จางจื่ออันกับเฟยหม่าซือทั้งสู้ ทั้งถอย ไม่ว่าเอาชนะผู้คุมพวกนี้หรือเอาชนะสิงโตภูเขาพวกนี้ก็ไม่มีความหมายอะไร ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครถ่ายวิดีโอที่นี่เอาไว้ ไปเจอกับพวกภูตสัตว์เลี้ยงสำคัญกว่า เขาจึงถือโอกาสตอนพวกผู้คุมไม่สังเกต ขยิบตาให้พวกภูตสัตว์เลี้ยงครั้งหนึ่ง แล้วก้มตัวลอดเข้าไปในป่า
เขามีกล้องส่องวัตถุในตอนกลางคืน ข้อดีก็คือเมื่อซ่อนอยู่ในป่า เขาไม่จำเป็นต้องเปิดไฟฉายก็พอจะมองเห็นทางได้ชัดเจน ดังนั้นพวกผู้คุมไม่มีทางชี้ขาดตำแหน่งของเขาผ่านแสงไฟได้ ไม่นานก็สลัดผู้คุมทิ้งได้
เฟยหม่าซือดมกลิ่นของฟราเทอร์อยู่ข้างหน้า ส่วนเขาเดินลำบากอยู่ข้างหลัง
เดินไปได้สักพักหนึ่ง ทางเดินก็ยากขึ้นเรื่อยๆ ต้องลอดเข้าไปในสถานที่ที่คดเคี้ยว แคบ มีต้นไม้มีหนาม และพงหญ้าอยู่ตลอด อย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่เฟยหม่าซือก็ลำบากเกินกว่าจะพูด ลอดไป ลอดมา ใบหน้าตื่นตระหนกเหมือนหนูตัวใหญ่ก็กระโจนออกมาจากในพงหญ้า
ตอนนี้เอง พงหญ้าข้างหน้าก็มีเสียงวุ่นวายดังมาระลอกหนึ่ง เหมือนมีสัตว์ป่าขนาดใหญ่อะไรกำลังเข้ามาใกล้ มือของจางจื่ออันกดอยู่บนสวิตช์ไฟฉาย คิดจะรอสัตว์ป่าลอดเข้ามาใกล้แล้วค่อยสาดแสงใส่ตามัน
ที่กระโจนออกมาจากพงหญ้าคือหมาป่าอเมริกาเหนือตัวหนึ่ง แต่มืดมิดไม่มีแสงไฟ เขาก็ดูไม่ออกว่าหมาป่าตัวนี้เป็นลูกน้องของฟราเทอร์หรือเปล่า แต่ดูจากปฏิกิริยาของเฟยหม่าซือแล้วก็น่าจะใช่
มันจำเขาได้ จากนั้นก็รีบวิ่งเข้ามา คาบขากางเกงเขาดึงไปอีกทางหนึ่ง
“ทำไม เกิดอะไรขึ้น”
หมาป่าตอบคำถามของเขาไม่ได้
“ไม่ต้องดึงแล้ว ฉันจะไปกับนาย ขืนนายดึงอีกกางเกงของฉันก็กลายเป็นกางเกงขาสั้นพอดี!”
ฟันของหมาป่าคมขนาดไหน แรงกัดมหาศาล ดึงขากางเกงโชคร้ายของเขาเป็นเส้นๆ แล้ว เห็นแล้วรู้สึกเสียดายชะมัด
หลังจากเขาตามไปเอง หมาป่าก็ปล่อยขากางเกงของเขา มันวิ่งนำทางอยู่ข้างหน้า แต่มันไม่มีประสบการณ์ในการนำทาง จึงนำลิ่วหายไปอยู่เสมอ แต่ยังหยุดรอเขาหรือกลับมาหาเขา
จางจื่ออันมองใต้เท้าเพียงอย่างเดียว กลับเป็นเฟยหม่าซือที่ได้กลิ่นคุ้นเคยแล้ว “นี่ไม่ใช่ทางเชื่อมไปหมู่บ้านอินเดียแดงเหรอ?”
กลับไปหมู่บ้านทำไม เกิดเรื่องกับเมแกนเหรอ?
เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ แต่หมาป่าก็ตอบเขาไม่ได้ ทำได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินต่อไป
หมู่บ้านร้างตอนกลางคืนก็เหมือนหมู่บ้านผี ในประตูหน้าต่างที่เปิดกว้างให้ความรู้สึกคล้ายมีสัตว์ประหลาดอะไรซ่อน มีแค่บ้านสภาพดีหลังนั้นที่มีแสงลอดออกมาเล็กน้อย
เกิดอะไรขึ้น อุตส่าห์กำชับเมแกนไม่ให้เปิดไฟในห้องที่ไม่ได้ปิดหน้าต่างแท้ๆ…
ยิ่งเขาสงสัย ลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“เมแกน ผมเอง! ผมกลับมาแล้ว! เปิดประตูหน่อย!” เขาทุบประตูดังปังๆ
เฟยหม่าซือก้มหน้าดม แล้วพูดอย่างเคร่งเครียด “แย่แล้ว มีกลิ่นคาวเลือด เหมือนจะเป็น…” มันใจไม่แข็งและไม่อยากพูดต่อไปแล้ว
ซิงไห่เงยหน้ามองเขา “เมี๊ยว จื่ออัน ต้องใจเย็นๆ”
แม่กุญแจส่งเสียงขึ้นมา เมแกนเปิดประตูด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะชี้เข้าไปในบ้านพร้อพูดตะกุกตะกัก “ทีแรกฉันไม่ได้เปิดไฟ แต่ว่า…”
จางจื่ออันไม่รอให้เธอพูดจบก็พุ่งเข้าไปในบ้าน มองปราดเดียวก็เห็นวลาดิเมียร์ที่นอนอยู่บนโต๊ะน้ำชาและฟีน่าที่กำลังรออยู่ข้างๆ อย่างกระวนกระวาย รวมถึง…เลือดที่ย้อมขนสีน้ำเงินเทาของวลาดิเมียร์จนกลายเป็นสีม่วง
พอพายเห็นเลือด มันก็ตกใจจนทิ้งกระบองไม้ไปปิดตาไม่กล้ามองอีก
“แกว๊ก? แกว๊ก?” ริชาร์ดที่ปากจัดตลอดมากลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ
“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น”
เขาสาวเท้าพุ่งไปข้างๆ โต๊ะน้ำชาอย่างรวดเร็ว แล้วตรวจอาการบาดเจ็บของวลาดิเมียร์
“ไม่! อย่าเพิ่งอธิบาย! พันแผลก่อนค่อยว่ากัน!” เขาขัดจังหวะฟีน่าและเมแกนที่กำลังจะเอ่ยปาก “ให้ฉันคิดหน่อย…เมแกน ไปต้มน้ำกาหนึ่ง แล้วล้างมือให้สะอาด ผมต้องการความช่วยเหลือของคุณ!”
เมแกนเลิกคิดไปแล้ว และไปทำตามคำสั่งของเขาโดยจิตใต้สำนึก
เพื่อขโมยอาหารและของใช้ จางจื่ออันทำให้กระเป๋าสะพายว่าง ทิ้งสิ่งของส่วนใหญ่ในกระเป๋าสะพายไว้ที่นี่ เขาควานหากล้องปฐมพยาบาลออกมาอย่างรวดเร็ว และใส่ถุงมือแบบใช้แล้วทิ้ง
บนตัวของฟีน่าก็เปื้อนเลือด แต่นั่นคือเลือดของวลาดิเมียร์ มันตำหนิตัวเองอย่างเสียใจ “ต้องโทษข้าที่ประมาทเกินไป…เจ้ารักษาเขาได้ใช่หรือไม่?”
วลาดิเมียร์อยู่ในสภาพกึ่งไร้สติเพราะเสียเลือด แต่ยังคงมีลมหายใจ จางจื่ออันตรวจอาการบาดเจ็บของมันแล้ว แผลไม่ได้ถึงชีวิต แต่วิ่งเต้นมาตลอดทางจึงเสียเลือดมากเกินไป ภาระเร่งด่วนคือต้องเย็บแผลเพื่อห้ามเลือด
“วางใจเถอะ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” เขาปลอบใจฟีน่า แต่ตัวเองกลับไม่ค่อยมั่นใจนัก
แมวไม่เหมือนกับลูกวาฬแกลบที่เขาเคยช่วยชีวิต วาฬเสียเลือดไปเป็นร้อยกิโลกรัมก็ไม่เป็นไร แต่ในร่างกายแมวไม่ได้มีเลือดมากอยู่แล้ว…
เมแกนล้างมือเรียบร้อยแล้ว “อยากให้ฉันทำอะไรคะ”
“ผมจะตัดขนใกล้ๆ แผล แล้วก็เย็บ”
นับว่าเมแกนเฉลียวฉลาดทีเดียว ไม่ต้องให้เขาอธิบายอย่างละเอียดก็ช่วยเขาหยิบขนใกล้ๆ แผลขึ้นมา เพื่อกันไม่ให้ตัดถูกเนื้อเข้า
คนเลี้ยงม้าและคนเลี้ยงผึ้งที่หลีกลี้อยู่ในป่าลึก เกิดเรื่องอะไรก็ต้องพึ่งพาตัวเองได้ เครื่องมือภายในบ้านจึงครบครันมาก อย่างเช่น เข็มเย็บผ้า ที่จริงด้ายก็มี แต่ด้ายที่ทิ้งไว้กี่ปีแล้วก็ไม่รู้น่าจะใช้งานไม่ได้แล้ว ดึงครั้งเดียวก็ขาด
จางจื่ออันให้เมแกนใช้สารเหลวไนโตรเจนฆ่าเชื้อแผล แล้วใช้น้ำสะอาดล้างสารเหลวไนโตรเจนที่เหลือออก ก่อนใช้แหนบคีบขนและสิ่งสกปรกที่อยู่ในแผลออกจนสะอาด ถึงจะใช้ไฟแช็กฆ่าเชื้อเข็ม แล้วสอดด้ายเย็บแผลจากเอ็นหางบีเวอร์เข้าไปในรูเข็ม
หลังจากแทงเข็มเข้าไปในเนื้อแล้ว วลาดิเมียร์ที่อยู่ในสภาพกึ่งไร้สติก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาจากความเจ็บปวด มันค่อยๆ ลืมตา ใช้เวลาหลายวินาทีถึงจะเห็นจางจื่ออันที่อยู่ตรงหน้าได้ชัดเจน
“อย่าขยับ อดทนหน่อย” เขาจ้องมองแผลและฝีเข็มอย่างใจจดใจจ่อ
เมแกนใช้มือกดหัวและตัวของมันเบาๆ อย่างเคร่งเครียด ด้วยกลัวว่ามันจะดิ้น แต่ก็ไม่กล้าออกแรงมากนัก
“ไม่เป็นไร ใจกล้าหน่อย ทำเรื่องใหญ่อย่ากลัวเสียเลือดหรือเสียสละ ต้องมีปณิธานอันแน่วแน่เพื่อการเสียสละ อย่าร้องให้ดวงตะวันและจันทราเปลี่ยนวันใหม่…” มันกลับใช้เสียงอ่อนล้าพูดให้กำลังใจเขา
แม้เมแกนจะฟังมันพูดไม่รู้เรื่อง แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้
มือของจางจื่ออันก็กำลังสั่น ตรงหน้าพร่ามัวเล็กน้อย ลางสังหรณ์ที่อาจจะเสียเพื่อนที่ไว้ใจได้ทำให้เขาแทบจะจับเข็มบางๆ เอาไว้ไม่อยู่ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามทำมือนิ่งอย่างที่สุด แล้วเย็บแผลทีละเข็ม
ฟีน่าเดินไปมาด้วยร้อนใจและท้อใจ มันเกลียดความรู้สึกไร้ประโยชน์แบบนี้ที่สุด เหมือนตอนที่มันเสียเธอไปเมื่อคราวนั้น
เสวี่ยซือพยายามปลอบใจฟีน่า แต่ก็ไม่เป็นผล
เฟยหม่าซือรู้ว่าตัวเองช่วยอะไรไม่ได้ ทำได้แค่หมอบอยู่หน้าประตูเงียบๆ เงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวในป่า
“หนาวนิดหน่อยนะ พวกนายหนาวไหม? หนาวเหมือนเดือนตุลา ฉันกลับไปที่จัตุรัสแดงมอสโกแล้วเหรอ…” วลาดิเมียร์พูดพึมพำ
“ฟัง! เสียงระเบิดที่พระราชวังฤดูหนาว…”
“ดู! ไฟสีแดงลุกโชนอยู่ทางตะวันออก!”
“ผู้คนที่โหร้องดีใจกรูกันเข้ามาในจัตุรัสแดง!”
“ลัทธิจักรวรรดินิยมตั้งปืนใหญ่หลายอันรบชนะประเทศหนึ่งทางตะวันออก ประวัติศาสตร์ของชนชาติหนึ่งผ่านไปแล้วจะไม่หวนกลับ…”
“ตื่น! วลาดิเมียร์! ตื่น! อย่าหลับ!” จางจื่ออันฝืนกลั้นน้ำตาที่คลอหน่วย “ในอนาคตพวกเราจะไปมอสโกด้วยกัน! ไปจัตุรัสแดง! ปักธงแดงไปทั่วโลก! ทั่วโลกยังมีแมวจรจัดต้องลำบากอีกมากมาย พวกมันรอให้นายไปปลดปล่อย!”
พอได้ยินคำพูดนี้วลาดิเมียร์เหมือนจะตื่นขึ้นมาเล็กน้อย ดวงตาไร้สติของมันพยายามเพ่งมองเขา แล้วยิ้มออกมา
“ดี!”
วลาดิเมียร์ใฝ่ฝันถึงอนาคต ใช้จิตใจที่แข็งแกร่งดังเหล็กกล้าต่อต้านความง่วง เพื่อไม่ให้หลับ มันจึงฮัมเพลงเบาๆ
“หมู่บ้านเงียบสงัดมีหิมะสีขาวปลิวว่อน
นกพิราบบินใต้ท้องฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยเมฆ
สลักสองชื่อไว้บนต้นไวท์เบิร์ช
พวกเขาสาบานว่าจะรักกันไปตราบสิ้นลมหายใจ
ต่อมาไฟสงครามลามมาถึงบ้านเกิด
คนชั่วถือปืนบุกมายังชายแดน
ที่รักคุณไม่ต้องเป็นห่วงฉัน
พอฉันกลับมาที่ป่าไวท์เบิร์ชแห่งนี้…”
วลาดิเมียร์ชอบร้องเพลงทีเดียว แต่ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นบทเพลงต่อสู้ที่เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณแห่งการสู้รบ วันนี้กลับร้องเพลงช้าและเศร้าอย่าง ‘ป่าไวท์เบิร์ช’
จางจื่ออันก็ฮัมเพลงกับมัน แม้จะหลงคีย์อยู่บ่อยครั้ง แต่ริชาร์ดกลับเงียบไม่ถากถาง
ทั้งที่เมแกนฟังภาษาจีนไม่รู้เรื่อง และไม่ได้ยินคำพูดของวลาดิเมียร์ แต่แค่เธอได้ยินทำนองเพลงรัสเซียโบราณก็ต้องสะอึกสะอื้น
“ขอร้องล่ะ…ต้องช่วยมันให้ได้นะคะ…” ไหล่ทั้งสองข้างของเธอสั่นเทา ตอนที่ตัวเองติดอยู่ในคุกยังไม่เศร้าขนาดนี้เลย
จางจื่ออันพยักหน้าจริงจัง แล้วบอกให้เธอไปจุดเตาผิง เพื่อให้บ้านอบอุ่นขึ้นมาหน่อย แล้วห่มผ้าแห้งๆ บนตัวมันหลายผืน
เปลวไฟในเตาผิงลุกโชนขึ้นมาแล้ว ฟืนแตกพ่นประกายไฟดังเป๊าะแป๊ะ
“เมี๊ยว วลาดิเมียร์…” ซิงไห่กระโดดขึ้นมาบนโต๊ะน้ำชา แล้วใช้อุ้งเท้าหน้าข้างหนึ่งลูบหน้าปากของ วลาดิเมียร์เบาๆ “นายจะต้องหาย…”
“เจี๊ยกๆ”
พายพยายามควบคุมความกลัวเลือดในใจ แล้วเข้ามาใช้สองมือกุมอุ้งเท้าหน้าข้างหนึ่งของวลาดิเมียร์เอาไว้
“พวกเจ้า…พวกเจ้าอย่าทำท่าทางเหมือนมันจะตายสิ!” ฟีน่าตำหนิอย่างโกรธเคือง แล้วตะโกนว่า “ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าตาย ได้ยินหรือไม่! ได้ยินหรือไม่!”
เฟยหม่าซือหันหน้าหนีไปยังบานประตู ไม่อยากให้ทุกคนเห็นเบ้าตาชุ่มน้ำของมัน
จางจื่ออันได้ยินเสียงหัวใจเต้นของมัน เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก แต่การเคลื่อนไหวของตัวเองช่างเชื่องช้าเหลือเกิน
ทั้งที่อากาศในบ้านหนาวมาก แต่เขากลับเครียดจนเหงื่อออกเต็มหน้า
ความจริงเขาใช้เวลาไม่กี่นาทีก็เย็บแผลเสร็จแล้ว เอ็นหางบีเวอร์ทั้งทรหดและแข็งแรงเย็บแผลได้แน่นหนา ด้านหน้าของแผลเป็นทางยาว ราวกับถูกอาวุธแหลมคมตัดเข้า แต่ก็ลดความกดดันในตอนเย็บแผลไปโดยปริยาย ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่สัตวแพทย์มืออาชีพ ถ้าแผลปริก็จัดการยากแล้ว
พอเย็บเข็มสุดท้ายเสร็จ เขาก็มัดปม ส่วนเมแกนใช้กรรไกรตัดเอ็นหางที่เหลือ
“เป็นยังไงคะ มันจะรอดใช่ไหม?” สองมือของเมแกนจับตรงหน้าอกพร้อมด้วยน้ำตาอาบแก้ม
ไม่มีใครอยากให้วลาดิเมียร์รอดไปมากกว่าจางจื่ออันแล้ว แต่ความจริงแล้วก็ยังมองโลกในแง่ดีได้ยากนัก แม้เลือดจะหยุดไหลแล้ว แต่ก่อนหน้านี้มันเสียเลือดไปมาก จนถึงขีดอันตรายแล้ว ถ้ามันร่างกายอ่อนแอและไม่ได้มีจิตใจเด็ดเดี่ยว ก็อาจจะทนได้ไม่ถึงขั้นนี้
“มันเสียเลือดมากไป หากอยากให้อาการดีขึ้น ก็ต้องหาวิธีถ่ายเลือดให้มัน” เขาพูดทีละคำ