บทที่ 6 บทที่ 74 เวลายังไม่สงบ

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

มีบางครั้ง…ไม่ น่าจะพูดว่าส่วนมาก ซานเอ๋อร์จะแอบคิดไปเองว่าตัวเองแต่งงานเร็วเกินไปหรือเปล่า

 

 

แต่เธอก็รักเสี่ยวจือลูกสาวของตัวเอง และก็ไม่เคยเสียใจเพราะเรื่องนี้มาก่อน

 

 

แต่เธอก็มักแอบส่องกระจกร้องไห้อยู่คนเดียวตอนกลางคืน…มองความสาวของตัวเองในกระจกจนค่อยๆ พร่ามัว…ด้วยเพราะดวงตาขุ่นมัว

 

 

เธอถามตัวเอง แต่จำนวนครั้งที่ถามก็ไม่มาก แต่ทุกครั้งที่ถามก็มักจะถามหลังร้องไห้ตลอด

 

 

เธอถามว่า “โลกภายนอกมีหน้าตาเป็นยังไง”

 

 

นอกจากที่ร้องไห้อยู่คนเดียวกลางดึกแล้ว ในช่วงเวลาที่อ่อนแอเธอก็มักจะถามตัวเองแบบนี้เช่นกัน

 

 

แต่ช่วงเวลาที่อ่อนแอในครั้งนี้ ซานเอ๋อร์กลับไม่มีปัญหาแบบนั้นแล้ว เธอคิดเพียงว่าทำไมตัวเองถึงมาป่วยในช่วงเวลาแบบนี้ได้

 

 

แน่นอนว่าเป็นเพียงแค่หวัดเล็กน้อยเท่านั้น ไม่หนักหนาอะไร แต่สำหรับซานเอ๋อร์ที่ดูแลร้านขายเต้าหู้คนเดียวแล้ว หวัดเป็นเรื่องที่ไกลตัวมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเธอยังต้องดูแลเสี่ยวจือลูกสาวของเธออีกด้วย

 

 

“เธอทำงานหนักจนเป็นปกติ เมื่อได้ผ่อนคลายเล็กน้อยถึงรู้สึกล้า เป็นหวัดก็เรื่องปกติ ถือโอกาสนี้พักผ่อนหน่อยเถอะ เธอสะสมความเหนื่อยล้ามากไปแล้ว”

 

 

หมอชราที่สถานีอนามัยหมู่บ้านพูดกับซานเอ๋อร์ แต่เธอคิดไม่ออกว่าตัวเองผ่อนคลายลงตั้งแต่เมื่อไหร่?

 

 

กระดูกอ่อนปวกเปียกและร่างกายไร้เรี่ยวแรง…เช้าวันนี้ซานเอ๋อร์ลุกจากเตียงไม่ได้ เธอคิดว่าคงเป็นเพราะยาแก้หวัดที่กินเมื่อคืนเป็นเหตุ

 

 

ซานเอ๋อร์ก่ายหน้าผาก มองดูเพดานที่ค่อนข้างเก่า ขณะเดียวกันบนร่างก็คลุมด้วยผ้าห่มหนา…เธอรู้ว่าตัวเองควรต้องให้เหงื่อออกหน่อยถึงจะดี

 

 

ข้างเตียงยังมีโจ๊กวางอยู่ถ้วยหนึ่ง…ซึ่งมาร์คเป็นคนต้มให้

 

 

ซานเอ๋อร์คิดไม่ถึงว่าผู้ชายต่างชาติจะต้มโจ๊กแบบนี้ได้ แน่นอนว่ามาร์คให้เสี่ยวจือถือเข้ามา เขาไม่ได้ทำอะไรเกินเลย

 

 

ผู้ชายคนนี้…จะอยู่นานแค่ไหนกันแน่? เขามีที่มาเป็นอย่างไร?

 

 

ซานเอ๋อร์ยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงยอมให้ผู้ชายที่ไม่รู้ที่มาชัดเจนคนนี้มาอาศัยอยู่ด้วย…เขาอาจจะอันตรายก็ได้ เพราะคนธรรมดาที่ไหนจะลอยมาบนแม่น้ำ อีกทั้งยังสูญเสียความทรงจำอีก

 

 

บางทีเขาอาจจะทำอะไรผิดมา

 

 

เชื้อหวัดที่ทำให้ร่างกายคนอ่อนแอเหมือนจะโจมตีสติของซานเอ๋อร์ ทำให้เธออดคิดฟุ่งซ่านไม่ได้

 

 

เธอพ่นลมหายใจร้อนออกมาจากปากและรู้สึกไม่สบายตัว เหงื่อจำนวนมากซึมออกมาจนเสื้อแนบไปกับตัว

 

 

ในหัวของซานเอ๋อร์ดูเหมือนจะมึนงงไปพร้อมกับความร้อนที่เพิ่มขึ้น เหมือนเธอจะจมเข้าไปในภาพมายาและรู้สึกทรมานขึ้นมา

 

 

เธอยื่นมือเข้าไปใต้ผ้าห่มตามสัญชาตญาณ มือที่บดหินมานานหลายปีจนหยาบกระด้างแต่ยังคงเรียวบาง…นิ้วมือเหมือนมีเวทมนตร์ดึงดูดชนิดหนึ่งที่เธอยากจะห้ามปรามติดอยู่

 

 

อา…

 

 

เสียงเบาๆ ดังออกมาจากริมฝีปากของเธอ ความรู้สึกมึนชาที่ไม่ได้รู้สึกมานานค่อยๆ แผ่กระจายออกมาจากหน้าอกจนเธอสั่นสะท้าน

 

 

ครั้งนี้ความรู้สึกยิ่งรุนแรงมากขึ้น เหมือนกับภูเขาไฟระเบิดทำลายสติที่หลงเหลืออยู่ของเธอในพริบตา

 

 

ซานเอ๋อร์หดตัว มืออีกข้างเข้าไปอยู่ในผ้าห่มอย่างไม่รู้ตัว

 

 

ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกละอายใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน…และขณะเดียวกันก็เกิดแรงกระตุ้นที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นกัน แรงกระตุ้นนี้ทำให้หัวใจของเธอเต้นเร็วอย่างผิดปกติ

 

 

เธอรู้ดีว่าเสี่ยวจือลูกสาวของของตัวเองกำลังดูโทรทัศน์อยู่ข้างนอก และรู้ว่าผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นอยู่ในห้องเก็บของข้างห้องของเธอ

 

 

แต่ทำไม?

 

 

เพียงเพราะแรงกระตุ้นเล็กน้อยนี้…ก็สั่นคลอนเส้นประสาททั้งหมดของตนเอง?

 

 

ทุกส่วนบนผิวของซานเอ๋อร์เกิดความรู้สึกไวต่อสิ่งเร้าขึ้นมา

 

 

ตอนนี้เธอรู้สึกปรารถนาบางอย่าง สัญชาตญาณป่าเถื่อนตามธรรมชาติเริ่มเกิดขึ้นในร่างกายของเธอ

 

 

เธอเพิ่งอายุได้ยี่สิบเจ็ดปีเท่านั้นเอง

 

 

นอกจากฝ่ามือที่หยาบเล็กน้อยแล้ว เธอก็มีความงามและความปรารถนาอันยากจะระงับที่ผู้หญิงวัยนี้ควรมีอยู่ทั้งหมด

 

 

เธอปรารถนาและต้องการให้ร่างกายถูกของแข็งอะไรสักอย่างทิ่มแทง!

 

 

ถูกอะไรที่แข็งแกร่งรุนแรง ไร้ความเหน็ดเหนื่อย สร้างความสุขให้กับตัวเอง…สิ่งที่ทรงพลังทิ่มแทงเข้าไปในร่างกายของเธอ ไปจนถึงจิตวิญญาณของเธอ

 

 

เหงื่อไหลลงไปตามปลายผมของเธอผ่านคอถึงไหปลาร้า สะดือเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อรวมไปถึงส่วนใต้สะดือ หัวใจเต้นเร็วขึ้นทำให้ร่างกายของเธอมึนงงมากขึ้น

 

 

ร่างกายของเธอหดตัวงอโดยไม่รู้ตัว…ภายในผ้าห่ม ส่วนลึกในสองขาของซานเอ๋อร์หนีบนิ้วของตัวเองเอาไว้แน่น

 

 

นิ้วเท้าของเธอยืดตึง

 

 

ท่ามกลางความยุ่งเหยิง ซานเอ๋อร์กัดมุมผ้าห่มแน่นและส่งเสียงที่เธอควบคุมไว้ไม่อยู่ออกมา ตามสัญชาตญาณแล้วเธอก็ไม่อยากจะข่มเสียงเอาไว้

 

 

เสียงที่หญิงสาวอายุยี่สิบเจ็ดปีข่มไว้นานหลายปี เสียงตามสัญชาตญาณของผู้หญิงปะทุขึ้นจากส่วนลึกของหัวใจ

 

 

“แม่!! เป็นอะไรคะ!! คุณแม่!! คุณแม่!!”

 

 

 

 

ทันใดนั้น เสียงของเสี่ยวจือก็ดังขึ้นข้างหู ทำให้ซานเอ๋อร์รู้สึกเหมือนโดนฝนน้ำแข็งตกใส่ ร่างกายแข็งทื่อขึ้นมาในพริบตา และในขณะเดียวกันของเหลวอุ่นก็เหมือนถูกเปิดประตูค่อยๆ ขับออกมา

 

 

สมองของซานเอ๋อร์สับสนวุ่นวาย เพราะในตอนที่เธอลืมตาขึ้นมานั้น นอกจากจะเห็นเสี่ยวจือแล้วก็ยังเห็นมาร์คอีกด้วย

 

 

ผู้ชายต่างชาติคนนี้กำลังขมวดคิ้วมองซานเอ๋อร์ด้วยสีหน้าแปลกประหลาด

 

 

บางทีเขาอาจจะเดาออกแล้วว่าภายใต้ผ้าห่มนั้นซ่อนอะไรไว้…อาจจะเป็นการกระตุ้นหรือเรื่องน่าอาย

 

 

“คุณแม่! คุณแม่ ไม่สบายเหรอคะ? เมื่อครู่นี้เสี่ยวจือได้ยินเสียงแม่ร้องเหมือนกำลังทรมาน!” เสี่ยวจือมองซานเอ๋อร์อย่างไร้เดียงสา ดูเหมือนคิดจะปีนขึ้นมาบนเตียง “หนูพาลุงมาร์คมาดู! คุณแม่ ยังรู้สึกไม่สบายอยู่ไหมคะ?”

 

 

“ออก…ออกไปก่อน!” ซานเอ๋อร์ทั้งอายทั้งโมโหใช้น้ำเสียงดุดันพูดกับลูกสาวเป็นครั้งแรก “อย่าเข้ามา! ออกไปซะ!!”

 

 

“คุณแม่…ฮือ!!”

 

 

เด็กหญิงไม่เคยเห็นแม่ของตัวเองดุแบบนี้มาก่อน จึงร้องไห้ออกมาในทันที เสียงใสก้องกังวานมาก!

 

 

ในเวลานี้คุกกลับขมวดคิ้ว ไม่พูดอะไร เพียงแต่อุ้มเสี่ยวจือขึ้นมาและเดินออกไปจากห้อง อีกทั้งยังปิดประตูให้ด้วย

 

 

ซานเอ๋อร์ลุกขึ้นนั่ง สอดสองมือเข้าไปในผมและกุมหน้าของตัวเอง

 

 

เธอไม่เข้าใจ…ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่กันแน่

 

 

เธอเพียงรู้สึกว่านับจากวินาทีนี้ไป เหมือนชีวิตของเธอจะเริ่มวุ่นวายขึ้นมาจริงๆ แล้ว!

 

 

 

 

 

 

เสี่ยวจือนั่งคุดคู้อยู่บนบันไดหินนอกประตูด้านหลังร้านเต้าหู้และก้มหัวร้องไห้

 

 

มาร์คนั่งอยู่เป็นเพื่อนเงียบๆ ไม่พูดอะไรเหมือนไม่ใส่ใจกับเหตุการณ์นี้ หลังจากผ่านไปนานแล้ว เสี่ยวจือจึงเงยหน้าขึ้นมาเช็ดจมูก

 

 

แต่ดวงตาและใบหน้าของเด็กหญิงกลับช้ำเพราะร้องไห้หนัก

 

 

มาร์คมองแวบหนึ่งและยื่นกระดาษทิชชู่ไปให้เสี่ยวจือ ซึ่งเขาเอามันมาจากห้องนั่งเล่นตอนที่อุ้มเสี่ยวจือออกมา

 

 

เสี่ยวจือที่เดิมทีหยุดร้องแล้วเริ่มมีน้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง ดูเหมือนเด็กหญิงจะหาคนระบายความคับข้องใจของเธอพบแล้ว จึงเริ่มร้องไห้หนักอีกรอบ

 

 

คิดไม่ถึงว่ามาร์คจะพูดว่า “ได้ร้องไห้ก็ถือว่าแล้วไป ฉันไม่มีหน้าปลอบเธอหรอกนะ”

 

 

แต่เด็กหญิงก็ไม่รู้ว่าคำว่า ‘หน้าที่’ นั้นหมายถึงอะไร เพียงรู้สึกว่าลุงมาร์คดุเหมือนแม่ของตัวเองแล้ว

 

 

เมื่อมาร์คมองเห็นปากของเสี่ยวจืออ้าและเสียงกำลังจะส่งเสียงร้อง มาร์คก็ขมวดคิ้วขึ้นอย่างฉับพลันและอุ้มเสี่ยวจือขึ้นมา

 

 

มาร์คอุ้มเสี่ยวจือไว้ที่เอวด้วยมือเดียว ส่วนอีกมือก็โบกเหมือนกับดึงอะไรออกมากลางอากาศ มีบางอย่างยิงมาที่ข้างกายของเขา!

 

 

ของเล็กๆ ที่ถูกยิงออกมาถูกมาร์คคว้าไว้กลางฝ่ามือ ในที่สุดร่างกายของมาร์คก็หยุดมือ

 

 

เสี่ยวจือก็พลันหยุดร้องไห้แล้วเช่นกัน เธอเบิกตากว้างจ้องมองมาร์ค ดูเหมือนสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นมันน่าตื่นเต้น…และสนุกมาก

 

 

มาร์คแบมือออกทำให้เห็นห่อลูกกวาดเม็ดหนึ่ง

 

 

พูดให้ชัดก็คือหมากฝรั่งห่อหนึ่ง