ตอนที่ 660: บรรพชนตระกูลไป๋ (2)
ด้วยที่การต่อสู้อันยิ่งใหญ่ได้จบลง เจี้ยนเฉินได้ร่ำลาทุกคนก่อนจะพานูบิสและลูกเสือขาวที่ยังหลับอยู่กลับไปที่อาณาจักรเกอซุน
เขาวางแผนไว้ในตอนแรกว่าจะไปเพียงคนเดียวแต่เมื่อเขาคิดถึงนิสัยของนูบิสแล้ว เขาก็เปลี่ยนใจ นูบิสนั้นเป็นสัตว์อสูรและกระหายเลือดโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ไม่เหมือนเจียเต๋อไท่ที่ยังคงใจเย็น เจี้ยนเฉินจึงไม่อยากทิ้งนูบิสเอาไว้ ถ้ามีบางอย่างเกิดขึ้นนั่นจะต้องเป็นปัญหาอย่างแน่นอน
เจี้ยนเฉินและนูบิสนั้นบินขึ้นไปบนฟ้าด้วยความเร็วสูง ก่อนที่นูบิสจะพูดขึ้นมา ” เจี้ยนเฉิน ข้าไม่คิดว่าเจ้ากับผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเมืองทหารรับจ้างจะรู้จักกันเช่นนี้ ข้า นูบิสผู้ยิ่งใหญ่แปลกใจอย่างมาก ตราบใดที่มีผู้อาวุโสสูงสุดคอยหนุนหลัง งั้นข้ารับรองได้เลยว่ามีคนไม่มากหรอกที่จะมาพยายามหาเรื่องกับเจ้า” นูบิส มองไปที่ลูกเสือที่อยู่ในมือของเจี้ยนเฉิน ก่อนจะเพ่งดูอีกนิด “ผู้อาวุโสสูงทุกคนของเมืองทหารรับจ้างมักจะเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์ เขาผู้นี้เองก็ดูมีความรู้มากมาย เจี้ยนเฉิน เจ้าต้องไม่บอกเรื่องพยัคฆ์ปีกเทวะ “
“ผู้อาวุโสรู้เกี่ยวกับพยัคฆ์ปีกเทวะแล้ว” เจี้ยนเฉินตอบตามจริง
“อะไรกัน ? เขารู้แล้วรึ ? ” สีหน้าของนูบิสกลายเป็นจริงจัง “นั่นไม่ดีเลย พยัคฆ์ปีกเทวะนั้นยังเด็กอยู่ แปลว่ามันยังอยู่ในวัยที่สามารถทำให้เชื่องได้ ด้วยความโลภของมนุษย์เช่นพวกเจ้า แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังต้องการมัน ถ้าพยัคฆ์ปีกเทวะนั้นเติบโตเมื่อใด มันจะมีพลังที่ไม่มีมนุษย์ผู้ใดสามารถทานทนได้ นอกซะจากมนุษย์อย่างโมเทียนหยุน”
เจี้ยนเฉินส่ายหน้า “ข้ารู้สถานการณ์นี้ดี ไม่ต้องเป็นห่วง สถานการณ์ไม่ได้ย่ำแย่อย่างที่เจ้าคิด ผู้อาวุโสเทียนเจี้ยน ผู้อาวุโสสองและผู้อาวุโสสี่น่ะเป็นเพียงพวกเดียวที่รู้เรื่องเกี่ยวกับพยัคฆ์ปีกเทวะ ทั้งสามคนไม่คิดอยากได้มันเลย อันที่จริงพวกนั้นกลับอยากให้สมบัติสวรรค์จำนวนมากกับมัน”
“นั่นจริงรึ ? ” นูบิสถามออกมา ” ช่างน่าสงสัยจริง ๆ ทำไม เมืองทหารรับจ้างถึงทำเช่นนั้น ? พวกเขาไม่รู้รึว่า พยัคฆ์ปีกเทวะนั้นน่ากลัวเพียงใด ? ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา ไม่มีทางเลยที่จะหยุดการทำลายของ พยัคฆ์ปีกเทวะได้นอกจากทำให้มันเชื่อง พยัคฆ์ปีกเทวะที่โตเต็มวัยนั้นจะเป็นภัยอันร้ายแรงแก่ทวีปเทียนหยุน”
“เรื่องนี้โมเทียนหยุนเองก็บอกมานานแล้ว มันเป็นกฎข้อแรก ๆ ที่ผู้อาวุโสสูงสุดได้กำหนดไว้” เจี้ยนเฉินตอบ
“โมเทียนหยุนบอกรึ ? ” นูบิสสงสัยยิ่งขึ้นไปอีก “หรือว่าจะมีความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดกับพวกพยัคฆ์ปีกเทวะ ? ข้อมูลที่ข้าได้ยินมาไม่เคยมีบอกเลยสักครั้งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในเรื่องนี้”
“นั่นข้าไม่รู้ แต่เวลาตั้งแต่ยุคก่อนได้ผ่านมาเนิ่นนานแล้ว ข้อมูลเล็กน้อยที่เราได้มานั้นยังไม่สมบูรณ์และไม่มีวี่แววอย่างอื่น บางทีอาจมีรายละเอียดบางอย่างที่ซ่อนไว้ซึ่งเรายังไม่รู้ก็เป็นได้” เจี้ยนเฉินเอ่ยขึ้นมา
นูบิสพยักหน้าเห็นด้วย ” นั่นข้าเห็นด้วยอย่างมาก “
หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินและนูบิสก็ได้พูดคุยกันเป็นครั้งคราว ด้วยความเร็วของพวกเขา ใช้เวลาแค่เพียง 1 วันก็เดินทางได้หลายหมื่นกิโลและได้กลับมายังอาณาจักรเกอซุน
เมื่อก้าวเข้าไปในเขตอาณาจักร เจี้ยนเฉินและนูบิสก็เดินทางต่อไปยังเมืองลอร์ ในเสี้ยวพริบตาพวกเขาก็ได้มาถึงจุดหมายที่ซึ่งกองทัพเทพดาบตะวันออกจากอาณาจักรฉินหวงกำลังตั้งค่ายอยู่ด้านนอก
“นั่นต้องเป็นกองทัพของอาณาจักรฉินหวง แม้แต่พวกเขาก็ยังมาที่นี่ด้วย ช่างเป็นการแสดงออกที่สุดยอดจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกนี้ถึงถือว่าเป็นหนึ่งในแปดจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ ” นูบิสพูดออกมาเมื่อเห็นค่ายพวกนั้น
เจี้ยนเฉินยิ้มออกมา เขาได้บินไปยังคฤหาสน์เจียงหยาง ทั้งสองได้หยุดที่ตรงหน้าประตู
เนื่องจากเจี้ยนเฉินไม่ได้ปกปิดพลังของตน การมาถึงของเขานั้น เซียนสวรรค์ทุกคนจึงสัมผัสได้ตั้งแต่ไกล ๆ มีพลังอันแข็งแกร่งสี่อันบินมาจากภายในเข้าล้อมเขาไว้ทุกทิศทาง
สี่คนพวกนี้คือเซียนสวรรค์ที่ทำการปกป้องสถานที่แห่งนี้ซึ่งมี เจียงหวูจี่ ฉินหวู่หมิง, ฉินหวู่เจี้ยน และฉินหวู่เทียน
เมื่อสัมผัสได้ถึงท่าทีไม่เป็นมิตรจากทั้งสี่ นูบิสจึงแสดงสีหน้าบิดเบี้ยวออกมา ความเย็นชาปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของเขาและพลังมาจากการเป็นสัตว์อสูรระดับ 7 ก็ได้แสดงออกมาภายในดวงตาของเขา แทนที่จะมองไปยังเซียนสวรรค์พวกนั้น แต่เขามองราวกับว่าเขามองไปที่พวกมดปลวกมากกว่า
จิตใจของเจี้ยนเฉินหล่นวูบเมื่อสัมผัสได้ว่าท่าทีของนูบิสมีการเปลี่ยนแปลง เขาตบไปที่ไหล่ของนูบิสและพูดขึ้น “นูบิส นี่เป็นบ้านของข้า ไม่ต้อง—”
ทันใดนั้นใบหน้าของนูบิสก็ดูผ่อนคลายลงแต่ยังมองทั้งสี่คนนั้นด้วยความไม่พอใจ เขาหันไปหาเจี้ยนเฉิน และพูดออกมา ” นูบิสผู้ยิ่งใหญ่ ทำไมเจ้าไม่จำให้ดี”
ไม่รู้ว่าเขาควรหัวเราะรึร้องไห้ดี เจี้ยนเฉินตอบกลับ ” ได้ ๆ นูบิสผู้ยิ่งใหญ่ โปรดอย่ากังวลไปเลย นี่เป็นบ้านของข้า “
“เข้าใจแล้ว แต่บอกพวกกระจอกพวกนี้ด้วยว่าหยุดการกระทำของพวกมันด้วย จะไม่มีผู้ใดทำตัวยโสต่อหน้านูบิสผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ได้” นูบิสตอบด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย
เซียนสวรรค์ทั้งสี่กดพลังของตัวเองลงเมื่อเห็นว่าหนึ่งในสองคนที่มาใหม่คือ เจี้ยนเฉิน
“นายน้อยสี่กลับมาแล้ว “
“พวกเราคารวะผู้พิทักษ์จักรพรรดิ ! “
เจียงหวูจี่และอีก 3 คนรีบทักทายทันที เจียงหวูจี่มองมาที่เจี้ยนเฉินพร้อมกับรอยยิ้มอันเป็นมิตร ฉินหวู่หมิงและอีก 2 คนก็คุกเข่าให้กับเขาด้วยความเคารพ
การต่อสู้ระหว่างกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีและนิกายพยัคฆ์มังกรนั้นมาเร็วกว่าการมาถึงของเจี้ยนเฉิน ทุกคนรู้ว่าการต่อสู้นี้มีเซียนผู้คุมกฎ 3 คนได้หนีจากกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีและซิตูชิงเองก็ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ที่น่าสนใจสุด ๆ คือทุกคนรู้ว่าหัวหน้าของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีนั้นเป็นเซียนผู้คุมกฎ แม้ว่าระยะทางระหว่างอาณาจักรเกอซุนและอาณาจักรอินทรีสวรรค์จะห่างไกลกัน แต่เจียงหวูจี่และคนอื่น ๆ ก็รู้ว่านายน้อยสี่ของพวกเขาคือเซียนผู้คุมกฎคนนั้น
“นายน้อยสี่ ข้าจะไปแจ้งกับนายท่านว่าท่านกลับมาแล้ว นายท่านและฮูหยินสี่เองคิดถึงท่านเป็นอย่างมาก พวกเขาหวังไว้ว่าท่านจะกลับมาตลอด ” เจียงหวูจี่พูดขึ้นพร้อมกับหันหลังกลับไป
“ไม่จำเป็น ลุงเจียง ข้าหวังว่าจะพูดคุยกับแม่ของข้า ข้าจะไปพบท่านพ่อในอีกสักพัก” เจี้ยนเฉินอธิบาย
“ได้ งั้นข้าจะไปเตรียมจัดงานฉลองสำหรับการกลับมาของนายน้อยสี่ ” เจียงหวูจี่ถอยกลับไป แม้ว่าเขาจะดูแก่แต่ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขานั้นไม่ต่างอะไรกับคนอายุประมาณ 20 ปี
ฉินหวู่เจี้ยน, ฉินหวู่หมิง, ฉินหวู่เทียนพวกเจ้าไปพักผ่อนเถิด ข้าจะจัดการบางเรื่องก่อน” เจี้ยนเฉินพูดขึ้น
“ได้ขอรับ ผู้พิทักษ์จักรพรรดิ ! ” ทั้งสามคนทำความเคารพก่อนจะจากไป
จากนั้นเจี้ยนเฉินได้พานูบิสเข้าไปยังห้องของตนเองและได้สั่งให้คนรับใช้หลายคนและบริวารรอปรนนิบัติเผื่อว่านูบิสต้องการอะไร จากนั้นเขาจึงออกไปพบแม่ของเขา