ตอนที่ 661: บรรพชนของตระกูลไป๋ (3)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 661: บรรพชนของตระกูลไป๋ (3)

เจี้ยนเฉินเดินไปที่ห้องของไป๋หยุนเทียนแล้วหยุดที่หน้าประตู สาวใช้ 2 คนซึ่งยืนอยู่ที่นั่นพูดขึ้นด้วยความเคารพ “คารวะนายน้อยสี่ ! ” ” ฮูหยินสี่ นายน้อยสี่ได้กลับมาแล้ว “

“อะไรนะ ? เซียงเอ๋อกลับมาแล้วงั้นหรือ ? ” เสียงนุ่ม ๆ ของไป๋หยุนเทียนดังขึ้นก่อนที่นางจะพุ่งออกมาจากห้อง เสียงเท้าของนางดังขึ้นก่อนที่ประตูห้องจะเปิดออกอีก

“เจ้าสองคนไปได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องมาเฝ้าที่นี่ ถ้าข้าไม่ได้สั่งห้ามใครเข้ามาในห้องนี้” เจี้ยนเฉินสั่งสองสาวก่อนจะเดินเข้าไป

“สาวใช้ได้ยินและจะทำตามที่สั่ง ” สาวใช้โค้งให้ก่อนจะเดินจากไป

“เซียงเอ๋อ ในที่สุดเจ้าก็กลับมา ! ครั้งนี้เจ้าต้องอยู่ให้นานหน่อย” ไป๋หยุนเทียนพูดขึ้นด้วยความตื้นตันใจ นางสวมชุดสีขาวพร้อมกับรอยยิ้มอันอบอุ่นราวทักทายลูกของตนเอง

แม้จะอย่างนั้น เจี้ยนเฉินก็ทำท่าทีราวกับนี่เป็นแม่แท้ ๆ ของตน ” ท่านแม่ ลูกอกตัญญู ไม่ค่อยได้ใช้เวลาอยู่กับท่าน ช่วงนี้ท่านเป็นยังไงบ้าง ? “

“ดี แม่ของเจ้าได้ใช้เวลาอันเงียบสงบที่นี่ แต่เจ้า เซียงเอ๋อ เจ้าต้องเหนื่อยมากแน่ ๆ กับการวิ่งไปวิ่งมาทั้งวัน” ไป๋หยุนเทียนพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง

“เซียงเอ๋อ เราได้ยินข่าวมาว่าสองวันก่อนมีเซียนผู้คุมกฎที่แข็งแกร่งจากนิกายพยัคฆ์มังกรได้มาโจมตีเจ้าก่อนจะโดนไล่กลับไป นั่นจริงหรือไม่ ? “

เจี้ยนเฉินพยักหน้าพร้อมกับยิ้มออกมานิด ๆ ” นั่นถูกต้อง ท่านแม่ กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีตอนนี้ได้แข็งแกร่งยิ่งกว่าแต่ก่อน ต้องขอบคุณลูกชายของท่าน กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีตอนนี้ได้มีเซียนผู้คุมกฎเพิ่มขึ้นมาอีก 2 คนแล้ว “

“นั่นจริงรึ ? โอ้ ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ ! ” ใบหน้าของไป๋หยุนเทียนเต็มไปด้วยความดีใจ นางได้ยินข้อมูลนี้เมื่อสองวันก่อนแต่นางอยากได้ยินจากปากของเจี้ยนเฉินเอง แม้ว่านี่จะเป็นครั้งที่สองแต่มันก็ยังคงทำให้นางอึ้งอยู่ดี

“เซียงเอ๋อ แม่ของเจ้าได้ยินมาว่าเจ้าได้ขึ้นไปยังระดับเซียนผู้คุมกฎแล้ว นั่นจริงด้วยหรือไม่ ? ” ไป๋หยุนเทียนถามออกมาอีก น้ำเสียงนางดูกังวลเล็กน้อยราวกับว่าคาดหวังบางอย่างจากลูกชายของนาง

เขายิ้มแบบเจ็บปวดให้กับนาง ” ท่านแม่ ลูกชายของท่านยังอยู่ในระดับเซียนสวรรค์ แต่ข้ามีพลังพอสู้กับเซียนผู้คุมกฎได้ อย่างมากเซียนผู้คุมกฎที่อยู่ในระดับอ่อนแอที่สุดก็ไม่เป็นภัยต่อลูกชายท่านมาก “

ครั้งนี้ ไป๋หยุนเทียนตอบกลับอะไรไม่ได้ เซียนผู้คุมกฎในสายตาของนางนั้นคือจุดสูงสุดของทวีป นางไม่คิดว่าลูกชายของนางนั้นบรรลุไปถึงขั้นนั้นได้ และในฐานะพ่อแม่ นี่เป็นความประสบผลสำเร็จอันน่าภูมิใจที่นางอยากจะรู้เกี่ยวกับมัน

นี่แหละสิ่งที่แม่จะร้องขอได้ !

เจี้ยนเฉินเงียบอยู่สักพักเช่นเดียวกัน “ท่านแม่” เขาพูดขึ้นมา “ข้ากลับมาครานี้เพราะมีเรื่องสำคัญที่อยากให้ท่านยืนยัน”

คำพูดของเขาทำให้ไป๋หยุนเทียนกลับมารู้ตัวและนางก็ได้สงบจิตใจลงก่อนจะกลับมาเป็นปกติ ” เซียงเอ๋อ บอกมาสิว่าเจ้าต้องการพูดสิ่งใด “

“ท่านแม่ ลูกคนนี้ขอถามเกี่ยวกับตระกูลไป๋ ท่านรู้ข้อมูลเกี่ยวกับบรรพชนหรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินถามออกมา

เมื่อพูดถึงตระกูลไป๋ สีหน้าของไป๋หยุนเทียนก็ได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย ความตื่นเต้นเมื่อก่อนหน้านี้ได้หายไปจากใบหน้าของนางและเปลี่ยนเป็นสลดเล็กน้อย “เซียงเอ๋อ ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกับตระกูลไป๋นั้นเกิดก่อนที่แม่ของเจ้ายังเด็ก ดังนั้นเรื่องของตระกูลไป๋ที่ข้ารู้จึงมีค่อนข้างจำกัด ข้าเพียงเคยได้เห็นหน้าตาของบรรพชนจากรูปปั้นเท่านั้น”

“ท่านแม่ ท่านรู้จักชื่อของเขาหรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินถามอีก

“ไม่ใช่แค่ว่าบรรพชนนั้นเป็นรากเหง้าของตระกูลเรา แต่เขายังอยู่ในระกับแค่เซียนผู้คุมกฎ ด้วยการที่เขาอยู่ทำให้ตระกูลไป๋นั้นกลายเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมานับพัน ๆ ปี ชื่อของเขาเองทุกคนนก็รู้ มันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ! ชื่อของบรรพชน – เขาชื่อไป๋ไฮ ! ” ไป๋หยุนเทียนตอบอย่างขมขื่น

“ไป๋ไฮ ! ใช่ ไป๋ไฮ จริง ๆ ด้วย ! นั่นแหละชื่อของเขา ! ” เจี้ยนเฉินพึมพำออกมาเล็กน้อย ในความคิดของเขา ชายชุดสีฟ้าที่เจียเต๋อไท่สู้ด้วยนั้นเริ่มจะแวบขึ้นมา

เมื่อเห็นความหมายบางอย่างในคำพูดของเจี้ยนเฉิน ไป๋หยุนเทียนจึงเริ่มสงสัย “เซียงเอ๋อ เจ้าไปได้ยินชื่อไป๋ไฮจากที่อื่นเช่นนั้นรึ ? “

เขาพยักหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา กลับกัน เขาดึงพู่กันและกระดาษออกมาจากแหวนมิติ จากนั้นเขาจึงเริ่มวาดรูปของไป๋ไฮที่เขาจำได้จากการต่อสู้ หน้าตาในรูปภาพคือชายชุดสีฟ้า ไป๋ไฮ และมันสมจริงที่แทบหาความต่างจากรูปภาพและคนจริง ๆ ไม่ได้เลย

เมื่อเอาให้ไป๋หยุนเทียนดู เจี้ยนเฉินก็ถามออกมา ” ท่านแม่ ท่านจำคนผู้นี้ได้หรือไม่ ? “

ไป๋หยุนเทียนส่ายหน้า บุคคลในภาพนี้ไม่คุ้นเลยสำหรับนาง “ข้าไม่คุ้นเลย แม่ของเจ้าไม่เคยพบคนนี้มาก่อน”

“ท่านแม่ ไม่ใช่ว่าท่านบอกว่าท่านเคยเห็นรูปปั้นของบรรพชนมาก่อนรึ ? โปรดดูให้ดี ๆ คน ๆ นี้เหมือนกับบรรพชนของเราหรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินกระตุ้น

กระดาษตกลงจากมือของเจี้ยนเฉิน ในตอนที่เขากำลังก้มหัวคิดอยู่

การกระทำก่อนหน้านี้และตอนนี้นั้นทำให้ไป๋หยุนเทียนเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ นางมองไปที่เขา ” เซียงเอ๋อ บอกแม่ของเจ้ามา คนผู้นี้ที่เจ้าได้พบอาจจะมีโอกาสเป็นบรรพชนของตระกูลไป๋เช่นนั้นรึ ? “

เขาไม่คิดปิดบังอะไร เจี้ยนเฉินพยักหน้า “ท่านแม่ ลูกของท่านได้เจอกับชายที่ชื่อไป๋ไฮ แต่ข้ายังไม่แน่ใจว่าเขาเป็นบรรพชนของตระกูลไป๋จริง ๆ ข้าต้องใช้เวลาสืบหาความจริงซะก่อน”

“เซียงเอ๋อ งั้นเจ้าจะรออะไรอยู่ ? เร็วเข้า ! รีบไปหาทางยืนยันตัวตนของเขาซะ ! ไม่ว่าเจ้าจะใช้วิธีใด เจ้าต้องหาให้ได้ว่าเขาเป็นบรรพชนของเราหรือไม่ อย่าลืมว่าเราทั้งคู่นั้นมีสายเลือดของตระกูลไป๋ไหลเวียนอยู่ ! ตราบใดที่เราสามารถหาบรรพชนของเราได้ นั่นเป็นความหวังที่ไม่อาจปล่อยผ่าน ! ” ไป๋หยุนเทียนอุทานออกมาและเร่งเขา

เจี้ยนเฉินตอบกลับ “เข้าใจแล้วท่านแม่ ลูกชายของท่านจะออกไปยืนยันว่าชายคนนี้เป็นใคร เนื่องจากไม่มีเวลาให้เสียเปล่า ลูกชายของท่านจะไปตอนนี้เลย” เขาพูดแบบนั้นเสร็จก็หันหลังกลับออกไปจากห้องโดยไม่ลังเล

ครั้งนี้ ไป๋หยุนเทียนไม่ได้มารั้งเขาไว้ “เซียงเอ๋อ รีบไปและรีบกลับมาให้เร็วที่สุด ! “