บทที่ 6 บทที่ 73 ซุบซิบนินทา

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

ไม่นานเฉิงอี้หรานก็กลับไปถึงบ้านพักของจงลั่วเฉิน อีกทั้งยังเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในสมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ดให้เขาฟัง

 

เฉิงอี้หรานไม่ได้บอกทั้งหมดว่านอกจากขอบเขตที่เป็นข้อจำกัดของกีตาร์แล้ว ยังมีข้อจำกัดอีกอย่างที่เขายังไม่เข้าใจ

 

หากทำนองในหัวใจเปลี่ยนไปแล้ว เวทมนตร์ก็จะหายไป…เป็นทำนองยังไงกันแน่?

 

ทำนองในหัวใจ

 

 

“เขาพูดแบบนั้นจริงๆ เหรอ?”

 

จงลั่วเฉินนิ่งจมเข้าสู่ความคิด เมื่อได้ยินเฉิงอี้หรานพูดถึงประโยคสุดท้ายของพ่อค้าลึกลับให้ฟัง

 

ตอนนี้เฉิงอี้หรานถึงพบว่า ตอนที่คุณจงผู้มีทรัพย์สมบัติมหาศาลผู้นี้นิ่งเงียบนั้นดูน่ากลัวเป็นพิเศษ

 

เขารู้สึกเหมือนตัวเองมองเห็นคนปลอมคนหนึ่ง

 

“ผมคิดว่าที่เขาพูดก็ถูก” เฉิงอี้หรานพูด “ในเมื่อคุณเองก็เป็นลูกค้า ทำไมถึงยังต้องให้ผมไปถามด้วย…ไม่มีเหตุผลที่จะไปไม่ได้นิ? ยังไงตัวคุณเองก็ไปได้”

 

จงลั่วเฉินกลับถามว่า “คุณไม่พอใจที่ผมให้คุณออกหน้างั้นหรือครับ?”

 

อารมณ์ที่ขึ้นสูงของเฉิงอี้หรานถูกกดให้อ่อนลง ตอนนี้ยังอ่อนลงไปอีกเมื่อถูกจงลั่วเฉินมองมา เมื่อคิดถึงตัวเขาเองซึ่งนอกจากมีกีตาร์แล้วก็ไร้ที่พึ่งยามอยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้ จึงยิ่งรู้สึกอ่อนแอมากขึ้น

 

แต่เขายังคงสบถออกมาคำหนึ่ง…ต้องโทษตัวเขาเองที่จิตใจสับสนตั้งแต่ตอนแรก เมื่อจิตใจสับสนวุ่นวายก็ทำอะไรไปอย่างไม่คิด หากเทียบกับลูกหลานของตระกูลมั่งคั่งที่ถูกฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กเช่นนี้แล้วก็ด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด

 

“หากจำเป็นผมจะไปเอง”

 

ทันใดนั้นจงลั่วเฉินก็หัวเราะออกมา “สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือปัญหาของคุณ…ในเมื่อรู้แล้วว่ากีตาร์มีขอบเขตจำกัด ก็ต้องไม่ทำให้พวกเราดูแย่”

 

เฉิงอี้หรานชะงักและถามว่า “คุณมีแผนการยังไงครับ?”

 

จงลั่วเฉินหรี่ตาลงยิ้มและเอ่ยว่า “ก็คิดหาวิธีใช้ประโยชน์จากขอบเขตนี้ให้เต็มที่น่ะสิ…คุณพักผ่อนให้ดีเตรียมตัวเรื่องรายการครั้งต่อไปวันเสาร์นี้ พวกเรายังมีเวลาเตรียมตัวอยู่เยอะ”

 

ผ่านไปไม่นาน เฉิงอวิ๋นก็หิ้วกระเป๋าของเฉิงอี้หรานกลับมา ในตอนนี้สองมือของผู้อำนวยการบริษัทเฟยอวิ๋นเต็มไปด้วยถุงเล็กถุงใหญ่ ดูตลกมาก

 

แต่เฉิงอวิ๋นที่เพิ่งกลับมาก็ถูกเฉิงอี้หรานสั่งให้ออกไปข้างนอกอีก…ผู้ติดตามคนสนิทก็ดูไม่ใช่งานง่ายๆ นะ?

 

“สวัสดีครับ เจ้าของสถานีโทรทัศน์ใช่ไหม…ใช่ ผมเองเฉิงอวิ๋น เรื่องรายการในสัปดาห์หน้า บริษัทของพวกเราต้องการสนับสนุนเพิ่มเติม คำขอเหรอครับ? มีแน่นอน…คุณวางใจได้ พวกเราจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องผลการแข่งขัน ใช่ คุณวางใจได้ พวกเราแค่ต้องการช่วยคุณทำให้รายการใหญ่ขึ้นหน่อยเท่านั้น คุณฟังผมนะ พวกเราคิดจะจัดรายการครั้งต่อไปที่ ‘สนามกีฬาดอกบัวบาน’…เป็นยังไงบ้าง? จุคนได้เกือบเจ็ดหมื่นคน สำหรับรายการโทรทัศน์แล้วดูน่าตกใจใช่ไหม? อีกทั้งไม่ใช่แค่สัปดาห์หน้า แต่ต่อไปทุกๆ สัปดาห์ พวกเราก็จะสนับสนุนแบบเดียวกัน! จนกว่ารายการซีซั่นนี้ของพวกคุณจะจบลง!”

 

เจ้าของสถานีโทรทัศน์ผู้ถูกคนภายนอกเรียกว่าเจ้าของสถานีโทรทัศน์ซิดนีย์รีบตกลงทันที!!

 

เจ้าของสถานีโทรทัศน์ซิดนีย์ตกลงโดยไม่พูดอะไรต่อ และเรียกผู้กำกับรายการมาพูดคุย

 

แต่คิดไม่ถึงว่าผู้กำกับรายการจะขมวดคิ้วและให้ความเห็นต่างออกไป

 

“เจ้าของสถานีโทรทัศน์! หากรายการกลายเป็นแบบนั้นคงไม่ดีแน่ พื้นที่ใหญ่ขนาดนั้น หากตัวนักดนตรีมีข้อบกพร่องก็จะง่ายในการถูกเสียงและช่องว่างที่กว้างเกินไปกลบเอาได้ ถ้าไม่จัดในรูปแบบเล็ก รายการก็จะหมดความหมายทันที”

 

“ฉันต้องการแค่เรตติ้งเท่านั้น! ที่นายต้องการก็แค่งาน! นี่ก็พอแล้ว!”

 

ผู้กำกับรายการถอนหายใจ เพียงแต่ลอบพูดในใจว่า ‘ระบบ’

 

งั้นก็ทำงานเถอะ

 

 

 

กระแทก กระแทก

 

“อืม…หน้าใหม่เอาชนะหน้าเก่างั้นเหรอ?”

 

บนรถโดยสารขนาดเล็กที่เก่าอย่างเห็นได้ชัด มีหญิงสาวดูแปลกตั้งแต่ผมขาวทั้งหัวและเสื้อผ้านั่งเป่าหมากฝรั่งทั้งวันอยู่คนหนึ่ง ซึ่งดึงดูดสายตาของคนบนรถไม่น้อย

 

“เป็นเรื่องของหน้าใหม่อีกแล้ว…น่าเบื่อจริงๆ”

 

นีโรขยับนิ้วบนโทรศัพท์ รถโดยสารคันนี้ช้าเกินไปจนเธอเบื่อและฆ่าเวลาไปกับการอ่านข่าวสารไร้สาระบนอินเตอร์เน็ต

 

และไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน นีโรที่ง่วงงุนถึงได้ยินเสียงคนขับรถตะโกนมาบอกให้ลงจากรถ

 

และยังดึงดูดสายตาของทุกคนบนรถเช่นเดิม แต่นีโรก็ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ลอบเป่าหมากฝรั่งในปากออกมา

 

ก่อนลงจากรถ นีโรยังแปะหมากฝรั่งไว้บนราวจับขึ้นรถ จากนั้นก็เผยรอยยิ้มอันชั่วร้ายออกมา

 

ได้แกล้งคนสักหน่อยมันสะใจจริงๆ…

 

นีโรประสานมือ ยืดกล้ามเนื้อ จากนั้นก็พิจารณาดูป้ายหน้าทางเข้าหมู่บ้าน

 

หมู่บ้านหรูสุ่ย

 

“คุกหลบอยู่ที่นี่งั้นเหรอ?”

 

นีโรหาวด้วยท่าทางดูง่วงงุน ลูบท้องของตัวเอง และเอ่ยอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า “อา ท้องของฉัน หาอะไรกินก่อนดีกว่า…”

 

 

การซุบซิบนินทาในหมู่บ้านหรูสุ่ยมักจะเริ่มต้นกระจายที่ข้างแม่น้ำ

 

ส่วนทำไมถึงเป็นข้างแม่น้ำ? ก็เป็นเพราะที่นี่มีคนมาซักผ้าต้องกลางวันจำนวนมาก…ส่วนคนที่มาซักผ้า ส่วนมากก็เป็นพวกผู้หญิงในหมู่บ้านผู้ชื่นชอบพูดคุยเล่นเพื่อความบันเทิงในชีวิตประจำวัน

 

ดังนั้นจึงเรียกย่อๆ ได้ว่าบรรดาป้าๆ ที่ไม่ทำอะไรนอกจากซุบซิบนินทา

 

ป้าที่ไม่ทำอะไรนอกจากซุบซิบนินทาหมายเลขหนึ่งพูดว่า “ไอ้หยา ฉันจะเล่าให้ฟัง เมื่อวานตอนฉันเดินผ่านร้านของซานเอ๋อร์มองเห็นผู้ชายคนหนึ่งด้วยล่ะ!”

 

ป้าที่ไม่ทำอะไรนอกจากซุบซิบนินทาหมายเลขสองพูดอย่างดูถูกว่า “ชิๆ ข่าวเก่าแล้ว! ฉันเจอตั้งหลายวันก่อนแล้ว!”

 

ป้าที่ไม่ทำอะไรนอกจากซุบซิบนินทาหมายเลขสามพูดทับว่า “พวกเธอช้าไปแล้ว! วันนั้นฉันยังเห็นซานเอ๋อร์กับผู้ชายคนนั้นกำลังกอดกันอยู่ที่หลังบ้านเลย!”

 

หมายเลขสี่ “ฉันได้ยินว่าอยู่มาหลายวันแล้ว!”

 

หมายเลขห้า “ฉันได้ยินว่า เจ้าอันธพาลจางคุนต่อยตีกับผู้ชายคนนั้น! จางคุนสู้ไม่ได้ถึงเข้าโรงพยาบาล แต่ไม่มีหน้าไปเล่าให้คนอื่นฟัง ถึงได้บอกว่าบังเอิญเดินตกหลุม!”

 

หมายเลขหก “ได้ยินมาว่าเป็นคนต่างชาติ!”

 

หมายเลขเจ็ด “ช่วงนี้มีข่าวใหม่อะไรมาไม่ใช่เหรอ? พวกเราได้ยินว่า ซานเอ๋อร์คนนี้ประพฤติไม่เหมาะสม! ใช้โทรศัพท์คุยผู้ชายถึงได้หลอกคนต่างชาติมาได้! ชิๆ ชิๆ!”

 

หมายเลขแปดพูดว่า “คงจะทนอยู่คนเดียวไม่ได้ ไม่มีผู้ชายมาหลายปีแล้วจะทนได้ยังไง! ไอ้หยา ไม่รู้ว่าอันนั้นของคนต่างชาติใหญ่มากจริงๆ หรือเปล่า…ชิๆ ชิๆ!”

 

ยังมีหมายเลขเก้าหมายเลขสิบ สิบเอ็ด สิบสอง สิบสาม สิบสี่ สิบห้า สิบหก สิบเจ็ด สิบแปด สิบเก้า

 

เสียงเหล่านี้เหมือนเสียงแมลงวันบินว่อนกลับไปกลับมา ดังหึ่งๆ อยู่ข้างหู ช่วงนี้ซานเอ๋อร์จึงไม่ค่อยได้ไปซักผ้าที่ข้างแม่น้ำเท่าไร

 

เพียงแต่คนในหมู่บ้านซึ่งวิ่งมาซื้อเต้าหู้ที่ร้านของเธอมักจะมีความคาดหวังและกระตือรือร้นกว่าเดิม ส่วนสายตาก็ชอบมองไปยังที่พักหลังร้านของเธออยู่เสมอ

 

รังเกียจสถานที่แห่งนี้

 

นับตั้งแต่สามีจากไป ซานเอ๋อร์ก็รังเกียจสถานที่แห่งนี้

 

รังเกียจ…มาก!