหน้าแต่กลับมองไม่เห็นอะไร

 

 

เขาไม่รู้ว่าหมากฝรั่งในมือนี้หมายถึงอะไร

 

 

แต่เขามีสัมผัสพิเศษ…ในขณะที่ครุ่นคิด มาร์คก็วางเสี่ยวจือลงและเปิดประตูหลังร้านเต้าหู้เพื่อให้เธอเข้าไป

 

 

มาร์คย่อตัวลงและพูดว่า “ฟังนะ ที่แม่ของเธอไล่ไม่ได้เป็นเพราะรังเกียจเธอ แม่ของเธอแค่กลัวว่าหวัดจะติดเธอก็เท่านั้น”

 

 

“จริงเหรอคะ” เสี่ยวจือยังไม่เข้าใจว่าอะไรคือคำโกหก

 

 

มาร์คเพียงแค่พยักหน้า “ถ้าไม่เชื่อ เธอลองไปห้องแม่เธออีกครั้ง ครั้งนี้แม่ของเธอจะไม่ตะคอกใส่เธออีกแน่นอน”

 

 

เสี่ยวจือพูดว่า “ลุงมาร์คค่ะ ลุงยังจะพาหนูเล่นแบบเมื่อกี้อีกรอบได้ไหม? สนุกมากเลย!!”

 

 

เด็กหญิงตัวน้อยมีความสามารถพิเศษที่ผู้ใหญ่ไม่สามารถตัดใจปฏิเสธได้ลงคอ ดวงตากลมโตเปล่งประกายอย่างบริสุทธิ์ไร้เดียงสา

 

 

“ได้สิ”

 

 

มาร์คไม่มัวแตพูดไร้สาระ เพียงแค่ผลักเด็กหญิงเบาๆ จากนั้นก็ปิดประตูด้านหลัง แล้วมาร์คก็ยังใช้ไม้แท่งหนึ่งวางไว้ด้านนอกประตูเพื่อกันไม่ให้เธอเปิดเดินออกมาเอง

 

 

เขาจัดการเรื่องราวทุกอย่างด้วยความละเอียดรอบคอบ…แต่ตัวเขาเองกลับไม่ได้สังเกตถึงจุดนี้เลย

 

 

ตอนนี้มาร์คหรี่ตาลง นัยน์ตาเฉียบคมราวกับหอกยาว เขาเดินมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่หมากฝรั่งแปลกประหลาดถูกยิงมาอย่างรวดเร็ว

 

 

 

 

ซานเอ๋อร์กำลังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ทั้งรู้สึกผิดที่ตะคอกลูกสาว ทั้งอับอายที่ตัวเองทำเรื่องน่าอายแบบนั้นลงไป

 

 

ทั้งยังเกือบถูกจับได้อีก…บางทีมาร์คอาจจะดูออกแล้ว?

 

 

ทันใดนั้นซานเอ๋อร์ก็รู้สึกว่าเธอไม่มีความกล้าแม้แต่จะเดินออกจากห้องเลย…แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เสี่ยวจือยังร้องไห้อยู่หรือเปล่า?

 

 

เธอได้ยินเสียงร้องไห้ของลูกสาวดังแว่วมา ดูเหมือนจะอยู่ชั้นล่าง…แถวประตูด้านหลัง?

 

 

ในเวลานี้เองประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามา ตามมาด้วยศีรษะเล็กๆ ยื่นเข้ามาจากช่องประตู ซานเอ๋อร์มองดูเสี่ยวจือที่เหมือนสัตว์ตัวน้อยที่กำลังแตกตื่นก็รู้สึกปวดใจ เธอตบลงที่ข้างเตียงและพูดเสียงเบาว่า “เสี่ยวจือ มาหาแม่มา”

 

 

เสี่ยวจือพุ่งเข้าไปข้างเตียงของซานเอ๋อร์ แต่ไม่ได้เข้าใกล้เกินไป เธอพูดอย่างระมัดระวังว่า “ลุงมาร์คบอกว่าที่ท่านแม่ไล่เสี่ยวจือไปเมื่อกี้ เพราะกลัวว่าหวัดจะติดเสี่ยวจือ ใช่ไหมคะ?”

 

 

“เขา…เขาพูดอย่างนั้นกับลูกจริงๆ เหรอ” ซานเอ๋อร์ถามอย่างลังเลเล็กน้อย

 

 

เสี่ยวจือพยักหน้าอย่างจริงจัง “ค่ะ! ใช่ค่ะ!”

 

 

“งั้นตอนนี้ลุงมาร์คก็อยู่นอกห้องใช่ไหม?” ทันใดนั้นซานเอ๋อร์ก็ถามขึ้น

 

 

เสี่ยวจือตอบว่า “ไม่รู้ค่ะ เมื่อกี้เหมือนลุงมาร์คจะล็อกประตูออกไปแล้วนะคะ”

 

 

ซานเอ๋อร์ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ถอนหายใจและพูดเบาๆ ว่า “เสี่ยวจือ ลูกย้ายเก้าอี้มาตรงนี้ อยู่เป็นเพื่อนแม่ดีไหม?”

 

 

“ดีค่ะ! แม่จะเล่านิทานให้หนูฟังใช่ไหมคะ?”

 

 

“ได้สิ แม่จะเล่านิทานให้หนูฟังเอง” ซานเอ๋อร์ยิ้ม “หนูอยากฟังเรื่องอะไรจ๊ะ?”

 

 

“เรื่องสโนว์ไวท์กับเห็ดใหญ่ทั้งเจ็ดค่ะ!”

 

 

 

 

 

 

เขาเลี้ยวกลับด้านหน้า จากนั้นก็เลี้ยวซ้าย…มาร์คไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเลือกไปในทิศทางนี้

 

 

แม้ว่าเขาจะไม่เห็นเงาร่างแปลกตาตรงถนนด้านหน้า แต่เขาก็เลือกมันตามสัญชาตญาณของตัวเขาเอง

 

 

ส่วนสัญชาตญาณนี้มาได้อย่างไรนั้น มาร์คไม่ได้คิดถึงมัน

 

 

เขายังคิดไม่ออกว่าเขาเป็นใครและมาจากไหน…แต่ก็คิดเรื่องบางเรื่องได้

 

 

เช่นบางอย่างที่เป็นประโยชน์

 

 

ในที่สุดมาร์คก็หยุดอยู่ในซอยสั้นๆ ซอยหนึ่ง เขาหยุดลงที่ตรงกลางซอย นัยน์ตาฉายแววดุดันขึ้นมากวาดตามองทุกซอกทุกมุมของซอย!

 

 

ทันใดนั้นมาร์คก็กวาดแขนไปที่ด้านหลังของเขาอย่างรุนแรง!

 

 

ทันทีที่ฝ่ามือดุจมีดดาบกวาดไปข้างหลังของเขาได้ร้อยแปดสิบองศา เขาก็เห็นเงาร่างสายหนึ่งก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวอย่างรวดเร็วเพื่อหลบหนีจากองศาการกวาดมือ

 

 

ตรงหน้าเป็นหญิงสาวผมขาวสวมชุดแปลกประหลาด สองมือสอดไว้ในกระเป๋า…เป็นนีโร

 

 

“ยังตอบสนองไวเหมือนสัตว์ป่าไม่เปลี่ยนเลยนะ เข้าใกล้นายไม่ได้เลยจริงๆ” นีโรหันหน้ามา “ไม่เจอกันนานเลยนะ คุก”

 

 

“เธอ…รู้จักฉันงั้นเหรอ” มาร์คขมวดคิ้วขึ้น

 

 

ทันใดนั้นนีโรก็ขมวดคิ้วขึ้น ก่อนงอขาลงอย่างฉับพลัน…ใช้สองขาเรียวยาวเตะออกไปอย่างกะทันหัน

 

 

มาร์คชะงัก ดูเหมือนจะไม่ค่อยสบายใจกับการลงมืออย่างกะทันหันของผู้หญิงแปลกประหลาดคนนี้ เขายื่นมือออกไปขวาง แต่ก็ถูกแรงเตะกระแทกจนชนเข้ากับกำแพงอย่างรุนแรง

 

 

นีโรไม่ได้โจมตีต่อ เพียงแค่หันหน้าไปถามว่า “ใช่แล้ว…คุก หอกแห่งความตายของนายล่ะ?”

 

 

“เธอเป็นใครกันแน่? รู้จักฉันงั้นเหรอ” มาร์คขมวดคิ้วแน่นขึ้น…แต่เพราะเพิ่งโดนโจมตีมาดังนั้นตอนนี้เขาจึงระมัดระวังตัวอย่างเต็มที่

 

 

“มีดยามะ เจ้านี่กำลังโกหกหรือเปล่า?”

 

 

นีโรหันหน้าไปมองกระบอกสีดำยาวที่แบกไว้ด้านหลัง…แต่เพียงพริบตาเดียว นีโรก็พยักหน้า “ไม่เหมือนกำลังโกหก…งั้นก็หมายถึงว่าคงถามอะไรไม่ได้ชั่วคราวสินะ”

 

 

ในที่สุดเธอก็เอาสองมือออกมาจากกระเป๋า จับผมของตัวเองเหมือนคนแก่และพึมพำว่า “อา…ยุ่งยากจริงๆ ทำไมถึงสูญเสียความทรงจำได้? พานายกลับไปงั้นเหรอ? ฉันไม่อยากหิ้วคนไม่รู้เรื่องเดินทางไกลด้วยหรอกนะ…ตอนแรกฉันตั้งใจไว้ว่าจะฉวยโอกาสภารกิจครั้งนี้กลับไป ‘บ้านเกิด’ สักหน่อย แต่ภารกิจมีเวลาจำกัด กว่าจะได้ออกมาสักครั้งก็ไม่ง่าย…แล้ว ทำไมนายต้องความจำเสื่อมด้วย? ฉันหาคุกตัวปลอมเจอหรือยังไงกัน…”

 

 

มาร์คยังคงไม่มีความทรงจำใดๆ เกี่ยวกับผู้หญิงแปลกประหลาดตรงหน้า…แต่สัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่า เขากับผู้หญิงคนนี้มีความสัมพันธ์บางอย่างที่คลุมเครือต่อกัน

 

 

แต่ผู้หญิงคนนี้…พูดมากเกินไปหน่อยไหม?

 

 

ชอบพูดเองเออเอง?

 

 

“เธอควรจะบอกสิ่งที่เธอรู้ให้ฉันฟังดีกว่าจะมาบ่นอยู่ที่นี่” มาร์คเสนอความเห็นของตัวเองออกไปโดยไม่ละความระมัดระวัง

 

 

“อืม…เอาเถอะ นายจำอะไรไม่ได้ต่อไปเถอะ ฉันไปละ”

 

 

คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงผมขาวตรงหน้าจะพูดแบบนี้ออกมาแล้วกระโดดขึ้นไปบนกำแพง จากนั้นก็ก้มลงมาพูดว่า “ถึงนายจะจำอะไรไม่ได้ แต่ร่างกายยังดีอยู่ อย่างน้อยก็คงไม่ตาย”

 

 

“พูดให้มันชัดหน่อยสิ!”

 

 

นีโรยิ้มจนดวงตาโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยว “เรื่องทางสภาทั้งยี่สิบหกฉันจะช่วยนายจัดการเอง…นายเพลิดเพลินไปกับชีวิตที่นี่เถอะ…แต่อย่าลืมว่านายติดหนี้บุญคุณฉันแล้วหนึ่งครั้ง!”

 

 

พูดแล้ว นีโรก็โบกมือให้ผู้ชายที่มีสีหน้าหมดอาลัยตายอยาก และสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวเก่าอย่างร่าเริง “อัน นยอง ฮี คเย เซ โย (ลาก่อน)”

 

 

จากนั้นเธอก็กระโดดหายไป